ปัญหาของกระโถน
เรามาลองดูกระโถนเป็นตัวอย่าง
ในวันที่น้ำท่วมบ้านของเพื่อนคนหนึ่งจนข้าวของลอยน้ำหายไปเกือบหมด เรารีบแวะไปเยี่ยม เพื่อนดีใจมาก รีบเข้าครัวว่างๆ คว้าหม้อใบเดียวที่เหลืออยู่มาหุงข้าวเลี้ยงเรา แต่เนื่องจากจานชามลอยน้ำหายไปหมด เหลือเพียงกระโถนใบนี้อยู่ สะอาดใหม่เอี่ยม เพื่อนยืนยันว่ายังไม่เคยใช้เลย จะขอเอามาใส่ข้าวให้เรากิน เราจะกินลงไหม?
เพื่อนเห็นเรารังเกียจ จึงรีบขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ไขกุญแจตู้โชว์ หยิบกระโถนกระเบื้องเบญจรงค์เก่าแก่ของตระกูลในตู้โชว์ ๒ ใบลงมาให้เราใส่ข้าวแทน โดยพรรณนาว่า มีคนเคยมาขอซื้อ โดยให้ราคาถึงใบละแสนสองแสน เราจะยอมกินข้าวจากกระโถนราคาแพงลิบลิ่วสองใบนี้ไหม?
เมื่อเพื่อนเห็นว่าเราไม่ยอมกินแน่ๆ จึงพยายามไปคุ้ยหา ได้จานสังกะสีเก่าๆ มาสองสามใบ พอล้างสะอาดแล้ว ก็มายื่นให้เราอย่างเกรงใจ
ลองพิจารณาใจของเราดูซิว่า เราสบายใจที่จะรับประทานข้าวจากกระโถนใบใหม่เอี่ยม หรือ กระโถนเบญจรงค์ใบหรู หรือ จานสังกะสีเก่าๆ ที่ล้างสะอาดแล้ว คำตอบของเราคงจะเหมือนกันทุกคน คือ เลือกรับประทานกับจานสังกะสีใบเก่าๆ นี่แหละ
แม้ว่ากระโถนจะเป็นสมมุติบัญญัติที่เราใช้เรียกวัตถุหน้าตาแบบนี้เวลาสื่อสารถึงกัน แต่กระโถนก็ไม่ใช่ปัญหา ความยึดติดในสมมุติของเราต่างหากที่ยึดว่า อย่างไรเสียกระโถนก็ต้องเป็นของต่ำ เป็นของสกปรก กระโถนจึงถูกรังเกียจ ถึงกระโถนใบนั้นจะใหม่เอี่ยม สะอาด ยังไม่ถูกใช้งาน ก็ยังถูกมองว่าต่ำและสกปรก ต่ำต้อยกว่าจานสังกะสีเก่าๆ ที่ใช้มาจนเยินแล้ว เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เรายึดติดในสมมุติว่า จานเป็นภาชนะใส่ข้าว กระโถนเป็นภาชนะใส่ขยะสกปรก เรานึกวาดภาพต่อไปได้แจ่มชัดว่ากระโถนเบญจรงค์ราคาแพงลิบลิ่วสองใบนั้นคงจะเคยเขรอะน้ำหมากของบรรพบุรุษมาแล้ว แม้เราจะเกิดไม่ทันเห็นก็ตาม
เส้นผมบนศีรษะของเราก็เป็นอีกตัวอย่างที่ดีทีเดียว ผู้หญิงเรามักให้ความสำคัญกับผมบนศีรษะกันมาก ทั้งทรงผม สีผม สุขภาพผม ความสั้นความยาวของเส้นผม ต่างก็หมดเงินทองไปกับผมปีละไม่น้อยเลย ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ใช่ช่างผมที่ตนอนุญาต ใครก็มาแตะต้องผมบนศีรษะไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องโกรธต้องบริภาษกันอย่างแน่นอน แต่ทันทีที่ช่างผมตัดผม เส้นผมที่ตกลงไปบนพื้นกลับกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าในทันที เป็นขยะที่ต้องกวาดทิ้ง ไม่มีใครสักคนที่คิดจะก้มลงทะนุถนอมเก็บผมของตนเองบนพื้นกลับไปใส่ผอบ ซ้ำร้ายกว่านั้น ในขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยก๋วยเตี๋ยวชามโปรด หากคุณผู้ชายพบเส้นผมของคุณภรรยาสุดที่รักลอยอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวนั้นสักเส้นหนึ่ง แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า ผมเส้นนั้นสะอาด ผ่านการสระเซทมาอย่างดี ก็ยังไม่วายที่จะเกิดความรู้สึกรังเกียจ รู้สึกว่ามันทำให้ก๋วยเตี๋ยวสกปรกจนหมดอร่อยขึ้นมาทันทีเช่นกัน
