บทสรุป “คิงส์คัพ”
รูดม่านปิดฉากไปเป็นทีเรียบร้อยแล้วสำหรับฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 42 เวอร์ชั่น “แอ่วเจียงใหม่”
ภาพรวมในปีนี้ตามสายตาที่ได้เห็นจากการไปเกาะติดถึงขอบสนามมาตั้งแต่วันแรก ขอฟันธงว่าน่าพอใจครับ
น่าพอใจเพราะกระแสตอบรับดีเกินคาด โดยเฉพาะ “แฟนบอล” ที่เข้าไปชมกันจนเต็มความจุของสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีในเกมแรก
แต่น่าเสียดายที่ทีมชาติไทยไม่ได้ชิงชนะเลิศทำให้เกมวันสุดท้ายทีมไทยต้องลงเตะเวลา 15.00 น.เลยทำให้คนดูหายไปเกินครึ่ง
ทว่าภาพรวมของแฟนบอลต้องถือว่าสอบผ่านสบายๆ ตรงนี้จึงน่าจะเป็นคำตอบได้อย่างชัดเจนว่า “คิงส์คัพ” ควรออกไปจัดต่างจังหวัดหรือไม่
ส่วนผลงานของทีมชาติไทยถ้าพูดกันตามตรงต้องตอบว่า “สอบไม่ผ่าน”
เป้าหมายของทีมชาติไทยไม่ควรจะเป็นแค่การทดสอบตัวผู้เล่น แต่อย่างน้อยควรจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศให้ได้
แน่นอนครับว่า “วินนี” วินฟรีด เชเฟอร์ มีเหตุผลของตัวเองในการเลือกตัวผู้เล่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องเห็นด้วย
ตอนอยู่เชียงใหม่ผมเปิดอกคุยกับ “วินนี” ในประเด็นนี้และข้อคาใจต่างๆ สรุปรวมความได้ว่าโค้ชเยอรมันคนนี้เชื่อมั่นในความคิดตัวเองเกินร้อย
แต่ปัญหาคือหลายๆคนชักไม่ค่อยแน่ใจในความคิดและแนวทางของ “วินนี” สักเท่าไรแล้ว
ไม่ได้พูดเองเออเอง แต่มีโอกาสได้คุยกับนักฟุตบอลทีมชาติไทยไม่ต่ำกว่า 3-4 ราย หลายคนไม่เห็นด้วยกับการไม่จัดชุดใหญ่ไปลุย “คิงส์คัพ”
บางคนคิดเหมือนผมว่าควรจะจัดผู้เล่นชุดใหญ่ไปเต็มทีมเลยเพื่อเป็นการเตรียมทีมสำหรับเตะ “เอเชี่ยนคัพ 2015” กับ คูเวต
ขณะที่นักเตะบางรายบอกว่าน่าเสียดายที่ทีมชาติไทยไม่ขนชุดใหญ่ไปเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้แค่ไปชิงอันดับที่ 3
ส่วนสื่อมวลชนนั่นไม่ต้องพูดถึง หลายคนพยายามยิงคำถามในเรื่องของการทดสอบตัวผู้เล่นอยู่บ่อยครั้ง
แต่ “วินนี” ยืนยันความคิดของตัวเอง ดังนั้นคงต้องมาดูกันว่าที่สุดแล้วทีมชาติไทยจะประสบความสำเร็จได้จริงหรือไม่ และเมื่อไร ?
