Link ตอนที่ 1 ค่ะ part 1
http://ppantip.com/topic/30041844" rel="nofollow" >
http://ppantip.com/topic/30041844
ตอนที่ 1 part 2 (จบตอน)
http://ppantip.com/topic/30047179
ตอนที่ 2 part 1
http://ppantip.com/topic/30062087
ตอนที่ 2 part 2
ชายหนุ่มร่างสูงสบถอย่างหัวเสียขณะกระชากผ้าพันแผลออกจากต้นแขนอย่างทุลักทุเล ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่ามองเห็นแผงอกแข็งแรงและกล้ามเนื้อเป็นมัดกระชับ ที่ต้นแขนข้างหนึ่งปรากฏบาดแผลที่ยังใหม่สดอยู่มากเป็นรอยกรีดยาวลงไปเกือบถึงข้อศอก
“ไอ้รุณ” เขาตะโกนเรียกหาคนรับใช้ดังก้อง “มาทำแผลให้หน่อยมัวไปมุดหัวอยู่ไหนวะ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดพื้นเมืองรีบวิ่งหน้าตั้งมาตั้งแต่ได้ยินเสียงเรียกชื่อในคราวแรก เขาโผล่หน้ามาดูพร้อมทั้งส่ายหน้าเลิ่กลั่กมองหาต้นเสียง ในมือยังมีสุนัขตัวเล็กขนสีน้ำตาลร้องเห่าเสียงแหลมอย่างน่ารำคาญ
“นายมีอะไร เรียกพิรุณทำไม”
“มัวแต่เลี้ยงหมามาดูแลคนบ้าง ทำแผลให้ที” เจ้านายร้องบอกอย่างหงุดหงิดมือสาวผ้าพันแผลที่มีทั้งคราบเลือดแห้งกรังและยาสีน้ำตาลแต้มเปรอะทั่วทั้งผืน
“นาย นาย ตั้งชื่อให้หมาของพิรุณหน่อยสิ พิรุณคิดชื่อภาษากลางเพราะๆไม่ออก” ลูกน้องบอกด้วยความตื่นเต้นเป็นภาษากลางออกสำเนียงเพี้ยนอย่างคนพื้นถิ่นทั่วไป เจ้านายนิ่งเงียบตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจแต่คนถามดูจะไม่ทันสังเกตจึงร้องเซ้าซี้อีกครั้งเขาปล่อยสุนัขตัวเล็กให้วิ่งเล่นในห้องก่อนจะก้าวเข้าไปช่วยจัดการกับผ้าพันแผลที่ถูกดึงกระชากออกจนพันกันยุ่งไปหมด
“นะ นายตั้งชื่อดีๆให้มันหน่อยโตขึ้นมันต้องเป็นหมาฉลาดแน่ๆ”
“ชื่อ “หมา” ก็แล้วกัน” เขาแค่นเสียงตอบหลังจากนิ่งเงียบไปนาน
“เฮ้ย ตั้งชื่อสินาย ชื่อเรียกเพราะๆทำไมตั้งชื่อหมาว่าหมาล่ะ” ลูกน้องร้องโวยวาย
“จะชื่ออะไรมันก็เป็นหมา”
“นายสิงห์นี่ไม่มีเซ้นส์เอาเสียเลย” เขาบ่นเจ้านายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเสียยิ่งกว่าภาษาไทยกลางมือก็ทำแผลไปด้วย “มิน่าล่ะสาวๆไม่เข้าหา”
“ไม่เข้าหาก็ดี น่ารำคาญ ให้หาเอ็งแทนนั่นแหละดี”
“ไม่หรอกพิรุณมันต่ำเตี้ยดำก็ดำแถมดั้งก็ไม่มี ไม่หล่อเหมือนนายสิงห์นี่” เจ้าตัวแหงนหน้ามองแทบจะคอตั้งบ่าค่าที่ความสูงต่างกับเจ้านายมาก
นายสิงห์ตัวใหญ่ราวกับยักษ์แขนขาแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามไม่ใช่ผอมลีบเป็นไม้ซีกอย่างพิรุณ ไหนจะผิวสีแทนที่เนียนละเอียดทั้งรูปหน้าสมส่วนจมูกโด่งตาคม ดูเถอะขนาดว่าไว้ผมเป็นทรงอะไรไม่รู้ดูยุ่งรุงรังปล่อยให้ยาวระต้นคอตามมีตามเกิด นังพวกสาวๆยังมองตามกันตาละห้อย
