เห็น ท่านหนึ่งนับถอยหลัง มาหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ เข้าหูขวา ทะลุออกหูซ้าย ของ ปปช หรือไง
ให้มันรู้ ซะบ้าง ว่า ปปช นี่กลางนะ แต่ กลางใจ ของ อดีต คนที่ทำ เรื่องที่เป็นหนี้ กว่า
2 ล้าน ๆ จน ประเทศ สลัด เรื่องนี้ไม่ออก เป็น ตัวค้ำหนี้ สาธารณะ ให้มัน ปวดแสบ ปผวดร้อนเล่น
ซะงั้น และเพื่อให้ รู้ที่มาที่ไป ว่าไอ้ หนี้ จำนวนนี้มายังไง ตามผมมาหน่อย
ถ้ามีผู้คนสนใจการบ้านการเมือง ก็คงจำกันได้ว่า ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล บริหารบ้านเมือง
ตั้งแต่ปลายกันยายน 2535 รัฐมนตรีคลัง นาย ธารินท์ นิมมานเหมินทร์ ได้จัดให้มีการเปลี่ยนแปลง ในการเปิดระบบ
ที่เรียกว่า BIBF ครับ เป็นคำย่อมาจาก Bangkok international Banking Facility เขาแปลไทยว่า วิเทศธนกิจ
โดยเปิดให้มีการทำธุรกรรมทางการเงินแบบที่นักธุรกิจในบ้านเรา ที่เคยกู้เงินมาทำกิจการ ด้วยการกู้เงินจาก ธนาคารพาณิชย์
ซึ่งดอกเบี้ยเงินฝาก อยู่ระหว่าง ร้อยละ 10 - 11 - 12 ในขณะนั้น ที่คิดดอกเบี้ยเงินกู้ จากผู้กู้ ร้อยละ 15 - 17 ต่ิอปี
ในการเปิดธุรกรรม ใหม่นี้ ให้โอกาศ เอกชน กู้จากต่างประเทศ เข้ามาทำธุรกิจเองได้ ดดย ดอกเบี้ยในขณะ นั้นอยู่ที่ ร้อยละ
5 - 6 และเป็นการกู้ระยะสั้น ผู้คนในขณะนั้นตื่นเต้นมากกับ ดอกเบี้ยจาก ต่างประเทศ ร้อยละ 5 แต่ก็มีข้อแม้ ว่า ธนาคารใน
ประเทศ ต้อง การันตี ธนาคารก้เรียกดอกเบี้ย การค้ำประกัน อีกร้อยละ 1 เท่านั้นยังไม่พอ ธนาคารเหล่านี้ ต้องการเอาที่ดิน ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ กู้มา ไปลงทุนซื้อที่ดินไว้ ครับ ธนาคาร เบิ้ล ซะสองต่อ
นั่นคือ 1. ดอกเบี้ยเพิ่ม 1 % เป็นรายได้ของแบงค์
2. ที่ดินที่ลูกค้าเอาเงินไปซื้อ เป็นแลนด์แบ้งค์ ถูก เอาไปเป็นทรัพย์ ค้ำประกัน
ที่ไม่คิดกัน คือ เป็นการกู้ระยะสั้น ไม่เกิน 3 ปี เท่านั้น จากการที่คนไทย ซื้อที่ดิน ปรกติ จะเป็นการลงทุนระยะยาว
กรรมวิธี กู้เงินแบบนี้ ทำกัน ตอนปี 2535 - 2537
กู้ปลา่ยปี 35 ครบ ปี 39 กู้ปี 36 ครบปี 39 กู้ปี 37 ครบ ปี 40
ต้นปี 40 คุณชวลิต เข้ามาเป็นนายก มีการโจมตี ค่าเงินบาท ช่วง 10 วันสุดท้าย ของเดือนมิถุนา 2540 จอช โซรอส
โจมตีค่าเงินบาท ธปท ใช้เงินทุนสำรอง ออกตอบโต้ เพื่อพยุงค่าเงินบาท มีหลายคน ที่ดำเนินการทางการเงินของเรา ใช้วิธีสกปรก
ในการให้ความอนุเคราะห์ พวกเฮดจ์ฟันด์ เข้ามาโจมตี ค่าเงินบาท ด้วยการ ทำแบบนี้
