ความคืบหน้าการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตในช่วงสลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 วันนี้ตำรวจ 3 นาย ซึ่งถ่ายคลิปวิดีโอได้ ขณะทหารขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ฝั่งตรงข้ามวัดปทุมวนารามฯ เข้าให้การต่อศาล โดยยืนยันว่า กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกองกำลังทหาร และใช้กระสุนจริงในปฏิบัติการ พร้อมย้ำว่า ทหารทุกนายไม่มีท่าทีหลบหลีกการยิงตอบโต้ของชายชุดดำจากด้านล่าง
คลิปวิดีโอนี้ถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงเวลาประมาณ 17.00-17.30 น. จากดานฟ้าบนชั้น 12 อาคาร 19 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองกำลังทหาร เข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
นี่ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของ 6 ศพวัดปทุมวนาราม ซึ่งทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ในทิศทางจากบนลงล่าง โดยในวันนี้ (7 ก.พ.56) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดสืบพยาน 3 ปาก ซึ่งทั้งหมดเป็นตำรวจที่ใช้กล้องวิดีโอ บันทึกภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
สิบตำรวจเอกอดุลย์ พรหมนอก สังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยปราบจราจลในช่วงเวลานั้น และเป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอ ให้การต่อศาลว่า สาเหตุที่ขึ้นไปบันทึกภาพ เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ภายในห้าง Zen และ Central World แต่ก็ได้สังเกตเห็นกองกำลังทหาร เคลื่อนไหวอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งบนชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม โดยเดินจากสถานีสยาม โดยเขาใช้กล้องวิดีโอ พร้อมเลนส์ขนาด 100 และ 300 มิลลิเมตร ทำให้สามารถเห็นวัตถุในระยะไกลประมาณ 100-200 เมตรได้อย่างชัดเจน
ภาพที่เห็นคือ ทหารกลุ่มนี้ อยู่ในท่าถือปืนยาวประทับบ่าเตรียมยิง หันปากกระบอกปืนเข้าไปในวัด ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา เข้าไปหลบการปะทะอยู่ด้านใน ในช่วงนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ แต่สิบตำรวจเอกดุลย์ ไม่สามารถมองเห็นแสงและควันจากปลายกระบอกปืนได้ เนื่องจากอยู่ไกลและฟ้ายังสว่าง
ส่วนดาบตำรวจสุชาติ ขอมปวม เป็นตำรวจอีกนายที่ถ่ายภาพเหตุการณ์ และให้การต่อศาลในวันนี้ (7 ก.พ.56) เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เค้าเข้าเวรพอดี
ดาบตำรวจสุชาติ ให้การยืนยันว่า เค้ามั่นใจว่ากลุ่มคนที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นกองกำลังทหารจริง เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครสามารถเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมได้ นอกจากทหาร และไม่เห็นกลุ่มคนที่เรียกว่า "ชายชุดดำ" เค้าอยู่บนดาดฟ้าอาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนตะวันลับขอบฟ้าเวลาประมาณ 18.00 น. จึงลงมาด้านล่าง แต่ยังคงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ
ทนายความฝ่ายผู้ตาย ถามปิดท้ายพยานทั้ง 3 ปากว่า เสียงปืนที่ได้ยินสามารถระบุได้หรือไม่ว่าเป็นกระสุนจริง พยานยืนยันตรงกันว่า จากประสบการณ์ด้านการใช้อาวุธ มั่นใจว่าเป็นกระสุนจริง
ตำรวจทั้ง 3 นาย ยืนยันตรงกันว่า ทหารทุกนายบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่มีท่าทีหลบหลีกการยิงตอบโต้ของผู้ชุมนุมจากทางด้านล่าง จึงแสดงให้เห็นว่า ไม่น่าจะมีการชายชุดดำยิงต่อสู้ทหารตามที่เคยเป็นข่าว แต่ประเด็นนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์หน้า เนื่องจากกองกำลังทหารที่เข้าปฏิบัติการในที่เกิดเหตุ จะเข้าให้การต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยเริ่มตั้งแต่ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.00น. เป็นต้นไป ถือเป็นการนัดสืบพยานที่น่าจับตามองอีกครั้งหนึ่ง
