บทที่ 12 …..เยือนโจดปูร์ ......
ปลายเดือนธันวาคม 2551
นักธุรกิจหนุ่มชาวอินเดียบินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ในขณะที่ราเชนทราตัดสินใจรอบินไปอินเดียพร้อมกับสองสาวชาวไทย
ทั้งศกุนตลาและราชาวดีตั้งใจว่าจะอยู่ค้างเป็นแขกของจิมมี่ที่เมืองโจดปูร์เป็นเวลาสองคืน และจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามเมืองสำคัญของรัฐราชสถาน อันได้แก่ จัยซาลเมียร์ ไจปูร์ และไปชมทัชมาฮาลที่อักรา ก่อนจะเข้าสู่เดลีเพื่อบินกลับไทย
บังเอิญที่เพื่อนคนหนึ่งของราชาวดีต้องไปประชุมที่อินเดียก่อนปีใหม่ และเธอตัดสินใจจะร่วมทางท่องเที่ยวไปกับราชาวดีและศกุนตลาด้วย โดยนัดพบกันที่สนามบินเดลีเพื่อบินไปโจด์ปูร์ดพร้อมกัน
ราเชนทราพาสองสาวบินจากเมืองไทยมาถึงเดลีตอนเย็น ทั้งหมดเข้าพักค้างคืนในโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะเดินทางไปสนามบินในตอนเช้าเพื่อจับเที่ยวบินแรกไปโจดปูร์
“พูห์ พูห์ หมีพูห์ ทางนี้”
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนในชุดเดินทางทะมัดทะแมงเซ็งเหลือใจ ‘ไอ้ดี’ เพื่อนของเธอมันดีแตกอยู่เรื่อย สั่งนักสั่งหนาว่าอย่าเรียกกันด้วยชื่อตลกๆแบบนั้น ก็แล้วมันเคยฟังไหม พวงชมพูหน้าตูมเดินไปหาคนเรียกก่อนจะเล่นงานเพื่อนสาวหน้าทะเล้น
“ไอ้ดี ถ้าแกยังแหย่ฉันอยู่แบบนี้ ระวังให้ดี ฉันจะวางยาแก จะจัดการให้สินค้าที่แกขายกระเด็นออกจากสูตรอาหารของฉัน และยอดขายของแกจะตกฮวบทันที”
“วะ โหดจริงจริ้ง และมันแย่มากถ้าแกจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ไอ้พิ้งค์” พูดพลางสาวผมสั้นก็หัวเราะร่วน ก่อนแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จักกับราเชนทรา
“ คุณราชคะ นี่พวงชมพู เพื่อนเรียนตอนปริญญาตรีค่ะ เรียกเขาว่า หมีพูห์ เอ้ย พิ้งค์ดีกว่าค่ะ ชมพูภาษาไทยตรงกับ Pink ในภาษาอังกฤษ” คนแนะนำหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินเสียงขู่ฟ่อจาก ‘หมีพูห์’
สองหนุ่มสาวสัมผัสมือและเอ่ยทักทาย ก่อนพวงชมพูจะหันมาหาศกุนตลาอย่างยินดี
“กุนสบายดีนะ ไม่เจอกันนานเลย เมื่อไหร่จะตัดหางไอ้ดีปล่อยวัด”
ราชาวดีแยกเขี้ยวใส่เพื่อนก่อนจะชวนทั้งหมดไปจัดการเช็ดอินและส่งกระเป๋าเข้าฝากใต้ท้องเครื่องก่อนผ่านเข้าสู่ด้านในของสนามบิน
ราเชนทราได้ทราบว่าพวงชมพูเป็นนักวิชาการอาหารสัตว์ เธอเรียนจบระดับปริญญาตรีสาขาสัตวศาสตร์มาด้วยกันกับราชาวดีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาในสาขาเกี่ยวกับการผลิตและทำสูตรอาหารสัตว์ ก่อนจะมาทำงานให้กับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ชั้นนำสัญชาติฝรั่งเศสที่ประเทศเวียดนาม นอกเหนือจากเป็นเพื่อนเรียนกันมา บริษัทของพวงชมพูยังเป็นลูกค้าของราชาวดีอีกด้วย
มองดูหญิงสาวสองคนแล้วก็เห็นความแตกต่าง พวงชมพูดูท่าทางเป็นหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองสูงและเอาจริงเอาจัง เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้ดูขี้เล่นและมากไปด้วยอารมณ์ขันอย่างเพื่อนของเธอ หากราเชนทราสังเกตสายตาของหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ‘หมีพูห์’ ด้วยความพลั้งเผลออย่างจงใจอยู่บ่อยๆของราชาวดีแล้วก็ต้องแอบขำ เพราะดูท่าทางของคนที่เอาจริงเอาจัง อย่างพวงชมพู กลับมีแววตาที่เปล่งแสงสนุกยามแกล้งส่งเสียงตำหนิและตีหน้ามุ่ยใส่เพื่อน พวงชมพูไม่ได้นิ่งและเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เธอแสดงออกเลย
... มายาหิมาลายัน ... (บทที่ ๑๒ ... เยือนโจดปูร์ ...)