จังหวะที่ พวกค้าเงินเข้าโจมตีเงินบาท แบบซื้อล่วงหน้า ที่ต้องหาเงินบาท มาจ่ายในมูลค่ามหาศาล ตามกำหนดเวลา ซึ่งก้แน่ละ พวกที่คิดร้ายต่อวงการเงิน หาเงินบาทมาให้ไม่ได้ งานนี้ มีผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ไปจัดการผ่อนผัน ให้ผู้ก่อการร้ายทางการเงิน ให้ได้รับการเลื่อนเวลา ไปอีก 2 เดือน ว่ากันว่า มีผู้รู้ว่าจะมีการลดค่าเงิน ล่วงหน้า 10 กว่าวัน ประกาศลดค่าเงินบาท วันที่ 2 กรกฏาคม 2540 วันเริ่มต้นของ
ความยุ่งยากทั้งวหลายทั้งปวง
ตอนนั้นเงินบาทอยู่ที่ 25 - 26 บาทต่อดอลล์ กู้มา ก็ต้องใช้คืนในอัตรานี้ แต่เมื่อ ใช้เงินบาท 48 -50 บาท ต่อดอลล์ไปใช้เขา
ความล้มละลายจึงเกิดขึ้น มีหนี้ 50 ล้านดอลล์ กลายเป็น 100 ล้านดอลล์ เจ้งครับ ไม่รู้ว่าจะหาที่ไหนไปใช้เขา
ในขณะเดียวกัน ธปท เอาเงินสำรองไปต่อสู้จนหมดหน้าตัก สุดท้าย คุณชวลิต ต้องสั่งปิดสถา่บันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารเสีย 58 แห่ง
เป็นการปิดชั่วคราว ต่อมาคุณชวน ที่เข้ามาอีกครั้ง สั่งปิด ถาวร เสีย 56 แห่ง แล้วเปิด หน่วยงานปฏิรูป สถาบันการเงิน ที่มีชื่อย่อว่า
ปรส เป้นสถาบัน ที่เอา สินทรัพย์ ของ สถาบัน การเงิน มาเร่ขาย ในราคา แค่ 1 ใน 4 ของราคาจริง รวมทั้ง ออก ก.ม. ห้ามคนไทย หรือ
ธนาคารไทย ซื้อ ต้องต่างชาติเท่านั้น แถม ยกเว้นภาษี ให้เขาอีก โดยไม่ฟังว่า ยังมีสถาบันการเงิน ที่สามารถ เดินไปได้ ด้วย
หนี้สิน ที่ ปรส รับไว้ ประมาณ 2.2 ล้าน ๆบาทไทย โดยรัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ย ปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
รวมดอกเบี้ยที่จ่ายไป กว่า 1.2 ล้าน ๆบาทไทย เงินต้น ลด ไปแค่เล็กน้อยเท่านั้นเพราะ ธนาคารเป็นผู้จ่าย
และสุดท้ายเป็นที่มาของการร้องเรียน หลายคน ที่เข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่น่าสงสัย หลายคน มีส่วนเป็น กรรมการบริหาร
ของบริษัท ต่างชาติ ที่เข้ามาซื้อทรัพยสิน ของ เราในราคาแสนถูก และขายให้กับคนไทย ในราคาแพง เรื่องนี้เข้าสู่การดำเนินการ
ของ ปปช มาตั้งแต่ ปี 2542 จะหมดอายุ ในเดือน มิถุนา ปีนี้ ครบ 12 ปี แห่ง มหากาพย์ ที่ทำให้คนไทย ต้องรับเคราะห์ ไปด้วย
ตั้งแต่ แบเบาะ ยัน ผู้แก่ ผู้เฒ่า เรื่อง ก็คง หมดอายุไปพร้อม กับ การหมดอายุ และความน่าเชื่อถือของ คนไทย ต่อ องค์กรอิสระแห่งนี้ด้วย
เหนื่อยครับ แต่ ก็อยากเล่า ให้ฟัง บ้าง เพื่อความทรงจำของ คนไทยทุกคน
บรรณานุกรม
ธุรกิจ BIBF ของ ธนาคาร ประเทศไทย ปี 2545
หนังสือ สันดาน หนังสือพิมพ์ ของ สมัคร สุนทรเวช ฉบับปรับปรุงใหม่ ปี 2552
ตำนาหนองงูเห่า ของ ดุสิต ศิริวรรณ และสมัคร สุนทรเวช ปี 2548
