สวัสดีค่ะเพื่อนนักอ่าน หนอนฯหายไปเพราะเขียนเลิฟซีนไม่ออกค่ะ ช่วยด้วยยยยยยยยยยย (อิอิ)
สำหรับตอนเก่าๆ อ่านได้ที่นี่ค่ะ
http://writer.dek-d.com/piyara/story/view.php?id=877866
บทที่ 13 …..จุมพิตปริศนา....
วันที่สองในโจดปูร์ ราชาวดีตื่นขึ้นมาอย่างไม่แจ่มใสนัก ขาข้างที่เข้าเฝือกสร้างความอึดอัด มันช่างขัดอกขัดใจทำให้สาวไฮเปอร์อยากจะอาละวาดเล็กๆ คนขาเดี้ยงนอนถอนใจเฮือกพลางยกขาข้างดีฟาดกับที่นอนเบาๆแก้หงุดหงิด แต่พอมองไปทางเพื่อนสนิท เห็นสายตาปรามๆของพวงชมพูแล้วก็ต้องคอหด ขีนเอะอะมะเทิ่งมากไป ไอ้หมีพูห์ เอ้ย ไอ้พิ้งค์คงกระหน่ำซ้ำเติมให้ได้อายในความไม่เข้าท่าของเธอที่ริอ่านอยากจะขี่อูฐถ่ายรูป
“ไอ้ดี จะลุกหรือยัง ชั้นกะกุนเสร็จแล้วนะ” พวงชมพูเดินมามองคนที่ยังนอนอืดอยู่บนเตียง ราชาวดียังไม่ทันได้ตอบแต่อย่างใด ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“หนูดี คุณหมอราเชนทราให้คนขึ้นมาถามว่าแกเป็นไงบ้าง และจะอนุญาตให้ขึ้นมาดูอาการได้หรือเปล่า”
“โอ้โฮ มีหมอประจำตัวมาดูอาการแต่เช้าเลยเว้ย” พวงชมพูส่งเสียงแซว ส่วนคนป่วยพรวดพราดลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น
“เฮ้ย กุน อย่าพึ่งให้เข้ามา ชั้นยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยนะเฮ้ย”
อาการคนป่วยดูน่าขำเสียจนเพื่อนสองคนอดหัวเราะไม่ได้
“กุน พิ้งค์ว่าบอกเขาให้รอสักครู่แล้วกัน ให้ยายนี่มันทำสวยให้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยลงไปบอกดีกว่า”
พวงชมพูมองตามเพื่อนที่เขยกเข้าห้องน้ำไป ใจอดคิดไม่ได้ ว่าทำไมสองหนุ่มเจ้าถิ่นถึงได้ใส่ใจยายเตี้ยไฮเปอร์เพื่อนสนิทของเธอนัก เท่าที่สังเกต หนุ่มอินเดียเจ้าของบ้าน ผู้ชายร่างสูงสง่านัยน์ตาพราวคนนั้น มีบุคคลิกอบอุ่นอ่อนโยน หากก็ขี้เล่นและแจ่มใส เขาดูดีและมีเสน่ห์น่ารักกับทุกคนรวมไปถึงเพื่อนใหม่อย่างเธอ แต่กับราชาวดี เขาดูเอื้อเอ็นดูเป็นพิเศษ ยิ่งยามเจ้าหล่อนเจ็บตัวเพราะลงจากหลังอูฐผิดท่า แววตาคมๆของจิมมี่ดูประหลาดไปจากปกติทุกครั้งที่จับจ้องคนขาเดี้ยง และยิ่งประหลาดมากขึ้นทุกครั้งยามชายหนุ่มช้อนตัวราชาวดีเอาไว้ในวงแขนขณะพาตัวหญิงสาวขึ้นลงบันได
แต่ถ้าจะให้พวงชมพูอธิบายความประหลาดที่ลอบมองเห็น เธอยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ หญิงสาวรู้สึกว่าสายตาคมๆของเขานั้นช่างอ่านยาก
ทางด้านนายแพทย์แสนขรึมจากเนปาลก็เหมือนกัน ผู้ชายรูปงามคนนั้นมีบุคคลิกอ่อนโยนตามแบบพิมพ์นิยมของคุณหมอใจดี นัยน์ตาคมซึ้งแกมเศร้าอยู่เสมอนั้น ฉายแววสดชื่นขึ้นมาอย่างชัดเจนทุกคราวที่สนทนากับราชาวดี เขาดูเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยยิ้ม แต่กับเพื่อนสาวตัวเตี้ย นายแพทย์หนุ่มดูช่างยิ้มง่าย
“พิ้งค์ พิ้งค์ไปเที่ยวคนเดียวได้จริงๆเหรอ”
พวงชมพูตื่นจากภวังค์ มองหน้าสวยของศกุนตลาแล้วยิ้มให้อย่างใจดี
“กุนอย่างห่วงพิ้งค์เลย พิ้งค์เดินทางคนเดียวบ่อยจะตาย ไอ้ดีเดี้ยงนั่นน่าห่วงกว่า ท่าทางมันหงุดหงิดงุ่นง่านน่าดู”