“เป็นที่บ้านพิรุณหน่อยไม่ได้นายสิงห์โดนแม่หญิงจับไปทำผัวนานแล้ว”
“ทำไม บ้านเอ็งเขาให้ผู้หญิงสู่ขอผู้ชายได้หรือไง”
“ม่ายช่าย” เจ้าตัวส่ายหน้าหวือ “หมู่บ้านพิรุณมีผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิง ใครมาก่อนได้ก่อน หล่อๆอย่างนายสิงห์นี่แย่งกันตาย ดีไม่ดีก็จะโดนมอมยาเอาไปเป็นผัว”
“คงไม่ขาดแคลนขนาดนั้นมั้ง ไม่งั้นทำไมเอ็งถึงรอดมาได้ล่ะ” เจ้านายส่ายหน้าทั้งโมโหทั้งขำ
“ก็บอกแล้วพิรุณมันไม่หล่อ เออ..ใช่” เด็กหนุ่มร้องอย่างนึกขึ้นได้ “เมื่อตอนสายพี่สีแพรมาหา เห็นว่าเย็นนี้จะทำของกินมาให้นาย” สาวสวยประจำหมู่บ้านอาศัยความที่บิดาเป็นคนสนิทของเจ้านาย จึงได้โอกาสฝากตัวรับใช้คอยหาโอกาสแวะเวียนมาปรนนิบัติสม่ำเสมอ
เจ้านายได้รับฟังโดยไม่ต่อความยาวแสดงถึงความไม่ใส่ใจนัก เด็กรับใช้ทำแผลให้อย่างว่องไวเพียงไม่นานแผลสดก็ได้รับการทำความสะอาดผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกนำมาพันรอบบาดแผลไว้อย่างเรียบร้อย
“แผลไม่ลึกมาก พิรุณพันให้บางๆแค่กันฝุ่นละอองไม่ให้สกปรกอีกไม่นานก็แห้งแล้ว” เด็กรับใช้บอกขณะเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงในกล่องพลาสติกซึ่งเต็มไปด้วยยาสามัญประจำบ้าน
“ไหมสิยาเป็นไงบ้าง” วีรสิงห์ถามขึ้น เด็กรับใช้ได้ยินคำถามก็มีสีหน้าสลดลงเขาหลุบตาต่ำมองพื้นหน้าดำๆมีร่องรอยสะเทือนใจอย่างปิดไม่มิด
“เป็นไข้นายสิงห์” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแหบเครือ “นอนหลับไม่สนิทคงฝันร้ายเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาแม่ของพิรุณใจจะขาดเสียให้ได้” ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มยกท่อนแขนขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ตากลมใสซื่อกลับวาววับด้วยความเคียดแค้น
“พิรุณอยากไปด้วยนักอยากฆ่ามันกับมือ”
“ฉันจัดการมันไปแล้ว สัตว์นรกพรรณนั้นอย่าแตะให้เสียมือเลย” เจ้านายมีสีหน้าเรียบเฉยมองไม่ออกว่าว่าเขารู้สึกอย่างไร
“ถ้าไม่มีนายสิงห์พวกเราคงถูกรังแกไม่จบสิ้น ชาวป่าชาวดงไม่รู้หนังสือไม่มีปัญญาจะไปเรียกร้องเอากับใคร”
“ก็ถึงบอกให้ไปเรียนหนังสือไงล่ะจะได้เป็นปากเป็นเสียงให้คนในหมู่บ้าน” ชายหนุ่มเดินไปยังโต๊ะทำงานทำจากแผ่นไม้หนาตีประกบกันอย่างหยาบๆอย่างที่คนทำคงจะทำส่งๆไปแค่พอให้ใช้งานได้ บนโต๊ะนอกจากจะวางเครื่องพิมพ์ซึ่งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แบบพกพา ยังเต็มไปด้วยกระดาษทั้งที่เป็นตัวหนังสือและรูปภาพวางกระจัดกระจาย
