คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
จขกท มองว่าเป็นความเห็นแก่ตัว เพราะ.....
"คนพูด" ได้ระบายแล้ว...สบายใจแล้ว...เปิดตรูดหนี
ปล่อยให้ "คนฟัง" รับมือกับความรู้สึก (แย่ๆ) ที่ตามมา..เพียงคนเดียว
เหมือนมีคนเดินมาตดใส่อย่างสะใจ ..แล้วเดินหนี
ปล่อยให้จขกท ยืนอึ้งกิมกี่ ทั้งโกรธทั้งงงว่าทำไมต้องเป็นกรู
เรามองว่า จขกท มีสิทธิที่จะคิดนะคะ เพราะคุณเป็นคนถูกกระทำ
คนเราชอบมองว่า....
การที่คนอื่นมาบอกรักหรือ "หยิบยื่นสิ่งดีๆ" ให้เรา....เป็นเรื่องน่ายินดี
แต่เรากลับมองว่า ...
การหยิบยื่นอะไรก็ตามให้คนอื่น เราควรประเมินก่อนว่า...
"เขาอยากได้สิ่งนั้นหรือไม่"
บางครั้ง สิ่งที่เราคิดว่าเป็น "สิ่งดีๆ"
มันอาจกลายเป็นสิ่งที่ "ทำร้าย"คนอื่น..ก็ได้
เช่น..
- ซื้อทุเรียนไปฝากเพื่อนที่ (เราไม่รู้ว่า)เป็นเบาหวาน
- ตอกบัตรเข้างานแทนเพื่อน
- บอกความจริงว่า สามีเพื่อนมีเมียน้อย
ฯลฯ
สรุปแล้ว...ผู้ให้ "สิ่งดีๆ" ก็ควรคิดสัก 2-3 ชั้นก่อนจะให้
สำหรับ จขกท..
แม้เราบอกว่า คุณมีสิทธิจะคิดอะไรก็ได้
แต่การคิดแบบนั้น...มันเป็นการคิดทางลบ
ซึ่งเป็นการทำร้ายตัวเองซ้ำลงไปอีก
ดังนั้น....เมื่อคิดไปได้ระยะหนึ่งก็ควรเลิกคิดซะ
แล้วหันมามองในมุมใหม่ที่ไฉไลกว่าเก่า
คือ มองลึกลงไปที่ "เจตนา" ของผู้ให้
เขาซื้อทุเรียนมาฝากเพราะเห็นคุณเคยโปรดปราน
และไม่รู้ว่าปีนี้คุณเป็นโรคเบาหวานซะแล้ว ฯลฯ
เขาบอกรักเพราะเขาอยากเป็นแฟนคุณ อยากดูแลคุณ
เขาอาจไม่รู้ว่าคุณไม่ต้องการ...
ที่เห็นคุณแกล้งทำเป็นไม่รู้ เขาอาจนึกว่าคุณแทงกั๊ก
ก็เลยอาศัยจังหวะเมา...สารภาพรักซะเลย
เผื่อโดนคุณด่าไง..จะได้ถือโอกาสด่ากลับ
เพราะคนเมาทำอะไรก็ไม่ผิด 555
วิธีเดียวที่จะทำให้เขารู้ว่าคุณปฏิเสธแบบจริงจัง
คือบอกเขาอย่างตรงไปตรงมา
จะพูดหรือเขียนก็ได้ ..อย่างึมๆงำๆ แบบนี้
ที่แนะนำแบบนี้เพราะ...
เราไม่เชื่อว่าคุณแสดงออกชัดเจนว่าคิดกับเขาแค่เพื่อน
ดูจากวิธีการตั้งกระทู้ (เลี่ยงว่าเป็นปัญหาของตนตั้งแต่แรก)
เดาว่า....คุณเป็นคนไม่มั่นใจในการแสดงตัวตนซักเท่าไหร่
เราจึงคิดว่า...
ถ้าคุณชัดเจนมากกว่านี้ สถานการณ์มันจะค่อยๆดีขึ้นแน่นอน
นอกนั้นก็...เห็นด้วยความ คห.ที่ 6 ค่ะ
"คนพูด" ได้ระบายแล้ว...สบายใจแล้ว...เปิดตรูดหนี
ปล่อยให้ "คนฟัง" รับมือกับความรู้สึก (แย่ๆ) ที่ตามมา..เพียงคนเดียว
เหมือนมีคนเดินมาตดใส่อย่างสะใจ ..แล้วเดินหนี
ปล่อยให้จขกท ยืนอึ้งกิมกี่ ทั้งโกรธทั้งงงว่าทำไมต้องเป็นกรู
เรามองว่า จขกท มีสิทธิที่จะคิดนะคะ เพราะคุณเป็นคนถูกกระทำ
คนเราชอบมองว่า....