“หนูดีอยากมาเที่ยวอินเดียตั้งนานแล้ว พอมาเจออย่างนี้เลยเซ็งมาก”
“แล้วกุนล่ะ ไม่เสียดายเหรอ มาถึงอินเดียทั้งที จะกลับซะแล้ว ความจริง ถ้าไอ้ดีมันดูแลตัวเองได้ กุนก็น่าจะไปเที่ยวกับพิ้งค์นะ”
พวงชมพูลองถามดูอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าคำตอบคงเหมือนเดิม เธอไม่สนิทกับศกุนตลานัก แต่รู้ว่าทั้งศกุนตลาและราชาวดี เป็นเพื่อนรักและเติบโตมาด้วยกัน
“เสียดายนิดหน่อย ห่วงหนูดีมากกว่า เรื่องเที่ยว คงมีโอกาสมาอีกอยู่หรอก”
“แล้วตกลงจะกลับเมืองไทยวันไหน”
“ หนูดีบอกว่าวันนี้จะหาตั๋วกลับ แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้บินวันไหน เห็นคุยกับคุณจิมมี่ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน”
........................................................................................................................................
นายแพทย์หนุ่มขึ้นมาที่ห้องคนเจ็บพร้อมกับเจ้าของบ้าน นอกเหนือจากดูอาการคนขาเจ็บ ทั้งสองหนุ่มยังตกลงกันว่าจะหว่านล้อมให้ราชาวดีและศกุนตลาอยู่ฉลองปีใหม่ร่วมกันที่นี่และกลับเมืองไทยตามกำหนดเดิม
“ดีดี้อย่าเพิ่งรีบกลับเลย อยู่งานเลี้ยงวันเกิดคุณแม่ผมกับฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่ดีกว่า”
หนุ่มหน้านวลชวนง่ายๆ หากหญิงสาวลังเล ตามกำหนดเดิม อีกตั้งแปดวันแน่ะ ขาเดี้ยงอย่างนี้ จะให้มานอนแกร่ว ถึงจะเป็นบ้านของเพื่อนที่รู้จักกันมาหลายปี แต่เธอก็เกรงใจ
“ดีดี้ เกรงใจบ้านจิมมี่ใช่ไหมครับ” เสียงนายแพทย์ถามนุ่มๆ เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้า เขาก็หว่านล้อมต่อ
“จิมมี่กับคุณแม่เต็มใจ และจะดีใจมากถ้ามีเพื่อนๆอยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่ แต่ถ้าดีดี้เกรงใจมากจริงๆ ผมก็อยากจะเชิญไปพักที่บ้านผมบ้าง คุณแม่ผมท่านก็อยากมีเพื่อนคุยเป็นสาวๆ ยังให้มาถาม ว่าถ้ามีเวลาท่านอยากให้ดีดี้สอนทำอาหารไทยให้บ้าง ผมเล่าให้ท่านฟังว่าดีดี้ทำอาหารอร่อย คุณแม่ผมท่านชอบทำกับข้าวครับ แม่ยังฝากมาบอกอีกด้วยว่า ถ้าดีดี้กับกุนสนใจจะหัดทำอาหารอินเดียเนปาล ท่านจะสอนให้ ผมรับรอง ถึงดีดี้ขาเจ็บเดินไม่สะดวก แต่ก็ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ทำได้นะ รับรองว่าไม่เบื่อแน่ๆ อยู่ต่อเถอะครับ”
นักธุรกิจหนุ่มมองหน้าคนขาเจ็บแล้วให้นึกขวางอยู่ในใจ ทีกับเขา แม่ตัวดียืนยันจะกลับเมืองไทยท่าเดียว เร่งเร้าอยู่ยิกๆให้หาตั๋วเครื่องบินให้ แต่พอราเชนทราเอ่ยปากเท่านั้นก็รับคำอยู่ต่ออย่างง่ายดาย นัยน์ตาใสๆเหมือนจะหวานขึ้นกว่าเดิมอีกสักสองเท่าตัวกระมัง ชายหนุ่มนึกค่อนขอด ท่าทางกระตือรือล้นอยากเรียนทำอาหารกับมารดาของราเชนทราก็ดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน
เอาเหอะ ถึงจะหมั่นไส้ แต่ก็ดีใจที่เจ้าหล่อนจะอยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่
ส่วนเรื่องจะย้ายไปพักบ้านราเชนทราน่ะหรือ ฝันไปเหอะ ยายเตี้ย!
