ผมเข้ารับการรักษาไซนัสอักเสบเนื่องจากมีเสมหะเขียวเป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง พร้อมกับมีอาการตึงบริเวณแก้มซึกซ้าย
กับแพทย์เฉพาะทาง หู คอ จมูก  ซึ่งใช้วิธีการตรวจโดยส่องกล้อง พบว่ามีหนองในโพรงไซนัส แต่รูไซนัสปิดเปิดได้ดี คุณหมอจึงจ่ายยา
1.Clarithromycin 500 มก. วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
2.ยาลดน้ำมูกประเภทต้าน ฮิสตามิน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
3.ยาพ่นแบบสเตอร์รอย พ่นข้างละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
4. สูดไอน้ำร้อนวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
5. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
เป็นเวลา 14 วันแล้วคุณหมอนัดตรวจอีกครั้ง ผมทำตามวิธีที่คุณหมอแจ้งโดยเคร่งครัด 2-3 วันแรก เสมหะเขียวลดลงอย่างมาก
แต่หลังจากนั้นก็กลับเพิ่มขึ้นมาแต่ไม่มากเท่าก่อนมาพบแพทย์ เมื่อพบหมออีกครั้ง จึงแจ้งว่ายังมีเสมหะเขียวอยู่แต่อาการดีขึ้นเล็กน้อยประมาณ 30 % แพทย์ให้ยาประเภทเดิมกับที่มาครั้งแรกทานต่ออีก 7 วัน ส่วนการล้างจมูก สูดไอน้ำร้อนและพ่นยา ให้ทำต่อเป็นเวลา 14 วัน
โดยไม่มีการนัดตรวจซ้ำอีก ซึ่งแพทย์แจ้งว่าน่าจะหายแล้ว ปัจจุบันผมทานยามาครบ 7 วัน แต่เสมหะเขียวและอาการตึงบริเวณแก้มยังมีอยู่
เหลือแต่การล้างจมูก สูดไอน้ำร้อนและพ่นยา ที่ต้องทำต่ออีก 7 วัน แล้วตรวจสอบแล้วไม่มีภาวะเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เช่น ควัน ฝุ่นละออง หรืออื่นๆ ที่แพทย์แจ้งให้สำรวจ
ผมจึงขอถามว่าผมควรรอให้การล้างจมูก สูดไอน้ำร้อนและพ่นยา ครบอีก 7 วันก่อน ถ้าไม่หายควรกลับไปพบแพทย์ หรือ ล้างจมูก สูดไอน้ำร้อนและพ่นยา ต่อไป จนกว่าจะหาย   และในทางการรักษาการล้างจมูก สูดไอน้ำร้อนและพ่นยา สำคัญกว่าการทานยาปฎิชีวนะใช่หรือไม่
ขอบคุณครับ