http://news.voicetv.co.th/thailand/62589.html
'มือถ่ายคลิปทหารบนรางบีทีเอส' เข้าให้การต่อศาล
คลิปวิดีโอนี้ถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงเวลาประมาณ 17.00-17.30 น. จากดานฟ้าบนชั้น 12 อาคาร 19 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กองกำลังทหาร เข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์
นี่ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของ 6 ศพวัดปทุมวนาราม ซึ่งทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ในทิศทางจากบนลงล่าง โดยในวันนี้ (7 ก.พ.56) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดสืบพยาน 3 ปาก ซึ่งทั้งหมดเป็นตำรวจที่ใช้กล้องวิดีโอ บันทึกภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
สิบตำรวจเอกอดุลย์ พรหมนอก สังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยปราบจราจลในช่วงเวลานั้น และเป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอ ให้การต่อศาลว่า สาเหตุที่ขึ้นไปบันทึกภาพ เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ภายในห้าง Zen และ Central World แต่ก็ได้สังเกตเห็นกองกำลังทหาร เคลื่อนไหวอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งบนชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม โดยเดินจากสถานีสยาม โดยเขาใช้กล้องวิดีโอ พร้อมเลนส์ขนาด 100 และ 300 มิลลิเมตร ทำให้สามารถเห็นวัตถุในระยะไกลประมาณ 100-200 เมตรได้อย่างชัดเจน
ภาพที่เห็นคือ ทหารกลุ่มนี้ อยู่ในท่าถือปืนยาวประทับบ่าเตรียมยิง หันปากกระบอกปืนเข้าไปในวัด ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา เข้าไปหลบการปะทะอยู่ด้านใน ในช่วงนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ แต่สิบตำรวจเอกดุลย์ ไม่สามารถมองเห็นแสงและควันจากปลายกระบอกปืนได้ เนื่องจากอยู่ไกลและฟ้ายังสว่าง
ส่วนดาบตำรวจสุชาติ ขอมปวม เป็นตำรวจอีกนายที่ถ่ายภาพเหตุการณ์ และให้การต่อศาลในวันนี้ (7 ก.พ.56) เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เค้าเข้าเวรพอดี
ดาบตำรวจสุชาติ ให้การยืนยันว่า เค้ามั่นใจว่ากลุ่มคนที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นกองกำลังทหารจริง เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครสามารถเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมได้ นอกจากทหาร และไม่เห็นกลุ่มคนที่เรียกว่า "ชายชุดดำ" เค้าอยู่บนดาดฟ้าอาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนตะวันลับขอบฟ้าเวลาประมาณ 18.00 น. จึงลงมาด้านล่าง แต่ยังคงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ
ทนายความฝ่ายผู้ตาย ถามปิดท้ายพยานทั้ง 3 ปากว่า เสียงปืนที่ได้ยินสามารถระบุได้หรือไม่ว่าเป็นกระสุนจริง พยานยืนยันตรงกันว่า จากประสบการณ์ด้านการใช้อาวุธ มั่นใจว่าเป็นกระสุนจริง
ตำรวจทั้ง 3 นาย ยืนยันตรงกันว่า ทหารทุกนายบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่มีท่าทีหลบหลีกการยิงตอบโต้ของผู้ชุมนุมจากทางด้านล่าง จึงแสดงให้เห็นว่า ไม่น่าจะมีการชายชุดดำยิงต่อสู้ทหารตามที่เคยเป็นข่าว แต่ประเด็นนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์หน้า เนื่องจากกองกำลังทหารที่เข้าปฏิบัติการในที่เกิดเหตุ จะเข้าให้การต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยเริ่มตั้งแต่ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.00น. เป็นต้นไป ถือเป็นการนัดสืบพยานที่น่าจับตามองอีกครั้งหนึ่ง
http://news.voicetv.co.th/thailand/62589.html