สิ่งสำคัญที่สุดของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องประเมินของผลงานของ “วินนี” และทีมชาติไทยใน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ผ่านมาด้วย
การได้แค่อันดับที่ 3 ร่วมถือว่าสอบผ่านหรือไม่อย่างไรต้องคอมเมนต์ไปที่ “วินนี” ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน ไม่ใช่ปล่อยให้กุนซือเยอรมันคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอด
รวมถึงต้องสรุปภาพรวมของการจัดการแข่งขัน “คิงส์คัพ” ครั้งนี้เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในการจัดแข่งขันครั้งต่อๆไปด้วย
ส่วนตัวแล้วมองว่าการนำ “คิงส์คัพ” ออนทัวร์ไปต่างจังหวัดนั้นถูกต้องและใช่เลย แต่การเลือกผู้เล่นหน้าใหม่ไปทดสอบฝีเท้าเป็นอะไรที่ยังไม่ถูกใจ
สรุปภาพรวมและวางเป็นนโยบายไปเลย แล้ว “คิงส์คัพ” หนต่อๆไปจะไฉไลมากกว่านี้ครับ
"บับเบิ้ล"
http://www.ssballthai.com/soccer/viewtopic.php?t=9507
==========================================================================
ในมุมมองส่วนตัวของผม ทำไมถึงไม่มีการพูดถึงองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยครับ เช่น สมาคมมีแมตช์อุ่นเครื่องเพียงพอให้กับโค้ชเค้าเตรียมทีมอย่างเพียงพอหรือไม่
คือถ้ามีแมตช์อุ่นเครื่องมากพอให้กับโค้ชได้เฟ้นหาผู้เล่นอย่างเพียงพอ ถึงทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์รายการไหนๆ ก็คงไม่มีใครไม่อยากได้แชมป์หรอกมั้งครับ
แต่เหตุผลที่วินนี่ต้องทำแบบนี้เพราะเหตุผลนั้นส่วนหนึ่งหรือไม่ กับอีกเหตุผลหนึ่งคือสโมสรในไทยแต่ละทีมให้ความร่วมมือในการปล่อยตัวนักเตะมาเล่นกับทีมชาติมากแค่ไหน
จากที่ดูในช่วงนี้แต่ละสโมสรก็แทบจะให้ความสำคัญกับเกมอุ่นเครื่องของทีมตัวเองอย่างมากจริงๆ ผมก็เลยไม่ทราบแน่ชัดนะครับว่าวินนี่ไม่เรียกหรือสโมสรไม่ปล่อยนักเตะตัวหลัก
ด้วยเหตุผลสองอย่างนี้หรือเปล่าที่ทำให้วินนี่ต้องคิดและตัดสินใจแบบนี้ แค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมว่าถ้าเลือกได้วินนี่คงจะไม่เลือกทำทีมให้ไม่ได้แชมป์เพื่อให้ตัวเองโดนด่าหรอก ถ้าทุกอย่างมันพร้อมจริงๆ
บทสรุปคิงส์คัพ...จากบับเบิ้ล
รูดม่านปิดฉากไปเป็นทีเรียบร้อยแล้วสำหรับฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 42 เวอร์ชั่น “แอ่วเจียงใหม่”
ภาพรวมในปีนี้ตามสายตาที่ได้เห็นจากการไปเกาะติดถึงขอบสนามมาตั้งแต่วันแรก ขอฟันธงว่าน่าพอใจครับ
น่าพอใจเพราะกระแสตอบรับดีเกินคาด โดยเฉพาะ “แฟนบอล” ที่เข้าไปชมกันจนเต็มความจุของสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีในเกมแรก
แต่น่าเสียดายที่ทีมชาติไทยไม่ได้ชิงชนะเลิศทำให้เกมวันสุดท้ายทีมไทยต้องลงเตะเวลา 15.00 น.เลยทำให้คนดูหายไปเกินครึ่ง
ทว่าภาพรวมของแฟนบอลต้องถือว่าสอบผ่านสบายๆ ตรงนี้จึงน่าจะเป็นคำตอบได้อย่างชัดเจนว่า “คิงส์คัพ” ควรออกไปจัดต่างจังหวัดหรือไม่
ส่วนผลงานของทีมชาติไทยถ้าพูดกันตามตรงต้องตอบว่า “สอบไม่ผ่าน”
เป้าหมายของทีมชาติไทยไม่ควรจะเป็นแค่การทดสอบตัวผู้เล่น แต่อย่างน้อยควรจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศให้ได้
แน่นอนครับว่า “วินนี” วินฟรีด เชเฟอร์ มีเหตุผลของตัวเองในการเลือกตัวผู้เล่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องเห็นด้วย
ตอนอยู่เชียงใหม่ผมเปิดอกคุยกับ “วินนี” ในประเด็นนี้และข้อคาใจต่างๆ สรุปรวมความได้ว่าโค้ชเยอรมันคนนี้เชื่อมั่นในความคิดตัวเองเกินร้อย
แต่ปัญหาคือหลายๆคนชักไม่ค่อยแน่ใจในความคิดและแนวทางของ “วินนี” สักเท่าไรแล้ว
ไม่ได้พูดเองเออเอง แต่มีโอกาสได้คุยกับนักฟุตบอลทีมชาติไทยไม่ต่ำกว่า 3-4 ราย หลายคนไม่เห็นด้วยกับการไม่จัดชุดใหญ่ไปลุย “คิงส์คัพ”
บางคนคิดเหมือนผมว่าควรจะจัดผู้เล่นชุดใหญ่ไปเต็มทีมเลยเพื่อเป็นการเตรียมทีมสำหรับเตะ “เอเชี่ยนคัพ 2015” กับ คูเวต
ขณะที่นักเตะบางรายบอกว่าน่าเสียดายที่ทีมชาติไทยไม่ขนชุดใหญ่ไปเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้แค่ไปชิงอันดับที่ 3
ส่วนสื่อมวลชนนั่นไม่ต้องพูดถึง หลายคนพยายามยิงคำถามในเรื่องของการทดสอบตัวผู้เล่นอยู่บ่อยครั้ง
แต่ “วินนี” ยืนยันความคิดของตัวเอง ดังนั้นคงต้องมาดูกันว่าที่สุดแล้วทีมชาติไทยจะประสบความสำเร็จได้จริงหรือไม่ และเมื่อไร ?
