คร่าวๆคือ เรามีฟันคุด 4 ซี่ที่โผล่มา สองซี่ล่างนอนขึ้นมา สองซี่บนขึ้นแบบปกติ ด้วยความที่โคตรจะกลัวหมอฟันตั้งแต่เด็ก ก็เลยไม่ยอมไปถอนซักที ยื้อไปยื้อมาหลายปีดีดัก ทนกินยาแก้ปวดเรื่อยๆ เป็นๆหายๆก็ทนกันไป
จนในที่สุดแล้ว ทนไม่ไหวเพราะกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเกือบเดือนแล้วมันไม่ดีขึ้นเลย ก็ตัดสินใจตรงลิ่วไปหาหมอฟันอย่างมั่นใจและไม่กลัว (คิดว่าอยากเจ็บและจบกับมันซะที)
ไปถึง บอกประวัติอาการ บลาๆๆๆ ค่อนข้างละเอียดนะ หมอก็ไม่ว่ากล่าวอะไร ให้ไป x-ray หมอบอกว่าทำด้านซ้ายก่อนเพราะง่ายกว่า และขึ้นเขียง ฉีดยาชา ทดสอบความชา ก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ เหมือนคนอื่นๆทั่วไป
แต่พอเริ่มกรอฟันเท่านั้นแหละ โอ้วแม่เจ้า! จี๊ดไปถึงสมองเลยรีบยกมือบอกหมอ (หมอยังบอกอีกนะว่าเพิ่งเริ่มกรอเอง) ขอยาชาเพิ่ม หมอก็เพิ่มให้
พักซัก 5 นาที เอาวะ เริ่มใหม่ กรออีก กรี๊ดอีก อ๊าาาก หมอไม่ไหวนะ จากนั้นแล้วหมอก็เพิ่มยาชาให้อีก ลองอีก ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งอ่ะ คิดดูว่าเราเสียขวัญไปแล้วขนาดไหน ร้องไห้น้ำตาเปียกผ้าปิดหน้าไปหมด ทำไปได้แค่ครึ่งทาง หมอเองก็คงตกใจ เลยไปเรียกอาจารย์หมออีกสองคนมาช่วยดูอาการ อาจารย์หมอก็ลงความเห็นกันว่าเพิ่มยาชาจนเต็มแม็ก จนไม่รู้จะฉีดตรงไหนแล้ว ยาชาก็ฉีดจนเหงือกพรุนแล้ว แต่มันก็ชาแค่ระดับเอาอะไรมาจิ้มๆเท่านั้น (เวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมงตั่งแต่เริ่มผ่า แต่ the show must go on )
จนสุดท้าย อาจารย์หมอเรียกพยาบาลมาอีกประมาณ 4-5 คนมา เพื่อจับแขนขาเรา แม่เจ้า! หมอบอกว่า ทนแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นนะ หมอจะรีบทำให้เร็วที่สุด!