“มันเป็นไงบ้างนาย นายจัดการกับมันยังไง”
“สีทาไม่ได้เล่าหรือไง” เขาหมายถึงหัวหน้าคนงานที่ติดตามไปทำพิธีสำเร็จโทษ
“ลุงสีทาบอกแต่ว่านายจัดการมันเรียบร้อยแล้ว นายทำยังไงเชือดคอหรือยิงมันทิ้ง ศพของมันล่ะนายเอาไปโยนให้แร้งกากินหรือเปล่า”
“ไม่ต้องรู้หรอกเป็นเด็กเป็นเล็ก”
“พิรุณอายุสิบหกแล้วทำงานที่ปางได้หลายอย่างยิงปืนลูกซองก็ได้ ต่อไปพิรุณจะเข้าเวรกลางคืนคอยสอดส่องดูพวกใจชั่ว” เด็กหนุ่มร้องบอกมือทุบอกอยู่ปึกๆ
“เออ รู้แล้ว ตอนนี้ไปเลี้ยงหมาก่อนไปไอ้เจ้าหมานั่นน่ะ ช่วยสอดส่องอย่าให้มากวนใจเอามันไปไกลๆฉันเลย” ลูกหมาตัวเล็กวิ่งซุกซนอยู่พักใหญ่แล้วมันคอยดุนจมูกตามซอกมุมที่มีของวางเกะกะอย่างสนใจ จากนั้นก็วิ่งเข้าหาโต๊ะตัวใหญ่พยายามแทะขาโต๊ะทำงานอยู่เป็นนานสองนาน ตอนนี้มันคุ้นกับสถานที่มากแล้วจึงวิ่งวนไปมาแถมยังไล่งับชายกางเกงของเจ้าของห้องอยู่พัลวัน
“มันน่ารักออกนายสิงห์ ฉลาดอีกด้วย พิรุณสั่งอะไรมันก็นิ่งฟัง ลุงสีทาบอกว่าดูจากรูปร่างของมันเป็นหมาพันธุ์ดีโตขึ้นคงแข็งแรงช่วยเป็นหูเป็นตาได้ ไม่รู้มีเจ้าของหรือเปล่า” เด็กหนุ่มไล่จับมันไว้ในอ้อมกอดเสียก่อนที่มันจะทำความรำคาญให้เจ้านายใหญ่จนถูกเตะออกไปนอกห้อง
“ใครเจอก่อนคนนั้นก็เป็นเจ้าของ” เจ้านายว่าเสียอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มแป้น คำพูดของนายสิงห์เป็นเสมือนคำประกาศิตของที่นี่ ลุงสีทาเป็นคนพบมันและเอามาโยนทิ้งไว้กับเขา แสดงว่าตอนนี้มันอยู่ในความดูแลของเขาโดยชอบธรรม
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องหมดความสนใจแต่เพียงเท่านั้น เขาหันไปพิจารณาภาพถ่ายที่ค้นมาจากกองกระดาษบนโต๊ะพลางตบกระเป๋ากางเกงหาของ เด็กรับใช้เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งไว้บนเตียงมุมห้องให้อย่างรู้ใจ ก่อนจะถอยหลังออกจากห้องดึงประตูปิดให้อย่างรู้มารยาท
“ไอ้เสือ ได้ความว่าไงบ้าง” เขากรอกเสียงลงไปหลังจากกดหมายเลขติดต่อ
“ส่งรูปไปให้ได้หรือยัง” เสียงจากปลายสายตอบกลับ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเพ่งมองภาพถ่ายจากดาวเทียมที่อยู่ในมือ
“ได้แล้ว
เล่นโค่นไม้กันเป็นล่ำเป็นสัน ยังดีไม่มีพวกเครื่องจักรหนักเข้าไปด้วยไม่งั้นคงตัดเสียเหี้ยน”
“ไม่แน่ใจว่ามันตั้งใจตัดไม้อย่างเดียวหรือเปล่า ดูเหมือนจะเคลียร์พื้นที่เตรียมสร้างอะไรสักอย่าง”
“คงทำจุดพักสินค้า ข่าวหนาหูเหลือเกินช่วงนี้”
“คิดว่าเป็นพวกไหน ไอ้เมษหรือเปล่า” ปลายสายถามกลับมาเสียงเครียดเพราะเคียดแค้นเป็นการส่วนตัว