สิ่งสำคัญที่สุดของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องประเมินของผลงานของ “วินนี” และทีมชาติไทยใน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ผ่านมาด้วย
การได้แค่อันดับที่ 3 ร่วมถือว่าสอบผ่านหรือไม่อย่างไรต้องคอมเมนต์ไปที่ “วินนี” ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน ไม่ใช่ปล่อยให้กุนซือเยอรมันคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอด
รวมถึงต้องสรุปภาพรวมของการจัดการแข่งขัน “คิงส์คัพ” ครั้งนี้เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในการจัดแข่งขันครั้งต่อๆไปด้วย
ส่วนตัวแล้วมองว่าการนำ “คิงส์คัพ” ออนทัวร์ไปต่างจังหวัดนั้นถูกต้องและใช่เลย แต่การเลือกผู้เล่นหน้าใหม่ไปทดสอบฝีเท้าเป็นอะไรที่ยังไม่ถูกใจ
สรุปภาพรวมและวางเป็นนโยบายไปเลย แล้ว “คิงส์คัพ” หนต่อๆไปจะไฉไลมากกว่านี้ครับ
"บับเบิ้ล"
http://www.ssballthai.com/soccer/viewtopic.php?t=9507
==========================================================================
ในมุมมองส่วนตัวของผม ทำไมถึงไม่มีการพูดถึงองค์ประกอบอื่นๆ ด้วยครับ เช่น สมาคมมีแมตช์อุ่นเครื่องเพียงพอให้กับโค้ชเค้าเตรียมทีมอย่างเพียงพอหรือไม่
คือถ้ามีแมตช์อุ่นเครื่องมากพอให้กับโค้ชได้เฟ้นหาผู้เล่นอย่างเพียงพอ ถึงทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์รายการไหนๆ ก็คงไม่มีใครไม่อยากได้แชมป์หรอกมั้งครับ
แต่เหตุผลที่วินนี่ต้องทำแบบนี้เพราะเหตุผลนั้นส่วนหนึ่งหรือไม่ กับอีกเหตุผลหนึ่งคือสโมสรในไทยแต่ละทีมให้ความร่วมมือในการปล่อยตัวนักเตะมาเล่นกับทีมชาติมากแค่ไหน
จากที่ดูในช่วงนี้แต่ละสโมสรก็แทบจะให้ความสำคัญกับเกมอุ่นเครื่องของทีมตัวเองอย่างมากจริงๆ ผมก็เลยไม่ทราบแน่ชัดนะครับว่าวินนี่ไม่เรียกหรือสโมสรไม่ปล่อยนักเตะตัวหลัก
ด้วยเหตุผลสองอย่างนี้หรือเปล่าที่ทำให้วินนี่ต้องคิดและตัดสินใจแบบนี้ แค่ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมว่าถ้าเลือกได้วินนี่คงจะไม่เลือกทำทีมให้ไม่ได้แชมป์เพื่อให้ตัวเองโดนด่าหรอก ถ้าทุกอย่างมันพร้อมจริงๆ