ปรส ภาค 1 และ ภาค 2 ของ ดุสิต ศิริวรรณ ปี 2548
ตำนานมหากาพย์ ที่ เจ็บปวด
ให้มันรู้ ซะบ้าง ว่า ปปช นี่กลางนะ แต่ กลางใจ ของ อดีต คนที่ทำ เรื่องที่เป็นหนี้ กว่า
2 ล้าน ๆ จน ประเทศ สลัด เรื่องนี้ไม่ออก เป็น ตัวค้ำหนี้ สาธารณะ ให้มัน ปวดแสบ ปผวดร้อนเล่น
ซะงั้น และเพื่อให้ รู้ที่มาที่ไป ว่าไอ้ หนี้ จำนวนนี้มายังไง ตามผมมาหน่อย
ถ้ามีผู้คนสนใจการบ้านการเมือง ก็คงจำกันได้ว่า ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล บริหารบ้านเมือง
ตั้งแต่ปลายกันยายน 2535 รัฐมนตรีคลัง นาย ธารินท์ นิมมานเหมินทร์ ได้จัดให้มีการเปลี่ยนแปลง ในการเปิดระบบ
ที่เรียกว่า BIBF ครับ เป็นคำย่อมาจาก Bangkok international Banking Facility เขาแปลไทยว่า วิเทศธนกิจ
โดยเปิดให้มีการทำธุรกรรมทางการเงินแบบที่นักธุรกิจในบ้านเรา ที่เคยกู้เงินมาทำกิจการ ด้วยการกู้เงินจาก ธนาคารพาณิชย์
ซึ่งดอกเบี้ยเงินฝาก อยู่ระหว่าง ร้อยละ 10 - 11 - 12 ในขณะนั้น ที่คิดดอกเบี้ยเงินกู้ จากผู้กู้ ร้อยละ 15 - 17 ต่ิอปี
ในการเปิดธุรกรรม ใหม่นี้ ให้โอกาศ เอกชน กู้จากต่างประเทศ เข้ามาทำธุรกิจเองได้ ดดย ดอกเบี้ยในขณะ นั้นอยู่ที่ ร้อยละ
5 - 6 และเป็นการกู้ระยะสั้น ผู้คนในขณะนั้นตื่นเต้นมากกับ ดอกเบี้ยจาก ต่างประเทศ ร้อยละ 5 แต่ก็มีข้อแม้ ว่า ธนาคารใน
ประเทศ ต้อง การันตี ธนาคารก้เรียกดอกเบี้ย การค้ำประกัน อีกร้อยละ 1 เท่านั้นยังไม่พอ ธนาคารเหล่านี้ ต้องการเอาที่ดิน ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ กู้มา ไปลงทุนซื้อที่ดินไว้ ครับ ธนาคาร เบิ้ล ซะสองต่อ
นั่นคือ 1. ดอกเบี้ยเพิ่ม 1 % เป็นรายได้ของแบงค์
2. ที่ดินที่ลูกค้าเอาเงินไปซื้อ เป็นแลนด์แบ้งค์ ถูก เอาไปเป็นทรัพย์ ค้ำประกัน
ที่ไม่คิดกัน คือ เป็นการกู้ระยะสั้น ไม่เกิน 3 ปี เท่านั้น จากการที่คนไทย ซื้อที่ดิน ปรกติ จะเป็นการลงทุนระยะยาว
กรรมวิธี กู้เงินแบบนี้ ทำกัน ตอนปี 2535 - 2537
กู้ปลา่ยปี 35 ครบ ปี 39 กู้ปี 36 ครบปี 39 กู้ปี 37 ครบ ปี 40
ต้นปี 40 คุณชวลิต เข้ามาเป็นนายก มีการโจมตี ค่าเงินบาท ช่วง 10 วันสุดท้าย ของเดือนมิถุนา 2540 จอช โซรอส
โจมตีค่าเงินบาท ธปท ใช้เงินทุนสำรอง ออกตอบโต้ เพื่อพยุงค่าเงินบาท มีหลายคน ที่ดำเนินการทางการเงินของเรา ใช้วิธีสกปรก
ในการให้ความอนุเคราะห์ พวกเฮดจ์ฟันด์ เข้ามาโจมตี ค่าเงินบาท ด้วยการ ทำแบบนี้