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เส้นผมอย่างแน่นอน แต่เกิดจากใจที่ยึดติดในสมมุติต่างหาก ยามที่เส้นผมนั้นยังอยู่บนศีรษะ มันคือสมมุติบัญญัติที่เป็น “ของสูง” ซึ่งเจ้าของหวงแหน แต่พอโดนตัดโดนซอยตกลงมาบนพื้น มันเปลี่ยนสภาพทันทีในพริบตานั้น เป็นสมมุติบัญญัติอันใหม่ คือ เป็นขยะที่ต้องกวาดทิ้ง หรือหากมันร่วงลงมาจากศีรษะ ลงไปลอยอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยว มันก็เปลี่ยนไปเป็นสมมุติบัญญัติใหม่อีก คือ เป็นสิ่งสกปรกโสโครกที่สามารถทำให้ก๋วยเตี๋ยวน่าอร่อยทั้งชามนั้นสกปรก น่าผะอืดผะอม
ความยึดติดและกิเลสนี่แหละที่ก่อให้เกิดทุกข์ ก่อให้เราต้องดิ้นรนเพื่อให้ตนเองพึงพอใจ เราต่างก็รู้ดีว่า ร่างกายของเราต้องการเพียงอาหารสะอาดให้ครบ ๕ หมู่เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างแข็งแรง แต่เราต่างก็สร้างสมมุติบัญญัติใหม่ๆ พอกเติมแต่งเข้าไปบนสมมุติบัญญัติแรก อาจสมมุติให้เป็นอาหารระดับฮ่องเต้บ้าง อาหารชาววังบ้าง อาหารเสริมความงามบ้าง อาหารระดับเชฟฮ่องกงมาปรุงเองบ้าง หรือแม้แต่สมมุติให้เป็นสเต็คชั้นยอดจากโคชั้นเยี่ยมที่เลี้ยงดูในทุ่งหญ้าชั้นเลิศในต่างประเทศ(ที่เราก็ไม่เคยเห็น) แล้วเราก็ดิ้นรนแสวงหาสมมุติที่คิดว่าอร่อยนั้นๆ กันอย่างเมามัน
ความยึดติดในสมมุติยังไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้ เราตั้งสมมุติกันละเอียดลออลงไปอีก โดยสมมุติว่านี่ของฉัน นั่นของเธอ โน่นของเขา แล้วก็กอดความยึดติดนั้นไว้อย่างเหนียวแน่น นี่แปรงสีฟันของฉัน ใช้สำหรับแปรงฟันของฉัน ขี้ฟันของฉันเท่านั้น เธอจะมาเอาไปแปรงฟันของเธอ ขี้ฟันของเธอไม่ได้ แม้แต่ในขณะปฏิบัติธรรม เราก็ยังยึดติดในสมมุติบัญญัติที่เพิ่งเกิดใหม่สดๆ ร้อนๆ ว่า นี่อาสนะของฉัน ทางเดินจงกรมของฉัน เก้าอี้ของฉัน ที่นอนของฉัน ใครห้ามแตะต้อง เราจะหวงแหนมันมากใน ๖ คืน ๗ วันที่อยู่ในสำนักปฏิบัตินั้น แต่พอลากรรมฐาน สมมุติ “ของฉัน” ก็หมดสภาพไปทันที ไม่เห็นมีใครเหลียวมาพะวงหวงแหนอาสนะของฉัน ทางเดินจงกรมของฉันกันอีกเลย เพราะต่างก็มุ่งหน้ารีบกลับ“บ้านของฉัน”
ถึงแม้ว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่กับสมมุติบัญญัติในทางโลก แต่เราก็ควรจะรู้เท่าทันกิเลสที่ปรุงแต่งสมมุติบัญญัติเหล่านี้จนพอกพูนขึ้นไปไม่รู้จบ พยายามควบคุมจิตใจให้เพลิดเพลินกับสมมุตินั้นๆ แต่เพียงพอสมควร ทุกข์ของเราก็จะเบาบางลงอย่างแน่นอน
ปัญหาของกระโถน
เรามาลองดูกระโถนเป็นตัวอย่าง
ในวันที่น้ำท่วมบ้านของเพื่อนคนหนึ่งจนข้าวของลอยน้ำหายไปเกือบหมด เรารีบแวะไปเยี่ยม เพื่อนดีใจมาก รีบเข้าครัวว่างๆ คว้าหม้อใบเดียวที่เหลืออยู่มาหุงข้าวเลี้ยงเรา แต่เนื่องจากจานชามลอยน้ำหายไปหมด เหลือเพียงกระโถนใบนี้อยู่ สะอาดใหม่เอี่ยม เพื่อนยืนยันว่ายังไม่เคยใช้เลย จะขอเอามาใส่ข้าวให้เรากิน เราจะกินลงไหม?
