นิธิ เอียวศรีวงศ์ : ทุจริตเชิงนโยบาย ... มติชนออนไลน์

กระทู้สนทนา
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทยแถลงว่า หลักฐานการไหลออกของ
เงินอย่างผิดกฎหมายของประเทศไทย ตามการศึกษาขององค์กรต่างประเทศ
แห่งหนึ่งมีสูงมาก คือสูงถึงกว่า 370,000 ล้านบาท ไม่น่าสงสัยอะไรว่า
ส่วนใหญ่ของเงินจำนวนนี้ได้มาจากการทุจริต หรืออย่างน้อยก็ไม่ซื่อตรงต่อ
กฎหมาย (จะแบ่งสัดส่วนอย่างไรระหว่างข้าราชการ, นักการเมือง, นักวาณิชธนกิจ,
ผู้ส่งออก, ผู้ลงทุน ไม่ได้บอกไว้)

ประธานขององค์กร ให้ความเห็นว่า ทุจริตเชิงนโยบาย เป็นการทุจริตที่เลวร้าย
ที่สุด สอดคล้องกับความเห็นของหัวหน้าสำนักงานปฏิรูปเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ซึ่งกล่าวว่า การทุจริตเชิงนโยบายทำให้ปัญหาการ
คอร์รัปชั่นในประเทศไทยเลวร้ายลงŽ

อาจจะจริงก็ได้ แต่อะไรคือการทุจริตเชิงนโยบาย นิยามได้ยากมาก เพราะคลุม
เครือเสียจนกลายเป็นอคติหรือความเห็นของบุคคล โดยไม่มีมาตรฐานอะไรจะวัด
แม้กระนั้นผมก็ไม่ปฏิเสธว่า การทุจริตเชิงนโยบายนั้นมีจริง และไม่ได้มีเฉพาะ
ในประเทศไทย หากมีทั่วโลก และกับทุกรัฐบาลและทุกนักการเมือง

แต่ทั้งนี้ก็ด้วยนิยามหยาบๆ ว่า การสร้างและดำเนินนโยบายใดๆ ที่มุ่งประโยชน์
แก่ตนเองและพรรคพวก แทนที่จะเป็นสาธารณประโยชน์ อาจถือว่าเป็นการ
ทุจริตเชิงนโยบายทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนตนกับสิ่งที่เป็นประโยชน์
สาธารณะอาจสอดคล้องกันก็ได้ การจะชี้ว่านโยบายหนึ่งๆ มุ่งประโยชน์ส่วน
ตนจึงไม่ง่าย

เมื่อรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเคยเป็น ผบ.ทบ.และผบ.สส. มีเส้นสายโยงใยอยู่
กับกองทัพเป็นอันมาก ออก พ.ร.บ.กลาโหมฉบับใหม่ เพื่อทำให้นักการเมืองที่มา
จากการเลือกตั้ง ไม่สามารถโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพได้อีกต่อไป จนกว่าจะ
ได้รับความเห็นชอบจากทหารด้วยกันเอง เป็นการทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่?
<
<
<
ในช่วงที่คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการออกกฎหมายและระเบียบ
เกี่ยวกับธุรกิจโทรคมนาคมหลายฉบับ ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการเอื้อต่อธุรกิจของ
คุณทักษิณเอง นักวิชาการจำนวนหนึ่งพิสูจน์ข้อกล่าวหาของตนด้วยการชี้ว่า
หุ้นของบริษัทคุณทักษิณใน ตลท.ขึ้นสูงเป็นหลายเท่าตัวในช่วงนั้น

นักวิชาการที่ทำงานเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดคือ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
ซึ่งเสนอข้อมูลละเอียดพอที่จะเห็นความสอดคล้องของราคาหุ้นบริษัทคุณทักษิณ
กับการดำเนินนโยบายแต่ละขั้นตอน อีกทั้งยังชี้ให้เห็นอย่างกระจ่างชัดว่า นโยบาย
ของรัฐบาลคุณทักษิณต่อเรื่องธุรกิจโทรคมนาคมนั้น จะเกิดการเสียประโยชน์แก่
ผู้บริโภคในเมืองไทยอย่างไร เช่นทำให้ไม่เกิดการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่

คำถามของอาจารย์สมเกียรติทำให้สื่อหลายฉบับต้องติดตาม และเสนออย่างละเอียด
แม้แต่สื่อที่ได้ค่าโฆษณาเป็นกอบเป็นกำจากบริษัทของคุณทักษิณก็ไม่กล้าตกข่าวŽ
บีบบังคับให้คุณทักษิณต้องอธิบายว่า ราคาหุ้นไทยนั้นขึ้นทั้งกระดาน ไม่ใช่เฉพาะ
หุ้นบริษัทของคุณทักษิณเองคนเดียว แต่คำอธิบายนี้ไม่ทำให้สาธารณชนไทยจำนวน
หนึ่งพอใจได้ เพราะการขึ้นของหุ้นบริษัทคุณทักษิณเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงอย่างเทียบ
ไม่ได้กับราคาขึ้นเฉลี่ยของทั้งกระดาน
<
<
<
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1359966852&grpid=&catid=12&subcatid=1200

เห็นต่าง  กับอ.จ.นิธิ   ...ในเรื่องทุจริตเชิงนโยบายที่โจมตีกันมาโดยตลอด
นักธุรกิจ ที่เข้ามาทำงานการเมือง  ไม่ต้องการเงิน  ก็ต้องการกล่อง
ทุจริตเชิงนโยบาย  ...ผลประโยชน์ทับซ้อน  ...ดูจะไม่ต่างกันมากนัก
แต่นี่คือการเข้ามาสู่งานการเมืองของนักธุรกิจ  ไม่แสวงหาผลประโยชน์
ก็ปกป้องผลประโยชน์ ...ไม่มีใครเข้ามาแบบไม่หวังผลประโยชน์  ค่ะ
แต่มันต้องประสานกันให้ วิน วิน ....
อย่างที่เขาบอกว่า  การเมืองคือการ ประสานประโยชน์ค่ะ
ทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ ....บ้านเมืองถึงจะเดินหน้าได้ ...
และทุกฝ่ายต้องยอมรับด้วย

ลืมลงท้าย  ...ค่ะ เสี้ยม ...เกรียน ...
ไหม ?คนแปะนี่  เป็น login   แก่กะโหลกกะลา  
กะเฬวกะราด  มือถือสาก ปากถือศีล  หรือเปล่า   ...เอากันให้เต็มๆได้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่