“เท่าที่รู้มามันไม่เคยมีประวัติ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ะ อาจจะหันมาเล่นบ้างผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร”
“ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน ได้ข่าวว่าเพิ่งปะทะมา”
“เออว่ะ เสียดายใจเสาะฉิบ
ตายห่ากันหมด เลยไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน”
“จะใครเสียอีก ก็ไอ้เมษน่ะสิกัดไม่ปล่อย”
“คิดว่าไม่ใช่นะมันอ่อนเชิงกว่า เด็กไอ้เมษมันเหลี่ยมจัดกว่านี้” ถ้อยคำและน้ำเสียงฟังดูก้ำกึ่งระหว่างเกลียดชังกับชื่นชม
“ระวังจะเจอตอเข้านะ เกิดเป็นพวกทหารเลวฝั่งโน้นล่ะเรื่องยาวแน่”
“ช่าง
นึกว่ากลัว เดี๋ยวพ่อเผาเหี้ยนทั้งกัญชาทั้งผงดูซิมันจะทำยังไง” คนเล่าดูจะไม่ยี่หระ
“ระวังตัวไว้ แล้วก็หาเวลากลับบ้านบ้างแม่ก็ถามถึงอยู่ทุกวัน”
“เออ ไว้เสร็จธุระแล้วจะกลับ”
“เห็นพูดอย่างนี้มาสองเดือนแล้ว คราวหน้าจะต่อสายให้คุยกันเองไม่รับหน้าให้แล้วนะ”
“เฮ้ย อย่านะโว้ย เดี๋ยวอ้อนให้ไปดูตัวอีก เข็ดแล้ว พูดขึ้นมายังขนลุกอยู่เลย” คนพูดยังอุปทานว่าขนลุกซู่ขึ้นมาจริงๆ
“นั่นน่ะลูกคุณหญิงเชียวนะ” เสียงจากปลายสายถึงกับปล่อยก๊าก
“ไม่เอาโว้ย พวกผู้หญิงเข้าใจยาก น่ารำคาญ”
“แล้วไปแผลงฤทธิ์อะไรไว้ล่ะแม่ถึงกับบ่นอุบ”
“เขาถามฉันว่าเวลาว่างชอบทำอะไรฉันก็บอกไปว่าเข้าป่า แหม กรี๊ดกร๊าดถูกใจบอกว่าเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอคะ ไอ้ฉันก็บอกไปตามตรงว่าเปล่าชอบล่าเสือล่ากระทิงยังจะเซ้าซี้ถามอีกว่าถ้าไม่ได้ล่าสัตว์ล่ะชอบทำอะไร”
“แล้วตอบไปว่าไง”
“เอาหญิง”
“เฮ้ย! พูดอย่างนั้นได้ไง” เสียงจากปลายสายสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ “หมด หมดกันคราวนี้ใครเขาจะยอมให้ลูกสาวมาดูตัว”
“ก็ถามเซ้าซี้มากนักบอกความจริงไปก็รับไม่ได้ ปวดหัวว่ะ”
“เออ อย่าคว้าเอาลิงเอาชะนีมาเป็นเมียเสียก็แล้วกัน แม่มีหวังลมจับ”
“ยังไม่เคย ลองดูสักทีดีไหม” ปากก็พูดไปแต่จับตามองรูปภาพที่อยู่ในมือก่อนจะขมวดคิ้วเคร่ง
“ฉันว่าลองถ้ามันเตรียมการขนาดนี้ ต้องมีการขนของเร็วๆนี้หรือไม่ก็...อาจจะเอายามาลงไว้แล้วก็ได้”
“เขตนั้นเป็นของใคร เราหรือไอ้เมษ”
“รอยต่อพอดี หลักเขตก็ไม่มี บอกไม่ได้ ดูเหมือนจะอยู่ในเขตของพฤกษ์ไพรวัลย์เสียด้วยซ้ำ” เขาหมายถึงอีกครอบครัวหนึ่งที่ครอบครองเขตพื้นที่ติดกัน ฝ่ายนั้นดูเหมือนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจมืดพวกนี้แต่จะตัดทิ้งไปก็คงไม่ได้เสียทีเดียว
“ได้ยินว่ากำลังบุกเบิกที่ทำรีสอร์ท หรือมันจะทำบังหน้า”
“เช็คประวัติมันด้วย ฉันต้องการเร็วที่สุด”