เพื่อนเห็นเรารังเกียจ จึงรีบขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ไขกุญแจตู้โชว์ หยิบกระโถนกระเบื้องเบญจรงค์เก่าแก่ของตระกูลในตู้โชว์ ๒ ใบลงมาให้เราใส่ข้าวแทน โดยพรรณนาว่า มีคนเคยมาขอซื้อ โดยให้ราคาถึงใบละแสนสองแสน เราจะยอมกินข้าวจากกระโถนราคาแพงลิบลิ่วสองใบนี้ไหม?
เมื่อเพื่อนเห็นว่าเราไม่ยอมกินแน่ๆ จึงพยายามไปคุ้ยหา ได้จานสังกะสีเก่าๆ มาสองสามใบ พอล้างสะอาดแล้ว ก็มายื่นให้เราอย่างเกรงใจ
ลองพิจารณาใจของเราดูซิว่า เราสบายใจที่จะรับประทานข้าวจากกระโถนใบใหม่เอี่ยม หรือ กระโถนเบญจรงค์ใบหรู หรือ จานสังกะสีเก่าๆ ที่ล้างสะอาดแล้ว คำตอบของเราคงจะเหมือนกันทุกคน คือ เลือกรับประทานกับจานสังกะสีใบเก่าๆ นี่แหละ
แม้ว่ากระโถนจะเป็นสมมุติบัญญัติที่เราใช้เรียกวัตถุหน้าตาแบบนี้เวลาสื่อสารถึงกัน แต่กระโถนก็ไม่ใช่ปัญหา ความยึดติดในสมมุติของเราต่างหากที่ยึดว่า อย่างไรเสียกระโถนก็ต้องเป็นของต่ำ เป็นของสกปรก กระโถนจึงถูกรังเกียจ ถึงกระโถนใบนั้นจะใหม่เอี่ยม สะอาด ยังไม่ถูกใช้งาน ก็ยังถูกมองว่าต่ำและสกปรก ต่ำต้อยกว่าจานสังกะสีเก่าๆ ที่ใช้มาจนเยินแล้ว เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เรายึดติดในสมมุติว่า จานเป็นภาชนะใส่ข้าว กระโถนเป็นภาชนะใส่ขยะสกปรก เรานึกวาดภาพต่อไปได้แจ่มชัดว่ากระโถนเบญจรงค์ราคาแพงลิบลิ่วสองใบนั้นคงจะเคยเขรอะน้ำหมากของบรรพบุรุษมาแล้ว แม้เราจะเกิดไม่ทันเห็นก็ตาม
เส้นผมบนศีรษะของเราก็เป็นอีกตัวอย่างที่ดีทีเดียว ผู้หญิงเรามักให้ความสำคัญกับผมบนศีรษะกันมาก ทั้งทรงผม สีผม สุขภาพผม ความสั้นความยาวของเส้นผม ต่างก็หมดเงินทองไปกับผมปีละไม่น้อยเลย ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ใช่ช่างผมที่ตนอนุญาต ใครก็มาแตะต้องผมบนศีรษะไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องโกรธต้องบริภาษกันอย่างแน่นอน แต่ทันทีที่ช่างผมตัดผม เส้นผมที่ตกลงไปบนพื้นกลับกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าในทันที เป็นขยะที่ต้องกวาดทิ้ง ไม่มีใครสักคนที่คิดจะก้มลงทะนุถนอมเก็บผมของตนเองบนพื้นกลับไปใส่ผอบ ซ้ำร้ายกว่านั้น ในขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยก๋วยเตี๋ยวชามโปรด หากคุณผู้ชายพบเส้นผมของคุณภรรยาสุดที่รักลอยอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวนั้นสักเส้นหนึ่ง แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า ผมเส้นนั้นสะอาด ผ่านการสระเซทมาอย่างดี ก็ยังไม่วายที่จะเกิดความรู้สึกรังเกียจ รู้สึกว่ามันทำให้ก๋วยเตี๋ยวสกปรกจนหมดอร่อยขึ้นมาทันทีเช่นกัน
