|
--ความเดิมต่อจากตอนที่ขับรถตู้ไปส่งนักเรียนพลตำรวจที่ชะอำ
จนโดนใบสั่งขับรถเร็วไป 200บาท
---- พอขากลับก็ ขับรถกลับตามกันมาเป็นขบวน 3คัน ด้วยกัน รถตู้ทั้ง3คันไม่ได้มาด้วยกัน แต่มาส่งที่เดียวกันเลยกลับมาเรื่อยๆพร้อมกัน ซื่งผมขับเป็นคันที่3 หลังสุด ขับมาเรื่อยๆแบบแวะตลอดๆทางทุกๆ2ชั่วโมงครั้ง ในการเดินทาง18ชั่วโมงไปกลับ นครศรีธรรมราช-ชะอำ ยอมรับว่าทั้งเหนือยทั้งล้า เพียงแต่ว่า การที่ขับรถเป็นคันสุดท้าย มันสบายหน่อยที่แค่ขับตาม ตูดรถคันหน้าให้ทันเท่านั้นเอง
-----พอมาถึงถนนสาย สนามบินสุราษฎธานี ผมเองก็คิดในใจว่า..โอ้ๆๆๆๆๆแม่เจ้า ใกล้จะถึงบ้านแล้ว เหลือระยะทางแค่110กิโลเมตรเท่านั้นก็จะได้กลับไปนอนที่เตียงเสียที (ออกเดินทางเช้าขาไปตอน9.30น แต่ตอนนี้ขากลับเวลาใกล้จะตี2ครึ่งแล้ว)
-----ตาเริ่มลายมากๆเห็นแค่เส้นถนน และรถคันด้านหน้า ผมเลยทำการแซง รถร่วมขบวนอีก2คันที่เริ่มวิ่งช้าๆ ไปเป็นคันนำหน้าแทน แต่ๆๆๆๆๆ หลังจากการขับนำขบวนไปได้แค่แยกไฟแดงที่2 เท่านั้น ก็เห็นด่านตำรวจ แถมตำรวจคนหน้าสุด ยังยืนโปกกระบองไฟสีแดง แบบที่ผมเองคิดว่า เขาให้รีบผ่านไปโดยไว แต่ทันใดมั้นที่รถเคลื่อนที่ผ่าน นายตำรวจคนที่คอยโบกอยู่นั้น...ทั้งตำรวจทั้งอาสาตำรวจต่างวิ่งกันรุมมาทางรถผม....อาสาตำรวจคนนึง ทำหน้าตาแบบหน้ายักษ์ แล้ว โยนหลังกั้นถนน มาขวางทาง ดีนะที่รถผมเคลือนที่ไปไม่ไวมากนัก เลยหยุดรถได้ทันพอดีแบบไม่มีรอย
---------มีนายตำรวจ ชั้นประทวน ท่านนึงเดินมาที่รถ แล้วขอใบขับขี่ (ผมคิดในใจ...โดนอีกแล้วหนอตู) หลังจากเดินตามไป ต้อยๆที่โต๊ะ ผู้กอง(หรือเปล่าไม่รู้ดูไม่ออก แถมตาลาย)นายตำรวจก็ ยื่นข้อเสนอ ที่ผมไม่มีทางเลือกได้ คือ เปล่าตรวจแอลกอล์ฮอล์ ผมก็(คิดในใจว่า เป่าก็เป่าสิว่ะ) ผลออกมาหลังจากเป่าแบบยาวๆจนสุดลมอก คือ 0.00 ปากผมก็เอ่ยไปตามลมว่า สารวัติครับ (ยศอะไรไม่รู้ละเรียกให้สูงๆเอาไว้ก่อน) ถ้ามีตัวเลขแอลกอล์ฮอล์ขึ้นนี่แปลกมาเลยนะครับ เพราะผมเพิ่งกลับมาจากรับงานกัน3คันนี่ เวลาทำงานขับรถไม่เคยดื่มเลย(รถอีก2คันก็จอดรออยู่เลยด่านไปแบบงง) ท่านตำรวจคนนั้น ก๋็ส่ง ใบขับขี่ให้แบบบอกว่า ไปสิถ้าเป่าแล้วไม่ขึ้นอะไร
ปล.นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เหนื่อยก็ไปนอน อย่ามาขับรถตาลายแบบนี้ครับ