***********************
จอมใจเจ้าป่า ตอนที่ 2 part 2 จบตอน
ตอนที่ 1 part 2 (จบตอน) http://ppantip.com/topic/30047179
ตอนที่ 2 part 1 http://ppantip.com/topic/30062087
ตอนที่ 2 part 2
ชายหนุ่มร่างสูงสบถอย่างหัวเสียขณะกระชากผ้าพันแผลออกจากต้นแขนอย่างทุลักทุเล ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่ามองเห็นแผงอกแข็งแรงและกล้ามเนื้อเป็นมัดกระชับ ที่ต้นแขนข้างหนึ่งปรากฏบาดแผลที่ยังใหม่สดอยู่มากเป็นรอยกรีดยาวลงไปเกือบถึงข้อศอก
“ไอ้รุณ” เขาตะโกนเรียกหาคนรับใช้ดังก้อง “มาทำแผลให้หน่อยมัวไปมุดหัวอยู่ไหนวะ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดพื้นเมืองรีบวิ่งหน้าตั้งมาตั้งแต่ได้ยินเสียงเรียกชื่อในคราวแรก เขาโผล่หน้ามาดูพร้อมทั้งส่ายหน้าเลิ่กลั่กมองหาต้นเสียง ในมือยังมีสุนัขตัวเล็กขนสีน้ำตาลร้องเห่าเสียงแหลมอย่างน่ารำคาญ
“นายมีอะไร เรียกพิรุณทำไม”
“มัวแต่เลี้ยงหมามาดูแลคนบ้าง ทำแผลให้ที” เจ้านายร้องบอกอย่างหงุดหงิดมือสาวผ้าพันแผลที่มีทั้งคราบเลือดแห้งกรังและยาสีน้ำตาลแต้มเปรอะทั่วทั้งผืน
“นาย นาย ตั้งชื่อให้หมาของพิรุณหน่อยสิ พิรุณคิดชื่อภาษากลางเพราะๆไม่ออก” ลูกน้องบอกด้วยความตื่นเต้นเป็นภาษากลางออกสำเนียงเพี้ยนอย่างคนพื้นถิ่นทั่วไป เจ้านายนิ่งเงียบตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจแต่คนถามดูจะไม่ทันสังเกตจึงร้องเซ้าซี้อีกครั้งเขาปล่อยสุนัขตัวเล็กให้วิ่งเล่นในห้องก่อนจะก้าวเข้าไปช่วยจัดการกับผ้าพันแผลที่ถูกดึงกระชากออกจนพันกันยุ่งไปหมด
“นะ นายตั้งชื่อดีๆให้มันหน่อยโตขึ้นมันต้องเป็นหมาฉลาดแน่ๆ”
“ชื่อ “หมา” ก็แล้วกัน” เขาแค่นเสียงตอบหลังจากนิ่งเงียบไปนาน
“เฮ้ย ตั้งชื่อสินาย ชื่อเรียกเพราะๆทำไมตั้งชื่อหมาว่าหมาล่ะ” ลูกน้องร้องโวยวาย
“จะชื่ออะไรมันก็เป็นหมา”
“นายสิงห์นี่ไม่มีเซ้นส์เอาเสียเลย” เขาบ่นเจ้านายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงชัดเสียยิ่งกว่าภาษาไทยกลางมือก็ทำแผลไปด้วย “มิน่าล่ะสาวๆไม่เข้าหา”
“ไม่เข้าหาก็ดี น่ารำคาญ ให้หาเอ็งแทนนั่นแหละดี”
“ไม่หรอกพิรุณมันต่ำเตี้ยดำก็ดำแถมดั้งก็ไม่มี ไม่หล่อเหมือนนายสิงห์นี่” เจ้าตัวแหงนหน้ามองแทบจะคอตั้งบ่าค่าที่ความสูงต่างกับเจ้านายมาก
นายสิงห์ตัวใหญ่ราวกับยักษ์แขนขาแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามไม่ใช่ผอมลีบเป็นไม้ซีกอย่างพิรุณ ไหนจะผิวสีแทนที่เนียนละเอียดทั้งรูปหน้าสมส่วนจมูกโด่งตาคม ดูเถอะขนาดว่าไว้ผมเป็นทรงอะไรไม่รู้ดูยุ่งรุงรังปล่อยให้ยาวระต้นคอตามมีตามเกิด นังพวกสาวๆยังมองตามกันตาละห้อย