จังหวะที่ พวกค้าเงินเข้าโจมตีเงินบาท แบบซื้อล่วงหน้า ที่ต้องหาเงินบาท มาจ่ายในมูลค่ามหาศาล ตามกำหนดเวลา ซึ่งก้แน่ละ พวกที่คิดร้ายต่อวงการเงิน หาเงินบาทมาให้ไม่ได้ งานนี้ มีผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ไปจัดการผ่อนผัน ให้ผู้ก่อการร้ายทางการเงิน ให้ได้รับการเลื่อนเวลา ไปอีก 2 เดือน ว่ากันว่า มีผู้รู้ว่าจะมีการลดค่าเงิน ล่วงหน้า 10 กว่าวัน ประกาศลดค่าเงินบาท วันที่ 2 กรกฏาคม 2540 วันเริ่มต้นของ
ความยุ่งยากทั้งวหลายทั้งปวง
ตอนนั้นเงินบาทอยู่ที่ 25 - 26 บาทต่อดอลล์ กู้มา ก็ต้องใช้คืนในอัตรานี้ แต่เมื่อ ใช้เงินบาท 48 -50 บาท ต่อดอลล์ไปใช้เขา
ความล้มละลายจึงเกิดขึ้น มีหนี้ 50 ล้านดอลล์ กลายเป็น 100 ล้านดอลล์ เจ้งครับ ไม่รู้ว่าจะหาที่ไหนไปใช้เขา
ในขณะเดียวกัน ธปท เอาเงินสำรองไปต่อสู้จนหมดหน้าตัก สุดท้าย คุณชวลิต ต้องสั่งปิดสถา่บันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารเสีย 58 แห่ง
เป็นการปิดชั่วคราว ต่อมาคุณชวน ที่เข้ามาอีกครั้ง สั่งปิด ถาวร เสีย 56 แห่ง แล้วเปิด หน่วยงานปฏิรูป สถาบันการเงิน ที่มีชื่อย่อว่า
ปรส เป้นสถาบัน ที่เอา สินทรัพย์ ของ สถาบัน การเงิน มาเร่ขาย ในราคา แค่ 1 ใน 4 ของราคาจริง รวมทั้ง ออก ก.ม. ห้ามคนไทย หรือ
ธนาคารไทย ซื้อ ต้องต่างชาติเท่านั้น แถม ยกเว้นภาษี ให้เขาอีก โดยไม่ฟังว่า ยังมีสถาบันการเงิน ที่สามารถ เดินไปได้ ด้วย
หนี้สิน ที่ ปรส รับไว้ ประมาณ 2.2 ล้าน ๆบาทไทย โดยรัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ย ปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
รวมดอกเบี้ยที่จ่ายไป กว่า 1.2 ล้าน ๆบาทไทย เงินต้น ลด ไปแค่เล็กน้อยเท่านั้นเพราะ ธนาคารเป็นผู้จ่าย
และสุดท้ายเป็นที่มาของการร้องเรียน หลายคน ที่เข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่น่าสงสัย หลายคน มีส่วนเป็น กรรมการบริหาร
ของบริษัท ต่างชาติ ที่เข้ามาซื้อทรัพยสิน ของ เราในราคาแสนถูก และขายให้กับคนไทย ในราคาแพง เรื่องนี้เข้าสู่การดำเนินการ
ของ ปปช มาตั้งแต่ ปี 2542 จะหมดอายุ ในเดือน มิถุนา ปีนี้ ครบ 12 ปี แห่ง มหากาพย์ ที่ทำให้คนไทย ต้องรับเคราะห์ ไปด้วย
ตั้งแต่ แบเบาะ ยัน ผู้แก่ ผู้เฒ่า เรื่อง ก็คง หมดอายุไปพร้อม กับ การหมดอายุ และความน่าเชื่อถือของ คนไทย ต่อ องค์กรอิสระแห่งนี้ด้วย
เหนื่อยครับ แต่ ก็อยากเล่า ให้ฟัง บ้าง เพื่อความทรงจำของ คนไทยทุกคน
บรรณานุกรม
ธุรกิจ BIBF ของ ธนาคาร ประเทศไทย ปี 2545
หนังสือ สันดาน หนังสือพิมพ์ ของ สมัคร สุนทรเวช ฉบับปรับปรุงใหม่ ปี 2552
ตำนาหนองงูเห่า ของ ดุสิต ศิริวรรณ และสมัคร สุนทรเวช ปี 2548
ปรส ภาค 1 และ ภาค 2 ของ ดุสิต ศิริวรรณ ปี 2548