เรื่องเล่าหลังพวงมาลัย ตอนประสบการณ์แหกด่านตำรวจ
--ความเดิมต่อจากตอนที่ขับรถตู้ไปส่งนักเรียนพลตำรวจที่ชะอำ
จนโดนใบสั่งขับรถเร็วไป 200บาท
---- พอขากลับก็ ขับรถกลับตามกันมาเป็นขบวน 3คัน ด้วยกัน รถตู้ทั้ง3คันไม่ได้มาด้วยกัน แต่มาส่งที่เดียวกันเลยกลับมาเรื่อยๆพร้อมกัน ซื่งผมขับเป็นคันที่3 หลังสุด ขับมาเรื่อยๆแบบแวะตลอดๆทางทุกๆ2ชั่วโมงครั้ง ในการเดินทาง18ชั่วโมงไปกลับ นครศรีธรรมราช-ชะอำ ยอมรับว่าทั้งเหนือยทั้งล้า เพียงแต่ว่า การที่ขับรถเป็นคันสุดท้าย มันสบายหน่อยที่แค่ขับตาม ตูดรถคันหน้าให้ทันเท่านั้นเอง
-----พอมาถึงถนนสาย สนามบินสุราษฎธานี ผมเองก็คิดในใจว่า..โอ้ๆๆๆๆๆแม่เจ้า ใกล้จะถึงบ้านแล้ว เหลือระยะทางแค่110กิโลเมตรเท่านั้นก็จะได้กลับไปนอนที่เตียงเสียที (ออกเดินทางเช้าขาไปตอน9.30น แต่ตอนนี้ขากลับเวลาใกล้จะตี2ครึ่งแล้ว)
-----ตาเริ่มลายมากๆเห็นแค่เส้นถนน และรถคันด้านหน้า ผมเลยทำการแซง รถร่วมขบวนอีก2คันที่เริ่มวิ่งช้าๆ ไปเป็นคันนำหน้าแทน แต่ๆๆๆๆๆ หลังจากการขับนำขบวนไปได้แค่แยกไฟแดงที่2 เท่านั้น ก็เห็นด่านตำรวจ แถมตำรวจคนหน้าสุด ยังยืนโปกกระบองไฟสีแดง แบบที่ผมเองคิดว่า เขาให้รีบผ่านไปโดยไว แต่ทันใดมั้นที่รถเคลื่อนที่ผ่าน นายตำรวจคนที่คอยโบกอยู่นั้น...ทั้งตำรวจทั้งอาสาตำรวจต่างวิ่งกันรุมมาทางรถผม....อาสาตำรวจคนนึง ทำหน้าตาแบบหน้ายักษ์ แล้ว โยนหลังกั้นถนน มาขวางทาง ดีนะที่รถผมเคลือนที่ไปไม่ไวมากนัก เลยหยุดรถได้ทันพอดีแบบไม่มีรอย
---------มีนายตำรวจ ชั้นประทวน ท่านนึงเดินมาที่รถ แล้วขอใบขับขี่ (ผมคิดในใจ...โดนอีกแล้วหนอตู) หลังจากเดินตามไป ต้อยๆที่โต๊ะ ผู้กอง(หรือเปล่าไม่รู้ดูไม่ออก แถมตาลาย)นายตำรวจก็ ยื่นข้อเสนอ ที่ผมไม่มีทางเลือกได้ คือ เปล่าตรวจแอลกอล์ฮอล์ ผมก็(คิดในใจว่า เป่าก็เป่าสิว่ะ) ผลออกมาหลังจากเป่าแบบยาวๆจนสุดลมอก คือ 0.00 ปากผมก็เอ่ยไปตามลมว่า สารวัติครับ (ยศอะไรไม่รู้ละเรียกให้สูงๆเอาไว้ก่อน) ถ้ามีตัวเลขแอลกอล์ฮอล์ขึ้นนี่แปลกมาเลยนะครับ เพราะผมเพิ่งกลับมาจากรับงานกัน3คันนี่ เวลาทำงานขับรถไม่เคยดื่มเลย(รถอีก2คันก็จอดรออยู่เลยด่านไปแบบงง) ท่านตำรวจคนนั้น ก๋็ส่ง ใบขับขี่ให้แบบบอกว่า ไปสิถ้าเป่าแล้วไม่ขึ้นอะไร
ปล.นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เหนื่อยก็ไปนอน อย่ามาขับรถตาลายแบบนี้ครับ