...........................................................................................................................
... มายาหิมาลายัน ... (บทที่ 13 …..จุมพิตปริศนา.... )
สำหรับตอนเก่าๆ อ่านได้ที่นี่ค่ะ http://writer.dek-d.com/piyara/story/view.php?id=877866
บทที่ 13 …..จุมพิตปริศนา....
วันที่สองในโจดปูร์ ราชาวดีตื่นขึ้นมาอย่างไม่แจ่มใสนัก ขาข้างที่เข้าเฝือกสร้างความอึดอัด มันช่างขัดอกขัดใจทำให้สาวไฮเปอร์อยากจะอาละวาดเล็กๆ คนขาเดี้ยงนอนถอนใจเฮือกพลางยกขาข้างดีฟาดกับที่นอนเบาๆแก้หงุดหงิด แต่พอมองไปทางเพื่อนสนิท เห็นสายตาปรามๆของพวงชมพูแล้วก็ต้องคอหด ขีนเอะอะมะเทิ่งมากไป ไอ้หมีพูห์ เอ้ย ไอ้พิ้งค์คงกระหน่ำซ้ำเติมให้ได้อายในความไม่เข้าท่าของเธอที่ริอ่านอยากจะขี่อูฐถ่ายรูป
“ไอ้ดี จะลุกหรือยัง ชั้นกะกุนเสร็จแล้วนะ” พวงชมพูเดินมามองคนที่ยังนอนอืดอยู่บนเตียง ราชาวดียังไม่ทันได้ตอบแต่อย่างใด ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“หนูดี คุณหมอราเชนทราให้คนขึ้นมาถามว่าแกเป็นไงบ้าง และจะอนุญาตให้ขึ้นมาดูอาการได้หรือเปล่า”
“โอ้โฮ มีหมอประจำตัวมาดูอาการแต่เช้าเลยเว้ย” พวงชมพูส่งเสียงแซว ส่วนคนป่วยพรวดพราดลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น
“เฮ้ย กุน อย่าพึ่งให้เข้ามา ชั้นยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยนะเฮ้ย”
อาการคนป่วยดูน่าขำเสียจนเพื่อนสองคนอดหัวเราะไม่ได้
“กุน พิ้งค์ว่าบอกเขาให้รอสักครู่แล้วกัน ให้ยายนี่มันทำสวยให้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยลงไปบอกดีกว่า”
พวงชมพูมองตามเพื่อนที่เขยกเข้าห้องน้ำไป ใจอดคิดไม่ได้ ว่าทำไมสองหนุ่มเจ้าถิ่นถึงได้ใส่ใจยายเตี้ยไฮเปอร์เพื่อนสนิทของเธอนัก เท่าที่สังเกต หนุ่มอินเดียเจ้าของบ้าน ผู้ชายร่างสูงสง่านัยน์ตาพราวคนนั้น มีบุคคลิกอบอุ่นอ่อนโยน หากก็ขี้เล่นและแจ่มใส เขาดูดีและมีเสน่ห์น่ารักกับทุกคนรวมไปถึงเพื่อนใหม่อย่างเธอ แต่กับราชาวดี เขาดูเอื้อเอ็นดูเป็นพิเศษ ยิ่งยามเจ้าหล่อนเจ็บตัวเพราะลงจากหลังอูฐผิดท่า แววตาคมๆของจิมมี่ดูประหลาดไปจากปกติทุกครั้งที่จับจ้องคนขาเดี้ยง และยิ่งประหลาดมากขึ้นทุกครั้งยามชายหนุ่มช้อนตัวราชาวดีเอาไว้ในวงแขนขณะพาตัวหญิงสาวขึ้นลงบันได
แต่ถ้าจะให้พวงชมพูอธิบายความประหลาดที่ลอบมองเห็น เธอยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ หญิงสาวรู้สึกว่าสายตาคมๆของเขานั้นช่างอ่านยาก
ทางด้านนายแพทย์แสนขรึมจากเนปาลก็เหมือนกัน ผู้ชายรูปงามคนนั้นมีบุคคลิกอ่อนโยนตามแบบพิมพ์นิยมของคุณหมอใจดี นัยน์ตาคมซึ้งแกมเศร้าอยู่เสมอนั้น ฉายแววสดชื่นขึ้นมาอย่างชัดเจนทุกคราวที่สนทนากับราชาวดี เขาดูเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยยิ้ม แต่กับเพื่อนสาวตัวเตี้ย นายแพทย์หนุ่มดูช่างยิ้มง่าย
“พิ้งค์ พิ้งค์ไปเที่ยวคนเดียวได้จริงๆเหรอ”
พวงชมพูตื่นจากภวังค์ มองหน้าสวยของศกุนตลาแล้วยิ้มให้อย่างใจดี
“กุนอย่างห่วงพิ้งค์เลย พิ้งค์เดินทางคนเดียวบ่อยจะตาย ไอ้ดีเดี้ยงนั่นน่าห่วงกว่า ท่าทางมันหงุดหงิดงุ่นง่านน่าดู”
“หนูดีอยากมาเที่ยวอินเดียตั้งนานแล้ว พอมาเจออย่างนี้เลยเซ็งมาก”
“แล้วกุนล่ะ ไม่เสียดายเหรอ มาถึงอินเดียทั้งที จะกลับซะแล้ว ความจริง ถ้าไอ้ดีมันดูแลตัวเองได้ กุนก็น่าจะไปเที่ยวกับพิ้งค์นะ”
พวงชมพูลองถามดูอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าคำตอบคงเหมือนเดิม เธอไม่สนิทกับศกุนตลานัก แต่รู้ว่าทั้งศกุนตลาและราชาวดี เป็นเพื่อนรักและเติบโตมาด้วยกัน
“เสียดายนิดหน่อย ห่วงหนูดีมากกว่า เรื่องเที่ยว คงมีโอกาสมาอีกอยู่หรอก”
“แล้วตกลงจะกลับเมืองไทยวันไหน”
“ หนูดีบอกว่าวันนี้จะหาตั๋วกลับ แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้บินวันไหน เห็นคุยกับคุณจิมมี่ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน”
........................................................................................................................................
