ปรืดดดด … เสียงรูดซิปกระเป๋าเดินทาง ผมแพ็คกระเป๋าเดินทางตั้งค่า 6 โมงเย็นเพื่อที่จะเดินทางไปสนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ2 ทุ่มเพื่อที่จะขึ้นไฟท์เดินทางไปที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่นในตอนตี1
อันที่จริงผมไม่ได้ไปเร็ว เกินไปนะ แต่ว่าแฟนผมมันเร่ง และต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆและชุดให้กับเด็กๆ อีกสองคน
ก่อนออกเดินทางเราคงวุ่นวายอยู่กับการจัดน้ำหนักในกระเป๋าเพื่อไม่ให้เกินกว่าที่สายการบินกำหนด
โดยนำกระเป๋าทุกใบ ไปขึ้นช่างบน ที่ชั่งน้ำหนักแบบที่เราชั่งน้ำหนักที่เราเหยียบสองขานั่นแหละ (เอาแบบนั้นเลยรึ ) เจ๊แกก็คิดว่าการชั่งหนักแบบนี้เป็นการชั่งน้ำหนักที่ถูกแล้ว (ตามใจเธอจ๊ะ) ส่วนผมเก็บของเสร็จใช้เวลาแค่ 10 นาทีพอ เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ว่าจะไปไหนผมก็ไม่ค่อยเอาของจุกจิกไปด้วยหรอก แค่อยากจะไปเที่ยวอย่างเดียว
-----
การเดินทางครั้งนี้ เดินทางไปกัน 9 คน รวมญาติๆฝ่ายแฟนผมด้วย ปนะหนึ่งทัวร์จีน ขยาดย่อมๆเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าอากาศที่โอซาก้าไม่น่าจะหนาวมาก ผมเปลี่ยนมาแค่เสื้อกันหนาวบางบางตัวเดียว
สอนภาษาญี่ปุ่นที่เตรียมไปนั้น ก็พูดได้แค่ อิคึ อีไต และไดโจบุ (ฮา)
จริงๆนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาประเทศญี่ปุ่น เพราะก่อนหน้านี้เคยไปที่โตเกียว และก็เกียวโตมาแล้ว ตอนนั้นทำไมใบขับขี่สากล แล้วก็มาเช่ารถ ขับในโตเกียวสนุกเลยทีเดียว เพราะตาก็ไม่ค่อยดี มองก็ไม่ชัด แถมต้องขึ้นทางด่วนอีกต่างหากหาก ส่วนครั้งนี้ จ้างคนขับ กับใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน
หอบเด็กสองคนไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เอาเถอะนานๆไปที นั่งหมุนไฟท์ค่อนข้างนาน เด็กๆ งอแงนิดหน่อย ประเทศญี่ปุ่นเวลาจะเร็วกว่าเรา 2 ชม . ใครเอานาฬิกาไปก็ไปปรับเอาเองนะ
ตอนมาถึงช่วงเดือนตุลาคม อากาศไม่หนาวมาก กำลังดี 16องศา ตอนเช้า ตอนบ่าย ก็อาจ 24 องศา พอๆกับหน้าหนาวเมืองไทยเรา
มาถึงแล้วก็ต้องรีบ เข้าที่พัก ที่พักอยู่แถว โซนคาราโอแกะ ของย่านโอซาก้า เป็นบ้านเช่าคือเช่าบ้านเลยก็จากเว็บไซต์ เวลาเข้าไปเราก็จะต้องใช้รหัสที่เค้าให้มาจากเจ้าของบ้านเพื่อปลดล็อคกุญแจบ้านเข้าไปเป็นกุญแจแบบใช้รหัสเสร็จแล้วก็เข้าไปอยู่ได้เลยตามเวลาที่เช่าภ
เกือบลืม ถ้าอยากเที่ยวด้วยตนเอง ต้องซื้อตั๋วเดินทางรถไฟฟ้าใต้ดินเอาไว้ด้วย เพราะรถบัสแทบไม่เห็นที่โอซาก้า ส่วนรถtaxi ก็แพง
ผมซื้อที่นี้ JR ticket office เลย มีหลายราคา ซื้อเป็นบัตร แบบเติมเงินแบบบ้านเราเลย หมดก็เติม เติมที่ตู้เหมือนกัน ถ้าทำไม่เป็นเรียกเจ้าหน้าที่ ที่สถานี ช่วยก็ได้ พี่แกใจดี