“เป็นที่บ้านพิรุณหน่อยไม่ได้นายสิงห์โดนแม่หญิงจับไปทำผัวนานแล้ว”
“ทำไม บ้านเอ็งเขาให้ผู้หญิงสู่ขอผู้ชายได้หรือไง”
“ม่ายช่าย” เจ้าตัวส่ายหน้าหวือ “หมู่บ้านพิรุณมีผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิง ใครมาก่อนได้ก่อน หล่อๆอย่างนายสิงห์นี่แย่งกันตาย ดีไม่ดีก็จะโดนมอมยาเอาไปเป็นผัว”
“คงไม่ขาดแคลนขนาดนั้นมั้ง ไม่งั้นทำไมเอ็งถึงรอดมาได้ล่ะ” เจ้านายส่ายหน้าทั้งโมโหทั้งขำ
“ก็บอกแล้วพิรุณมันไม่หล่อ เออ..ใช่” เด็กหนุ่มร้องอย่างนึกขึ้นได้ “เมื่อตอนสายพี่สีแพรมาหา เห็นว่าเย็นนี้จะทำของกินมาให้นาย” สาวสวยประจำหมู่บ้านอาศัยความที่บิดาเป็นคนสนิทของเจ้านาย จึงได้โอกาสฝากตัวรับใช้คอยหาโอกาสแวะเวียนมาปรนนิบัติสม่ำเสมอ
เจ้านายได้รับฟังโดยไม่ต่อความยาวแสดงถึงความไม่ใส่ใจนัก เด็กรับใช้ทำแผลให้อย่างว่องไวเพียงไม่นานแผลสดก็ได้รับการทำความสะอาดผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกนำมาพันรอบบาดแผลไว้อย่างเรียบร้อย
“แผลไม่ลึกมาก พิรุณพันให้บางๆแค่กันฝุ่นละอองไม่ให้สกปรกอีกไม่นานก็แห้งแล้ว” เด็กรับใช้บอกขณะเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงในกล่องพลาสติกซึ่งเต็มไปด้วยยาสามัญประจำบ้าน
“ไหมสิยาเป็นไงบ้าง” วีรสิงห์ถามขึ้น เด็กรับใช้ได้ยินคำถามก็มีสีหน้าสลดลงเขาหลุบตาต่ำมองพื้นหน้าดำๆมีร่องรอยสะเทือนใจอย่างปิดไม่มิด
“เป็นไข้นายสิงห์” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแหบเครือ “นอนหลับไม่สนิทคงฝันร้ายเอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาแม่ของพิรุณใจจะขาดเสียให้ได้” ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มยกท่อนแขนขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ตากลมใสซื่อกลับวาววับด้วยความเคียดแค้น
“พิรุณอยากไปด้วยนักอยากฆ่ามันกับมือ”
“ฉันจัดการมันไปแล้ว สัตว์นรกพรรณนั้นอย่าแตะให้เสียมือเลย” เจ้านายมีสีหน้าเรียบเฉยมองไม่ออกว่าว่าเขารู้สึกอย่างไร
“ถ้าไม่มีนายสิงห์พวกเราคงถูกรังแกไม่จบสิ้น ชาวป่าชาวดงไม่รู้หนังสือไม่มีปัญญาจะไปเรียกร้องเอากับใคร”
“ก็ถึงบอกให้ไปเรียนหนังสือไงล่ะจะได้เป็นปากเป็นเสียงให้คนในหมู่บ้าน” ชายหนุ่มเดินไปยังโต๊ะทำงานทำจากแผ่นไม้หนาตีประกบกันอย่างหยาบๆอย่างที่คนทำคงจะทำส่งๆไปแค่พอให้ใช้งานได้ บนโต๊ะนอกจากจะวางเครื่องพิมพ์ซึ่งเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แบบพกพา ยังเต็มไปด้วยกระดาษทั้งที่เป็นตัวหนังสือและรูปภาพวางกระจัดกระจาย