นายแพทย์หนุ่มขึ้นมาที่ห้องคนเจ็บพร้อมกับเจ้าของบ้าน นอกเหนือจากดูอาการคนขาเจ็บ ทั้งสองหนุ่มยังตกลงกันว่าจะหว่านล้อมให้ราชาวดีและศกุนตลาอยู่ฉลองปีใหม่ร่วมกันที่นี่และกลับเมืองไทยตามกำหนดเดิม
“ดีดี้อย่าเพิ่งรีบกลับเลย อยู่งานเลี้ยงวันเกิดคุณแม่ผมกับฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่ดีกว่า”
หนุ่มหน้านวลชวนง่ายๆ หากหญิงสาวลังเล ตามกำหนดเดิม อีกตั้งแปดวันแน่ะ ขาเดี้ยงอย่างนี้ จะให้มานอนแกร่ว ถึงจะเป็นบ้านของเพื่อนที่รู้จักกันมาหลายปี แต่เธอก็เกรงใจ
“ดีดี้ เกรงใจบ้านจิมมี่ใช่ไหมครับ” เสียงนายแพทย์ถามนุ่มๆ เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้า เขาก็หว่านล้อมต่อ
“จิมมี่กับคุณแม่เต็มใจ และจะดีใจมากถ้ามีเพื่อนๆอยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่ แต่ถ้าดีดี้เกรงใจมากจริงๆ ผมก็อยากจะเชิญไปพักที่บ้านผมบ้าง คุณแม่ผมท่านก็อยากมีเพื่อนคุยเป็นสาวๆ ยังให้มาถาม ว่าถ้ามีเวลาท่านอยากให้ดีดี้สอนทำอาหารไทยให้บ้าง ผมเล่าให้ท่านฟังว่าดีดี้ทำอาหารอร่อย คุณแม่ผมท่านชอบทำกับข้าวครับ แม่ยังฝากมาบอกอีกด้วยว่า ถ้าดีดี้กับกุนสนใจจะหัดทำอาหารอินเดียเนปาล ท่านจะสอนให้ ผมรับรอง ถึงดีดี้ขาเจ็บเดินไม่สะดวก แต่ก็ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ทำได้นะ รับรองว่าไม่เบื่อแน่ๆ อยู่ต่อเถอะครับ”
นักธุรกิจหนุ่มมองหน้าคนขาเจ็บแล้วให้นึกขวางอยู่ในใจ ทีกับเขา แม่ตัวดียืนยันจะกลับเมืองไทยท่าเดียว เร่งเร้าอยู่ยิกๆให้หาตั๋วเครื่องบินให้ แต่พอราเชนทราเอ่ยปากเท่านั้นก็รับคำอยู่ต่ออย่างง่ายดาย นัยน์ตาใสๆเหมือนจะหวานขึ้นกว่าเดิมอีกสักสองเท่าตัวกระมัง ชายหนุ่มนึกค่อนขอด ท่าทางกระตือรือล้นอยากเรียนทำอาหารกับมารดาของราเชนทราก็ดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน
เอาเหอะ ถึงจะหมั่นไส้ แต่ก็ดีใจที่เจ้าหล่อนจะอยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกันที่นี่
ส่วนเรื่องจะย้ายไปพักบ้านราเชนทราน่ะหรือ ฝันไปเหอะ ยายเตี้ย!
...........................................................................................................................