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เส้นผมอย่างแน่นอน แต่เกิดจากใจที่ยึดติดในสมมุติต่างหาก ยามที่เส้นผมนั้นยังอยู่บนศีรษะ มันคือสมมุติบัญญัติที่เป็น “ของสูง” ซึ่งเจ้าของหวงแหน แต่พอโดนตัดโดนซอยตกลงมาบนพื้น มันเปลี่ยนสภาพทันทีในพริบตานั้น เป็นสมมุติบัญญัติอันใหม่ คือ เป็นขยะที่ต้องกวาดทิ้ง หรือหากมันร่วงลงมาจากศีรษะ ลงไปลอยอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยว มันก็เปลี่ยนไปเป็นสมมุติบัญญัติใหม่อีก คือ เป็นสิ่งสกปรกโสโครกที่สามารถทำให้ก๋วยเตี๋ยวน่าอร่อยทั้งชามนั้นสกปรก น่าผะอืดผะอม
ความยึดติดและกิเลสนี่แหละที่ก่อให้เกิดทุกข์ ก่อให้เราต้องดิ้นรนเพื่อให้ตนเองพึงพอใจ เราต่างก็รู้ดีว่า ร่างกายของเราต้องการเพียงอาหารสะอาดให้ครบ ๕ หมู่เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างแข็งแรง แต่เราต่างก็สร้างสมมุติบัญญัติใหม่ๆ พอกเติมแต่งเข้าไปบนสมมุติบัญญัติแรก อาจสมมุติให้เป็นอาหารระดับฮ่องเต้บ้าง อาหารชาววังบ้าง อาหารเสริมความงามบ้าง อาหารระดับเชฟฮ่องกงมาปรุงเองบ้าง หรือแม้แต่สมมุติให้เป็นสเต็คชั้นยอดจากโคชั้นเยี่ยมที่เลี้ยงดูในทุ่งหญ้าชั้นเลิศในต่างประเทศ(ที่เราก็ไม่เคยเห็น) แล้วเราก็ดิ้นรนแสวงหาสมมุติที่คิดว่าอร่อยนั้นๆ กันอย่างเมามัน
ความยึดติดในสมมุติยังไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้ เราตั้งสมมุติกันละเอียดลออลงไปอีก โดยสมมุติว่านี่ของฉัน นั่นของเธอ โน่นของเขา แล้วก็กอดความยึดติดนั้นไว้อย่างเหนียวแน่น นี่แปรงสีฟันของฉัน ใช้สำหรับแปรงฟันของฉัน ขี้ฟันของฉันเท่านั้น เธอจะมาเอาไปแปรงฟันของเธอ ขี้ฟันของเธอไม่ได้ แม้แต่ในขณะปฏิบัติธรรม เราก็ยังยึดติดในสมมุติบัญญัติที่เพิ่งเกิดใหม่สดๆ ร้อนๆ ว่า นี่อาสนะของฉัน ทางเดินจงกรมของฉัน เก้าอี้ของฉัน ที่นอนของฉัน ใครห้ามแตะต้อง เราจะหวงแหนมันมากใน ๖ คืน ๗ วันที่อยู่ในสำนักปฏิบัตินั้น แต่พอลากรรมฐาน สมมุติ “ของฉัน” ก็หมดสภาพไปทันที ไม่เห็นมีใครเหลียวมาพะวงหวงแหนอาสนะของฉัน ทางเดินจงกรมของฉันกันอีกเลย เพราะต่างก็มุ่งหน้ารีบกลับ“บ้านของฉัน”
ถึงแม้ว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่กับสมมุติบัญญัติในทางโลก แต่เราก็ควรจะรู้เท่าทันกิเลสที่ปรุงแต่งสมมุติบัญญัติเหล่านี้จนพอกพูนขึ้นไปไม่รู้จบ พยายามควบคุมจิตใจให้เพลิดเพลินกับสมมุตินั้นๆ แต่เพียงพอสมควร ทุกข์ของเราก็จะเบาบางลงอย่างแน่นอน