“มันเป็นไงบ้างนาย นายจัดการกับมันยังไง”
“สีทาไม่ได้เล่าหรือไง” เขาหมายถึงหัวหน้าคนงานที่ติดตามไปทำพิธีสำเร็จโทษ
“ลุงสีทาบอกแต่ว่านายจัดการมันเรียบร้อยแล้ว นายทำยังไงเชือดคอหรือยิงมันทิ้ง ศพของมันล่ะนายเอาไปโยนให้แร้งกากินหรือเปล่า”
“ไม่ต้องรู้หรอกเป็นเด็กเป็นเล็ก”
“พิรุณอายุสิบหกแล้วทำงานที่ปางได้หลายอย่างยิงปืนลูกซองก็ได้ ต่อไปพิรุณจะเข้าเวรกลางคืนคอยสอดส่องดูพวกใจชั่ว” เด็กหนุ่มร้องบอกมือทุบอกอยู่ปึกๆ
“เออ รู้แล้ว ตอนนี้ไปเลี้ยงหมาก่อนไปไอ้เจ้าหมานั่นน่ะ ช่วยสอดส่องอย่าให้มากวนใจเอามันไปไกลๆฉันเลย” ลูกหมาตัวเล็กวิ่งซุกซนอยู่พักใหญ่แล้วมันคอยดุนจมูกตามซอกมุมที่มีของวางเกะกะอย่างสนใจ จากนั้นก็วิ่งเข้าหาโต๊ะตัวใหญ่พยายามแทะขาโต๊ะทำงานอยู่เป็นนานสองนาน ตอนนี้มันคุ้นกับสถานที่มากแล้วจึงวิ่งวนไปมาแถมยังไล่งับชายกางเกงของเจ้าของห้องอยู่พัลวัน
“มันน่ารักออกนายสิงห์ ฉลาดอีกด้วย พิรุณสั่งอะไรมันก็นิ่งฟัง ลุงสีทาบอกว่าดูจากรูปร่างของมันเป็นหมาพันธุ์ดีโตขึ้นคงแข็งแรงช่วยเป็นหูเป็นตาได้ ไม่รู้มีเจ้าของหรือเปล่า” เด็กหนุ่มไล่จับมันไว้ในอ้อมกอดเสียก่อนที่มันจะทำความรำคาญให้เจ้านายใหญ่จนถูกเตะออกไปนอกห้อง
“ใครเจอก่อนคนนั้นก็เป็นเจ้าของ” เจ้านายว่าเสียอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มแป้น คำพูดของนายสิงห์เป็นเสมือนคำประกาศิตของที่นี่ ลุงสีทาเป็นคนพบมันและเอามาโยนทิ้งไว้กับเขา แสดงว่าตอนนี้มันอยู่ในความดูแลของเขาโดยชอบธรรม
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องหมดความสนใจแต่เพียงเท่านั้น เขาหันไปพิจารณาภาพถ่ายที่ค้นมาจากกองกระดาษบนโต๊ะพลางตบกระเป๋ากางเกงหาของ เด็กรับใช้เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งไว้บนเตียงมุมห้องให้อย่างรู้ใจ ก่อนจะถอยหลังออกจากห้องดึงประตูปิดให้อย่างรู้มารยาท
“ไอ้เสือ ได้ความว่าไงบ้าง” เขากรอกเสียงลงไปหลังจากกดหมายเลขติดต่อ
“ส่งรูปไปให้ได้หรือยัง” เสียงจากปลายสายตอบกลับ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเพ่งมองภาพถ่ายจากดาวเทียมที่อยู่ในมือ
“ได้แล้ว เล่นโค่นไม้กันเป็นล่ำเป็นสัน ยังดีไม่มีพวกเครื่องจักรหนักเข้าไปด้วยไม่งั้นคงตัดเสียเหี้ยน”
“ไม่แน่ใจว่ามันตั้งใจตัดไม้อย่างเดียวหรือเปล่า ดูเหมือนจะเคลียร์พื้นที่เตรียมสร้างอะไรสักอย่าง”
“คงทำจุดพักสินค้า ข่าวหนาหูเหลือเกินช่วงนี้”
“คิดว่าเป็นพวกไหน ไอ้เมษหรือเปล่า” ปลายสายถามกลับมาเสียงเครียดเพราะเคียดแค้นเป็นการส่วนตัว