พอก่อนเดี๋ยวมาเล่าต่อ…
อ่านต่อ ที่นี้
https://ppantip.com/topic/43048649?sc=pHRTYMx
สวัสดี โอซาก้า day 1 : เดินขาลาก
อันที่จริงผมไม่ได้ไปเร็ว เกินไปนะ แต่ว่าแฟนผมมันเร่ง และต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆและชุดให้กับเด็กๆ อีกสองคน
ก่อนออกเดินทางเราคงวุ่นวายอยู่กับการจัดน้ำหนักในกระเป๋าเพื่อไม่ให้เกินกว่าที่สายการบินกำหนด
โดยนำกระเป๋าทุกใบ ไปขึ้นช่างบน ที่ชั่งน้ำหนักแบบที่เราชั่งน้ำหนักที่เราเหยียบสองขานั่นแหละ (เอาแบบนั้นเลยรึ ) เจ๊แกก็คิดว่าการชั่งหนักแบบนี้เป็นการชั่งน้ำหนักที่ถูกแล้ว (ตามใจเธอจ๊ะ) ส่วนผมเก็บของเสร็จใช้เวลาแค่ 10 นาทีพอ เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ว่าจะไปไหนผมก็ไม่ค่อยเอาของจุกจิกไปด้วยหรอก แค่อยากจะไปเที่ยวอย่างเดียว
-----
การเดินทางครั้งนี้ เดินทางไปกัน 9 คน รวมญาติๆฝ่ายแฟนผมด้วย ปนะหนึ่งทัวร์จีน ขยาดย่อมๆเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าอากาศที่โอซาก้าไม่น่าจะหนาวมาก ผมเปลี่ยนมาแค่เสื้อกันหนาวบางบางตัวเดียว
สอนภาษาญี่ปุ่นที่เตรียมไปนั้น ก็พูดได้แค่ อิคึ อีไต และไดโจบุ (ฮา)
จริงๆนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาประเทศญี่ปุ่น เพราะก่อนหน้านี้เคยไปที่โตเกียว และก็เกียวโตมาแล้ว ตอนนั้นทำไมใบขับขี่สากล แล้วก็มาเช่ารถ ขับในโตเกียวสนุกเลยทีเดียว เพราะตาก็ไม่ค่อยดี มองก็ไม่ชัด แถมต้องขึ้นทางด่วนอีกต่างหากหาก ส่วนครั้งนี้ จ้างคนขับ กับใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน
หอบเด็กสองคนไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เอาเถอะนานๆไปที นั่งหมุนไฟท์ค่อนข้างนาน เด็กๆ งอแงนิดหน่อย ประเทศญี่ปุ่นเวลาจะเร็วกว่าเรา 2 ชม . ใครเอานาฬิกาไปก็ไปปรับเอาเองนะ
ตอนมาถึงช่วงเดือนตุลาคม อากาศไม่หนาวมาก กำลังดี 16องศา ตอนเช้า ตอนบ่าย ก็อาจ 24 องศา พอๆกับหน้าหนาวเมืองไทยเรา
มาถึงแล้วก็ต้องรีบ เข้าที่พัก ที่พักอยู่แถว โซนคาราโอแกะ ของย่านโอซาก้า เป็นบ้านเช่าคือเช่าบ้านเลยก็จากเว็บไซต์ เวลาเข้าไปเราก็จะต้องใช้รหัสที่เค้าให้มาจากเจ้าของบ้านเพื่อปลดล็อคกุญแจบ้านเข้าไปเป็นกุญแจแบบใช้รหัสเสร็จแล้วก็เข้าไปอยู่ได้เลยตามเวลาที่เช่าภ
เกือบลืม ถ้าอยากเที่ยวด้วยตนเอง ต้องซื้อตั๋วเดินทางรถไฟฟ้าใต้ดินเอาไว้ด้วย เพราะรถบัสแทบไม่เห็นที่โอซาก้า ส่วนรถtaxi ก็แพง
ผมซื้อที่นี้ JR ticket office เลย มีหลายราคา ซื้อเป็นบัตร แบบเติมเงินแบบบ้านเราเลย หมดก็เติม เติมที่ตู้เหมือนกัน ถ้าทำไม่เป็นเรียกเจ้าหน้าที่ ที่สถานี ช่วยก็ได้ พี่แกใจดี
พอก่อนเดี๋ยวมาเล่าต่อ…
อ่านต่อ ที่นี้ https://ppantip.com/topic/43048649?sc=pHRTYMx