เพื่อนๆเชื่อมั้ยคะว่า มันเป็นหนึ่งนาทีที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตเราเลย ทั้งกรอฟันและดึงรากฟันคุดสดๆ เรากรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆดังมาก และนานมาก จิกแขนพยาบาลจนช้ำ พ่อแม่ที่รอด้านนอกก็ใจไม่ดีจนน้ำตาไหล เราเจ็บจนไม่ค่อยมีสติแล้ว แต่ก็ยังเจ็บเล็กๆน้อยๆจนวินาทีสุดท้ายตอนเย็บแผล ทุกอย่างผ่านไปเหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกรอบ
พอออกมาจากสถานทันตกรรมแห่งนั้นเราเหนื่อยไปหมด เหนื่อยจนเดินไม่ไหว รู้สึกเหมือนไข้ขึ้น ไม่มีแรง เจ็บตั้งแต่หัวซีกซ้าย ลงมาหูซ้าย มาขากรรไกร ยันคอและกระดูกไหปลาร้า นอนพักที่บ้านได้ประมาณสิบกว่าชั่วโมง รู้สึกร่างกายไม่ค่อยปกติ รีบบอกให้พ่อแม่หามไปโรงบาลเอกชน ปรากฏว่า เรามีไข้ 39.5c หัวใจเต้นเร็ว >90 ครั้งต่อนาทีเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว(น่าจะตั้งแต่ผ่า) ขาดน้ำรุนแรง ผลเลือดก็มีติดเชื้อในกระแสเลือดเล็กน้อย แอดมิดอยู่ 3 วัน 2 คืน ฉีดยาทุกอย่างเข้าเส้น จนพอกินไรได้เล็กน้อย ไข้ลด ก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน
ตอนนี้ผ่านเวลามาหนึ่งสัปดาห์แล้ว กลับมาปวดเหมือนเดิมหลังออกจาก ร.พ. กินอาหารยากเพราะเจ็บทั้งปาก ทั้งๆที่ทานยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะอย่างเคร่งครัด(มี ibuprofen 400, paracetamol500, keflexหรือชื่อสามัญคือ cephalexin500) คิดเองว่าเพราะยากินมันอ่อนไปไม่เหมือนยาฉีด เหมือนกินแป้งแก้ปวดอ่ะ หรือร่างกายเรามันไม่ตอบสนองยาแล้วเหรอ
ฮือๆ มีใครเคยเป็นเหมือนเรามั้ย หรือมีหมอฟันท่านใดให้คำแนะนำเราได้บ้างว่าอีก 3 ซี่ที่เหลือเราควรทำยังไงดี ตอนนี้เสียกำลังใจที่สุดเลย อยากหมดเวรหมดกรรมกับฟันคุดซักที เอาแบบที่ทรมานหลังผ่าก็ได้ แต่อย่าทรมานระหว่างผ่าแบบนี้ ทนไม่ไหวจริงๆ ครั้งหน้ากกลัวช็อคเหลือเกินถ้าเกิดซ้ำอีก
เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่มีฟันคุดแล้วไม่ยอมไปผ่านะคะ อย่ารอจนอักเสบแบบนี้ มันเจ็บปางตายเลยค่ะ ใครที่ลังเลเพราะมันยังไม่แผลงฤทธิ์ปวด ก็ไม่ต้องลังเลหรอก ไปเอาออกเถอะค่ะ
ประสบการณ์ผ่าฟันคุดแบบฉีดยาชาแล้ว ไม่ชา! ตกนรกทั้งเป็นเลย
จนในที่สุดแล้ว ทนไม่ไหวเพราะกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเกือบเดือนแล้วมันไม่ดีขึ้นเลย ก็ตัดสินใจตรงลิ่วไปหาหมอฟันอย่างมั่นใจและไม่กลัว (คิดว่าอยากเจ็บและจบกับมันซะที)
ไปถึง บอกประวัติอาการ บลาๆๆๆ ค่อนข้างละเอียดนะ หมอก็ไม่ว่ากล่าวอะไร ให้ไป x-ray หมอบอกว่าทำด้านซ้ายก่อนเพราะง่ายกว่า และขึ้นเขียง ฉีดยาชา ทดสอบความชา ก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ เหมือนคนอื่นๆทั่วไป
แต่พอเริ่มกรอฟันเท่านั้นแหละ โอ้วแม่เจ้า! จี๊ดไปถึงสมองเลยรีบยกมือบอกหมอ (หมอยังบอกอีกนะว่าเพิ่งเริ่มกรอเอง) ขอยาชาเพิ่ม หมอก็เพิ่มให้
พักซัก 5 นาที เอาวะ เริ่มใหม่ กรออีก กรี๊ดอีก อ๊าาาก หมอไม่ไหวนะ จากนั้นแล้วหมอก็เพิ่มยาชาให้อีก ลองอีก ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งอ่ะ คิดดูว่าเราเสียขวัญไปแล้วขนาดไหน ร้องไห้น้ำตาเปียกผ้าปิดหน้าไปหมด ทำไปได้แค่ครึ่งทาง หมอเองก็คงตกใจ เลยไปเรียกอาจารย์หมออีกสองคนมาช่วยดูอาการ อาจารย์หมอก็ลงความเห็นกันว่าเพิ่มยาชาจนเต็มแม็ก จนไม่รู้จะฉีดตรงไหนแล้ว ยาชาก็ฉีดจนเหงือกพรุนแล้ว แต่มันก็ชาแค่ระดับเอาอะไรมาจิ้มๆเท่านั้น (เวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมงตั่งแต่เริ่มผ่า แต่ the show must go on )
จนสุดท้าย อาจารย์หมอเรียกพยาบาลมาอีกประมาณ 4-5 คนมา เพื่อจับแขนขาเรา แม่เจ้า! หมอบอกว่า ทนแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นนะ หมอจะรีบทำให้เร็วที่สุด!