“เท่าที่รู้มามันไม่เคยมีประวัติ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ะ อาจจะหันมาเล่นบ้างผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร”
“ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน ได้ข่าวว่าเพิ่งปะทะมา”
“เออว่ะ เสียดายใจเสาะฉิบตายห่ากันหมด เลยไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน”
“จะใครเสียอีก ก็ไอ้เมษน่ะสิกัดไม่ปล่อย”
“คิดว่าไม่ใช่นะมันอ่อนเชิงกว่า เด็กไอ้เมษมันเหลี่ยมจัดกว่านี้” ถ้อยคำและน้ำเสียงฟังดูก้ำกึ่งระหว่างเกลียดชังกับชื่นชม
“ระวังจะเจอตอเข้านะ เกิดเป็นพวกทหารเลวฝั่งโน้นล่ะเรื่องยาวแน่”
“ช่าง นึกว่ากลัว เดี๋ยวพ่อเผาเหี้ยนทั้งกัญชาทั้งผงดูซิมันจะทำยังไง” คนเล่าดูจะไม่ยี่หระ
“ระวังตัวไว้ แล้วก็หาเวลากลับบ้านบ้างแม่ก็ถามถึงอยู่ทุกวัน”
“เออ ไว้เสร็จธุระแล้วจะกลับ”
“เห็นพูดอย่างนี้มาสองเดือนแล้ว คราวหน้าจะต่อสายให้คุยกันเองไม่รับหน้าให้แล้วนะ”
“เฮ้ย อย่านะโว้ย เดี๋ยวอ้อนให้ไปดูตัวอีก เข็ดแล้ว พูดขึ้นมายังขนลุกอยู่เลย” คนพูดยังอุปทานว่าขนลุกซู่ขึ้นมาจริงๆ
“นั่นน่ะลูกคุณหญิงเชียวนะ” เสียงจากปลายสายถึงกับปล่อยก๊าก
“ไม่เอาโว้ย พวกผู้หญิงเข้าใจยาก น่ารำคาญ”
“แล้วไปแผลงฤทธิ์อะไรไว้ล่ะแม่ถึงกับบ่นอุบ”
“เขาถามฉันว่าเวลาว่างชอบทำอะไรฉันก็บอกไปว่าเข้าป่า แหม กรี๊ดกร๊าดถูกใจบอกว่าเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติเหรอคะ ไอ้ฉันก็บอกไปตามตรงว่าเปล่าชอบล่าเสือล่ากระทิงยังจะเซ้าซี้ถามอีกว่าถ้าไม่ได้ล่าสัตว์ล่ะชอบทำอะไร”
“แล้วตอบไปว่าไง”
“เอาหญิง”
“เฮ้ย! พูดอย่างนั้นได้ไง” เสียงจากปลายสายสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ “หมด หมดกันคราวนี้ใครเขาจะยอมให้ลูกสาวมาดูตัว”
“ก็ถามเซ้าซี้มากนักบอกความจริงไปก็รับไม่ได้ ปวดหัวว่ะ”
“เออ อย่าคว้าเอาลิงเอาชะนีมาเป็นเมียเสียก็แล้วกัน แม่มีหวังลมจับ”
“ยังไม่เคย ลองดูสักทีดีไหม” ปากก็พูดไปแต่จับตามองรูปภาพที่อยู่ในมือก่อนจะขมวดคิ้วเคร่ง
“ฉันว่าลองถ้ามันเตรียมการขนาดนี้ ต้องมีการขนของเร็วๆนี้หรือไม่ก็...อาจจะเอายามาลงไว้แล้วก็ได้”
“เขตนั้นเป็นของใคร เราหรือไอ้เมษ”
“รอยต่อพอดี หลักเขตก็ไม่มี บอกไม่ได้ ดูเหมือนจะอยู่ในเขตของพฤกษ์ไพรวัลย์เสียด้วยซ้ำ” เขาหมายถึงอีกครอบครัวหนึ่งที่ครอบครองเขตพื้นที่ติดกัน ฝ่ายนั้นดูเหมือนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจมืดพวกนี้แต่จะตัดทิ้งไปก็คงไม่ได้เสียทีเดียว
“ได้ยินว่ากำลังบุกเบิกที่ทำรีสอร์ท หรือมันจะทำบังหน้า”
“เช็คประวัติมันด้วย ฉันต้องการเร็วที่สุด”
***********************