ช่วงนี้ ถือว่าเป็นยุคเสื่อมที่สุดของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ได้หรือยัง?

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมกันเป็น ไตรลักษณ์ แก้ว 3 ประการ หล่อหลอมกันเป็น พุทธศาสนา
วางหลักแนวทาง "ทำดี ละชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส" ฆารวาส ถือศีล 5 ข้อ พระสงฆ์ถือศีล 227 ข้อ คำสอน 64,000 พระธรรมขันธ์

มี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพภาคราชการกำกับดูแลในภาพรวม
มีพระสังฆราชเป็นประมุขฝ่ายสงฆ์ มีเกจิอาจารย์ชั้นครูกระจายอยู่ทั่วประเทศ เป็นกรรมการในคณะเถระสมาคม
มีบรรดาศักดิ์ ชั้นเทพ ชั้นพรหม ชั้นธรรม ชั้นครู เป็นเจ้าคณะ จังหวัด อำเภอ ตำบล ตามลำดับ
ผูกโยงใยเป็นเครือข่าย ธรรมจักร แห่งพระพุทธศาสนาประจำประเทศไทย
มีอุบาสก อุบาสิกา เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมจรรโลง สนับสนุนสืบสานพระศาสนา

ที่ผ่านมาในอดีต วงการพระพุทธศาสนา อยู่ในช่วงยุครุ่งโรจน์ถึงขีดสุด มีเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน แตกแขนงแบ่งสายกัน ปลีกวิเวก ศึกษาแนววิถีแห่งพุทธโดยแท้ เพื่อมาเป็นต้นแบบให้อนุชนรุ่นหลังไว้ศึกษาสืบทอด อาทิเช่น หลวงปู่แหวน จ.เชียงใหม่ พระครูบาศรีวิชัย จ.เชียงใหม่ หลวงตามหาบัว จ.อุดรธานี หลวงปู่ศุข จ.พิจิตร หลวงปู่ทวด จ.ปัตตานี หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ จ.สุราษฏร์ธานี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) กทม. ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฯลฯ

ทุกท่าน ละสังขาร ร่างกาย ดับสิ้น ต่างวันต่างเวลาต่างสถานที่กัน ตามกฎแห่งธรรมะ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ ความเป็นอมตะของการยอมรับ ยกย่อง และศรัทธาของคนทั่วทั้งประเทศอย่างบริสุทธ์ใจ ว่านี่คือ "การปฏิบัติตนตามวิถีพุทธที่แท้จริง" แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเท่าไรนับร้อยนับพันปี แต่คุณความดีของท่านในการเจริญรอยตามและสืบสานพระพุทธศาสนาก็ยังกล่าวขานไม่เสื่อมคลาย

แต่เดียวนี้ "วัด" คือ ที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ กลายเป็น บ่อน เป็นซ่อง เป็นที่ซ่องสุ่มกำลังพล ที่หลบซ่อนกองโจรหนีคดี เป็นที่หลงมั่วเมาในความเชื่อที่ผิดเพี้ยนตามแนววิถีพุทธ เป็นตลาดผลิตจำหน่ายเครื่องรางของขลังสารพัดชนิดครบวงจร เป็นที่เวียนขายดอกไม้ธูปเทียนทองคำเปลว ตั้งตู้รับบริจาคกันเต็มเหยียด เป็นที่เขียนยันต์ลงแป้งรถใหม่ป้ายแดง เป็นที่สักยันต์ทั้งLocal&Inter เป็นที่ครอบครูไหว้ครู สวดพานยักษ์ ไหว้ราหู ปัดเสนียดรังควาญ เป็นที่ไล่ผี อาบน้ำมนต์ เป็นที่ลุยไฟ ผจญเพลิง ปีนบันไดมีด แช่น้ำมันเดือด เป็นที่เคาะระฆัง ตีกล้อง เสี่ยงเซียมซี ขายกระเบื้องกระจก ที่ดิน ผ้าไตร ผ้าดิบ เป็นที่รับบริการจอดรถ เป็นที่เช่าของของของพ่อค้าแม่ขาย เป็นตลาดน้ำ เป็นที่เหล่านางรำ นางโชว์ แก้บนแก้ล่าง เป็นเวทีให้เหล่ามิจฉาชีพขโมยรองเท้า มือถือ กระเป๋าตังค์ เป็นที่ให้เลข ใบ้หวย ดูดวง สะเดาเคราะห์ ปล่อยเต่า ปลา นก เป็นเวทีไฮปาร์คด่าฝ่ายตรงข้าม เป็นที่ระดมเงิน ระดมทอง หลอกรีดไถ่เงินทองจากพวกจิตตก หดหู่ สิ้นหวัง และยังรวมถึง เป็นจุดกำเนิดของบุคคลบางกลุ่มที่เรียกตนเองว่า "พระ" แต่ทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาแตกต่างกับพระสงฆ์ แตกต่างจากวิถีพุทธะ แตกต่างจากเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้ล่วงลับ แตกต่างจากแนวคำสอนของพระพุทธเจ้า หลักธรรมของพุทธองค์ อย่างสิ้นเชิง

เจ้าอาวาส ชาวบ้านรอบวัด มัคนายก ไวยาวัจกร หรือกรรมการวัด ฯลฯ พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่

เท่านั้นไม่พอ หน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแล พระเถระชั้นผู้ใหญ่ เถระสมาคม หรือแม้แต่ รัฐบาล ก็ให้การสนับสนุนกับกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่

ส่วนตัว โตมานับถือศาสนาพุทธ พ่อก็พุทธ แม่ก็พุทธ  ยังคงกราบไหว้พระพุทธ พระธรรม ได้อย่างสนิทใจ
แต่สำหรับ พระสงฆ์ ลำบากใจมากที่จะยกมือกราบไหว้ โดยเฉพาะกลุ่มก้อนที่เรียกว่า "พระ"

หรือว่านี่คือ ยุคที่เสื่อมที่สุดของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่