HTECH วางยุทธศาสตร์ปี 56 มุ่งขยายฐานลูกค้า-ดันรายได้โต20%
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2556 19:36 น.
"แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี" เปิดกลยุทธ์ปี56 เดินหน้ารับลูกค้าชิ้นส่วนยานยนต์ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา และชิ้นส่วนเครื่องบิน พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มหวังสร้างฐานธุรกิจในอนาคตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผู้บริหารระบุแม้ปีนี้การแข่งขันจะรุนแรง แต่เชื่อรับมือได้ทั้งค่าแรงที่เพิ่มขึ้น การตัดราคาสินค้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีที่ผ่านมา ส่วนอัตรากำไรสุทธิจะรักษาเอาไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 20%
นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2556 ว่า บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญด้านการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนกล้องถ่ายรูป ชิ้นส่วนนาฬิกา ชิ้นส่วนเครื่องบิน และอุตสาหกรรมอื่นๆนอกเหนือจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE หรือ HDD แต่ยังเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก
ขณะที่การขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศ ในเบื้องต้นแม้จะมีการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียเพื่อศึกษาและดูแนวโน้มด้านการตลาดไปแล้ว แต่ในอนาคตอาจจะพิจารณาเรื่องการจัดตั้งโรงงานผลิตอย่างจริงจัง และอาจจะพิจารณาเข้าไปลงทุนประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนด้วย อาทิ ประเทศมาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ ทำให้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีก่อน ขณะอัตรากำไรสุทธิบริษัทจะพยายามรักษาให้ไม่ต่ำกว่า 20% ด้านบริษัทย่อย Halcyon Technology (Philippines) ตั้งเป้าเติบโตไปในทางเดียวกัน คือไม่ต่ำกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา
“เรายังมีมุมมองที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่าจะยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทจะหันมาเน้นขยายตลาดไปในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์มากขึ้น เพราะว่ามีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการลงทุนใหม่ๆ จากค่ายญี่ปุ่นเดิม และทางฝั่งยุโรปรวมถึงสหรัฐฯ ที่ได้ขยายการผลิตมาประเทศไทยมากขึ้น จึงเป็นเรื่องดีสำหรับกลุ่มสินค้า Cutting Tools ของกลุ่ม HTECH ไม่ว่าจะเป็น PCD, PCBN หรือคาร์ไบด์ โดยในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าผลิตเต็ม100% สำหรับตลาดในประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"นายพีทกล่าว
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HDD และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ปีนี้ ประเมินว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HDD ยังมีปริมาณการผลิตเทียบเท่ากับช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังไตรมาส1/2556 อาจมีโอกาสปรับตัวได้ หากผลิตภัณฑ์ Hybrid Hard disk ประสบความสำเร็จ ซึ่งคงต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีความต้องการสินค้ามากก็คงเป็นอานิสงส์ที่บริษัทจะได้คำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจาก HTECH มีความพร้อมสูงและสินค้าเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว
สำหรับสภาวะการแข่งขันในปี 2556 เชื่อว่าจะหนักหน่วงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากตลาด HDD ชะลอตัวลง ส่งผลทำให้ supplier ต่างๆ หันเข้าสู่ตลาดรถยนต์มากขึ้น ทำให้มีการตัดราคากันมากขึ้น และอีกประการสำคัญ คือ ผู้ประกอบการอาจมีการต่อรองเรื่องราคามากขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในที่ผ่านมา บริษัทได้ทยอยซื้อเครื่องจักรที่เป็น Automation มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าแรง รวมถึงมีการใช้โปรแกรมซอฟแวร์เข้ามาช่วยจัดการระบบต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดผลกระทบของค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ในระดับหนึ่ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาในเรื่องของการตลาดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังเน้นพัฒนาทางด้านการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยยึดหลักการให้บริการที่เป็น one-stop service ช่วยลูกค้าออกแบบเครื่องมือที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อลดต้นทุนให้กับลูกค้า เน้นการบริการในทุกขั้นตอน และส่งของรวดเร็วตรงเวลาเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ
HTECH --> GOOD !!!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2556 19:36 น.
"แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี" เปิดกลยุทธ์ปี56 เดินหน้ารับลูกค้าชิ้นส่วนยานยนต์ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา และชิ้นส่วนเครื่องบิน พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มหวังสร้างฐานธุรกิจในอนาคตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผู้บริหารระบุแม้ปีนี้การแข่งขันจะรุนแรง แต่เชื่อรับมือได้ทั้งค่าแรงที่เพิ่มขึ้น การตัดราคาสินค้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีที่ผ่านมา ส่วนอัตรากำไรสุทธิจะรักษาเอาไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 20%
นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2556 ว่า บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญด้านการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนกล้องถ่ายรูป ชิ้นส่วนนาฬิกา ชิ้นส่วนเครื่องบิน และอุตสาหกรรมอื่นๆนอกเหนือจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE หรือ HDD แต่ยังเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก
ขณะที่การขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศ ในเบื้องต้นแม้จะมีการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียเพื่อศึกษาและดูแนวโน้มด้านการตลาดไปแล้ว แต่ในอนาคตอาจจะพิจารณาเรื่องการจัดตั้งโรงงานผลิตอย่างจริงจัง และอาจจะพิจารณาเข้าไปลงทุนประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนด้วย อาทิ ประเทศมาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ ทำให้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปีก่อน ขณะอัตรากำไรสุทธิบริษัทจะพยายามรักษาให้ไม่ต่ำกว่า 20% ด้านบริษัทย่อย Halcyon Technology (Philippines) ตั้งเป้าเติบโตไปในทางเดียวกัน คือไม่ต่ำกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา
“เรายังมีมุมมองที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่าจะยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทจะหันมาเน้นขยายตลาดไปในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์มากขึ้น เพราะว่ามีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการลงทุนใหม่ๆ จากค่ายญี่ปุ่นเดิม และทางฝั่งยุโรปรวมถึงสหรัฐฯ ที่ได้ขยายการผลิตมาประเทศไทยมากขึ้น จึงเป็นเรื่องดีสำหรับกลุ่มสินค้า Cutting Tools ของกลุ่ม HTECH ไม่ว่าจะเป็น PCD, PCBN หรือคาร์ไบด์ โดยในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าผลิตเต็ม100% สำหรับตลาดในประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"นายพีทกล่าว
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HDD และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ปีนี้ ประเมินว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HDD ยังมีปริมาณการผลิตเทียบเท่ากับช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังไตรมาส1/2556 อาจมีโอกาสปรับตัวได้ หากผลิตภัณฑ์ Hybrid Hard disk ประสบความสำเร็จ ซึ่งคงต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีความต้องการสินค้ามากก็คงเป็นอานิสงส์ที่บริษัทจะได้คำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจาก HTECH มีความพร้อมสูงและสินค้าเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว
สำหรับสภาวะการแข่งขันในปี 2556 เชื่อว่าจะหนักหน่วงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากตลาด HDD ชะลอตัวลง ส่งผลทำให้ supplier ต่างๆ หันเข้าสู่ตลาดรถยนต์มากขึ้น ทำให้มีการตัดราคากันมากขึ้น และอีกประการสำคัญ คือ ผู้ประกอบการอาจมีการต่อรองเรื่องราคามากขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในที่ผ่านมา บริษัทได้ทยอยซื้อเครื่องจักรที่เป็น Automation มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าแรง รวมถึงมีการใช้โปรแกรมซอฟแวร์เข้ามาช่วยจัดการระบบต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดผลกระทบของค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ในระดับหนึ่ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาในเรื่องของการตลาดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังเน้นพัฒนาทางด้านการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยยึดหลักการให้บริการที่เป็น one-stop service ช่วยลูกค้าออกแบบเครื่องมือที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อลดต้นทุนให้กับลูกค้า เน้นการบริการในทุกขั้นตอน และส่งของรวดเร็วตรงเวลาเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