ปลายเดือนธันวาคม 2551
นักธุรกิจหนุ่มชาวอินเดียบินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ในขณะที่ราเชนทราตัดสินใจรอบินไปอินเดียพร้อมกับสองสาวชาวไทย
ทั้งศกุนตลาและราชาวดีตั้งใจว่าจะอยู่ค้างเป็นแขกของจิมมี่ที่เมืองโจดปูร์เป็นเวลาสองคืน และจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามเมืองสำคัญของรัฐราชสถาน อันได้แก่ จัยซาลเมียร์ ไจปูร์ และไปชมทัชมาฮาลที่อักรา ก่อนจะเข้าสู่เดลีเพื่อบินกลับไทย
บังเอิญที่เพื่อนคนหนึ่งของราชาวดีต้องไปประชุมที่อินเดียก่อนปีใหม่ และเธอตัดสินใจจะร่วมทางท่องเที่ยวไปกับราชาวดีและศกุนตลาด้วย โดยนัดพบกันที่สนามบินเดลีเพื่อบินไปโจด์ปูร์ดพร้อมกัน
ราเชนทราพาสองสาวบินจากเมืองไทยมาถึงเดลีตอนเย็น ทั้งหมดเข้าพักค้างคืนในโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะเดินทางไปสนามบินในตอนเช้าเพื่อจับเที่ยวบินแรกไปโจดปูร์
“พูห์ พูห์ หมีพูห์ ทางนี้”
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนในชุดเดินทางทะมัดทะแมงเซ็งเหลือใจ ‘ไอ้ดี’ เพื่อนของเธอมันดีแตกอยู่เรื่อย สั่งนักสั่งหนาว่าอย่าเรียกกันด้วยชื่อตลกๆแบบนั้น ก็แล้วมันเคยฟังไหม พวงชมพูหน้าตูมเดินไปหาคนเรียกก่อนจะเล่นงานเพื่อนสาวหน้าทะเล้น
“ไอ้ดี ถ้าแกยังแหย่ฉันอยู่แบบนี้ ระวังให้ดี ฉันจะวางยาแก จะจัดการให้สินค้าที่แกขายกระเด็นออกจากสูตรอาหารของฉัน และยอดขายของแกจะตกฮวบทันที”
“วะ โหดจริงจริ้ง และมันแย่มากถ้าแกจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ไอ้พิ้งค์” พูดพลางสาวผมสั้นก็หัวเราะร่วน ก่อนแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จักกับราเชนทรา
“ คุณราชคะ นี่พวงชมพู เพื่อนเรียนตอนปริญญาตรีค่ะ เรียกเขาว่า หมีพูห์ เอ้ย พิ้งค์ดีกว่าค่ะ ชมพูภาษาไทยตรงกับ Pink ในภาษาอังกฤษ” คนแนะนำหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินเสียงขู่ฟ่อจาก ‘หมีพูห์’
สองหนุ่มสาวสัมผัสมือและเอ่ยทักทาย ก่อนพวงชมพูจะหันมาหาศกุนตลาอย่างยินดี
“กุนสบายดีนะ ไม่เจอกันนานเลย เมื่อไหร่จะตัดหางไอ้ดีปล่อยวัด”
ราชาวดีแยกเขี้ยวใส่เพื่อนก่อนจะชวนทั้งหมดไปจัดการเช็ดอินและส่งกระเป๋าเข้าฝากใต้ท้องเครื่องก่อนผ่านเข้าสู่ด้านในของสนามบิน
ราเชนทราได้ทราบว่าพวงชมพูเป็นนักวิชาการอาหารสัตว์ เธอเรียนจบระดับปริญญาตรีสาขาสัตวศาสตร์มาด้วยกันกับราชาวดีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาในสาขาเกี่ยวกับการผลิตและทำสูตรอาหารสัตว์ ก่อนจะมาทำงานให้กับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ชั้นนำสัญชาติฝรั่งเศสที่ประเทศเวียดนาม นอกเหนือจากเป็นเพื่อนเรียนกันมา บริษัทของพวงชมพูยังเป็นลูกค้าของราชาวดีอีกด้วย
มองดูหญิงสาวสองคนแล้วก็เห็นความแตกต่าง พวงชมพูดูท่าทางเป็นหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองสูงและเอาจริงเอาจัง เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้ดูขี้เล่นและมากไปด้วยอารมณ์ขันอย่างเพื่อนของเธอ หากราเชนทราสังเกตสายตาของหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ‘หมีพูห์’ ด้วยความพลั้งเผลออย่างจงใจอยู่บ่อยๆของราชาวดีแล้วก็ต้องแอบขำ เพราะดูท่าทางของคนที่เอาจริงเอาจัง อย่างพวงชมพู กลับมีแววตาที่เปล่งแสงสนุกยามแกล้งส่งเสียงตำหนิและตีหน้ามุ่ยใส่เพื่อน พวงชมพูไม่ได้นิ่งและเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เธอแสดงออกเลย