เพื่อนๆเชื่อมั้ยคะว่า มันเป็นหนึ่งนาทีที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตเราเลย ทั้งกรอฟันและดึงรากฟันคุดสดๆ เรากรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆดังมาก และนานมาก จิกแขนพยาบาลจนช้ำ พ่อแม่ที่รอด้านนอกก็ใจไม่ดีจนน้ำตาไหล เราเจ็บจนไม่ค่อยมีสติแล้ว แต่ก็ยังเจ็บเล็กๆน้อยๆจนวินาทีสุดท้ายตอนเย็บแผล ทุกอย่างผ่านไปเหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกรอบ
พอออกมาจากสถานทันตกรรมแห่งนั้นเราเหนื่อยไปหมด เหนื่อยจนเดินไม่ไหว รู้สึกเหมือนไข้ขึ้น ไม่มีแรง เจ็บตั้งแต่หัวซีกซ้าย ลงมาหูซ้าย มาขากรรไกร ยันคอและกระดูกไหปลาร้า นอนพักที่บ้านได้ประมาณสิบกว่าชั่วโมง รู้สึกร่างกายไม่ค่อยปกติ รีบบอกให้พ่อแม่หามไปโรงบาลเอกชน ปรากฏว่า เรามีไข้ 39.5c หัวใจเต้นเร็ว >90 ครั้งต่อนาทีเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว(น่าจะตั้งแต่ผ่า) ขาดน้ำรุนแรง ผลเลือดก็มีติดเชื้อในกระแสเลือดเล็กน้อย แอดมิดอยู่ 3 วัน 2 คืน ฉีดยาทุกอย่างเข้าเส้น จนพอกินไรได้เล็กน้อย ไข้ลด ก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน
ตอนนี้ผ่านเวลามาหนึ่งสัปดาห์แล้ว กลับมาปวดเหมือนเดิมหลังออกจาก ร.พ. กินอาหารยากเพราะเจ็บทั้งปาก ทั้งๆที่ทานยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะอย่างเคร่งครัด(มี ibuprofen 400, paracetamol500, keflexหรือชื่อสามัญคือ cephalexin500) คิดเองว่าเพราะยากินมันอ่อนไปไม่เหมือนยาฉีด เหมือนกินแป้งแก้ปวดอ่ะ หรือร่างกายเรามันไม่ตอบสนองยาแล้วเหรอ
ฮือๆ มีใครเคยเป็นเหมือนเรามั้ย หรือมีหมอฟันท่านใดให้คำแนะนำเราได้บ้างว่าอีก 3 ซี่ที่เหลือเราควรทำยังไงดี ตอนนี้เสียกำลังใจที่สุดเลย อยากหมดเวรหมดกรรมกับฟันคุดซักที เอาแบบที่ทรมานหลังผ่าก็ได้ แต่อย่าทรมานระหว่างผ่าแบบนี้ ทนไม่ไหวจริงๆ ครั้งหน้ากกลัวช็อคเหลือเกินถ้าเกิดซ้ำอีก
เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่มีฟันคุดแล้วไม่ยอมไปผ่านะคะ อย่ารอจนอักเสบแบบนี้ มันเจ็บปางตายเลยค่ะ ใครที่ลังเลเพราะมันยังไม่แผลงฤทธิ์ปวด ก็ไม่ต้องลังเลหรอก ไปเอาออกเถอะค่ะ