เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 นายพิเชษฐ์ หวังเทพอนุเคราะห์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายนาวิน บุญเสรฐ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจเยี่ยมสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว อุดรธานี กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามความคืบหน้าการทดลองใช้ระบบการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport ) รุ่นใหม่ โดยมีนางสมฤดี พู่พรอเนก หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางฯ อุดรธานี ให้การต้อนรับสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว อุดรธานี ได้ทดลองเริ่มให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport ) รุ่นใหม่ แล้วเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556 โดยจะทดลองให้บริการวันละ 30-50 ราย จนถึง วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556 และจะเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556
หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) รุ่นแรก เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2548 โดยกระทรวงการต่างประเทศได้พัฒนาระบบ (E-Passport) จนเป็นรุ่นที่ 2 และเริ่มให้บริการที่ส่วนกลางเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 หนังสือเดินทาง (E-Passport) ของไทยนั้น ไม่พบว่ามีการปลอมแปลงตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และนับเป็นหนังสือเดินทางที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO โดยมีการบันทึกข้อมูลทางชีวภาพของผู้ขอทำหนังสือเดินทาง การบันทึกลายนิ้วมือ การถ่ายภาพ และการฝังข้อมูลในรูปชิพภายในด้านหลังเล่มหนังสือเดินทาง สำหรับหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) รุ่นใหม่ จะมีการเพิ่มจำนวนหน้าจากรุ่นเดิม 50 หน้า เป็น 64 หน้า และผู้ร้องที่ขอรับเล่มทางไปรษณีย์จะได้รับหมายเลข EMS ในทันทีเพื่อใช้ในการติดตามสอบถามสถานะการจัดส่งเล่มหนังสือเดินทางกับที่ทำ การไปรษรณีย์ ส่วนค่าธรรมเนียมในการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) ในช่วงทดลอง ยังเป็นค่าธรรมเนียมอัตราเดิม คือ 1,000 บาท
----------
ปรับแต่งเนื้อหาข่าวจากเว็บไซต์ ThaiPBS และ กระทรวงการต่างประเทศ
อี-พาสปอร์ตแบบใหม่ ป้องกันการปลอมแปลงมากยิ่งขึ้น
หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) รุ่นแรก เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2548 โดยกระทรวงการต่างประเทศได้พัฒนาระบบ (E-Passport) จนเป็นรุ่นที่ 2 และเริ่มให้บริการที่ส่วนกลางเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 หนังสือเดินทาง (E-Passport) ของไทยนั้น ไม่พบว่ามีการปลอมแปลงตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และนับเป็นหนังสือเดินทางที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO โดยมีการบันทึกข้อมูลทางชีวภาพของผู้ขอทำหนังสือเดินทาง การบันทึกลายนิ้วมือ การถ่ายภาพ และการฝังข้อมูลในรูปชิพภายในด้านหลังเล่มหนังสือเดินทาง สำหรับหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) รุ่นใหม่ จะมีการเพิ่มจำนวนหน้าจากรุ่นเดิม 50 หน้า เป็น 64 หน้า และผู้ร้องที่ขอรับเล่มทางไปรษณีย์จะได้รับหมายเลข EMS ในทันทีเพื่อใช้ในการติดตามสอบถามสถานะการจัดส่งเล่มหนังสือเดินทางกับที่ทำ การไปรษรณีย์ ส่วนค่าธรรมเนียมในการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Passport) ในช่วงทดลอง ยังเป็นค่าธรรมเนียมอัตราเดิม คือ 1,000 บาท
----------
ปรับแต่งเนื้อหาข่าวจากเว็บไซต์ ThaiPBS และ กระทรวงการต่างประเทศ