การที่คนอื่นมาบอกรักหรือ "หยิบยื่นสิ่งดีๆ" ให้เรา....เป็นเรื่องน่ายินดี
แต่เรากลับมองว่า ...
การหยิบยื่นอะไรก็ตามให้คนอื่น เราควรประเมินก่อนว่า...
"เขาอยากได้สิ่งนั้นหรือไม่"
บางครั้ง สิ่งที่เราคิดว่าเป็น "สิ่งดีๆ"
มันอาจกลายเป็นสิ่งที่ "ทำร้าย"คนอื่น..ก็ได้
เช่น..
- ซื้อทุเรียนไปฝากเพื่อนที่ (เราไม่รู้ว่า)เป็นเบาหวาน
- ตอกบัตรเข้างานแทนเพื่อน
- บอกความจริงว่า สามีเพื่อนมีเมียน้อย
ฯลฯ
สรุปแล้ว...ผู้ให้ "สิ่งดีๆ" ก็ควรคิดสัก 2-3 ชั้นก่อนจะให้
สำหรับ จขกท..
แม้เราบอกว่า คุณมีสิทธิจะคิดอะไรก็ได้
แต่การคิดแบบนั้น...มันเป็นการคิดทางลบ
ซึ่งเป็นการทำร้ายตัวเองซ้ำลงไปอีก
ดังนั้น....เมื่อคิดไปได้ระยะหนึ่งก็ควรเลิกคิดซะ
แล้วหันมามองในมุมใหม่ที่ไฉไลกว่าเก่า
คือ มองลึกลงไปที่ "เจตนา" ของผู้ให้
เขาซื้อทุเรียนมาฝากเพราะเห็นคุณเคยโปรดปราน
และไม่รู้ว่าปีนี้คุณเป็นโรคเบาหวานซะแล้ว ฯลฯ
เขาบอกรักเพราะเขาอยากเป็นแฟนคุณ อยากดูแลคุณ
เขาอาจไม่รู้ว่าคุณไม่ต้องการ...
ที่เห็นคุณแกล้งทำเป็นไม่รู้ เขาอาจนึกว่าคุณแทงกั๊ก
ก็เลยอาศัยจังหวะเมา...สารภาพรักซะเลย
เผื่อโดนคุณด่าไง..จะได้ถือโอกาสด่ากลับ
เพราะคนเมาทำอะไรก็ไม่ผิด 555
วิธีเดียวที่จะทำให้เขารู้ว่าคุณปฏิเสธแบบจริงจัง
คือบอกเขาอย่างตรงไปตรงมา
จะพูดหรือเขียนก็ได้ ..อย่างึมๆงำๆ แบบนี้
ที่แนะนำแบบนี้เพราะ...
เราไม่เชื่อว่าคุณแสดงออกชัดเจนว่าคิดกับเขาแค่เพื่อน
ดูจากวิธีการตั้งกระทู้ (เลี่ยงว่าเป็นปัญหาของตนตั้งแต่แรก)
เดาว่า....คุณเป็นคนไม่มั่นใจในการแสดงตัวตนซักเท่าไหร่
เราจึงคิดว่า...
ถ้าคุณชัดเจนมากกว่านี้ สถานการณ์มันจะค่อยๆดีขึ้นแน่นอน
นอกนั้นก็...เห็นด้วยความ คห.ที่ 6 ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คนที่กล้าไปบอกรักเพื่อน เป็นคนเห็นแก่ตัวรึป่าวค่ะ **ไม่รู้จะตั้งห้องไหน
คนที่ไปสารภาพรักกับเพื่อนสนิท ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับเรา
ถือว่า.. เป็นคนเห็นแก่ตัวรึป่าวค่ะ
รู้ว่าสารภาพไปแล้ว อาจทำให้เค้าลำบากใจ แต่ก็เลือกที่จะบอกออกไป
เพื่อความสบายใจของตัวเอง จะได้ไม่ต้องมาอัดอั้นปิดบัง
ถ้าเป็นอย่างงี้ มันเห็นแก่ตัวเลยใช่มั้ยค่ะ