นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 5 แผนร้าย
http://ppantip.com/topic/30056393
บทที่ 6 ข่าวร้ายกับความแค้นของวลาร์ด
รายงานการพบดิกสันกับรถยนต์ที่พังยับเยินสร้างความตระหนกต่อเทเลอร์เป็นอย่างมากจนแทบจะทำเอกสารหลุดจากมือ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้และถามผู้แจ้งข่าว
“แล้วสมิธเป็นยังไงบ้าง”
เจ้าหน้าที่นายนั้นทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะตอบด้วยเสียงที่เบากว่าครั้งแรก
“เราไม่พบคุณสมิธ แต่มีร่องรอยกิ่งไม้หักแถวหน้าผาเลยให้นักประดาน้ำดำลงไปตรวจแต่น้ำบริเวณนั้นค่อนข้างลึกทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก”
เขาชะงักคำพูดเมื่อเห็นเทเลอร์ยกมือขึ้นกุมขมับและต่อประโยคด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ
“ตอนนี้เรายังหาเขาไม่พบ”
“นำดิกสันกลับมาหรือยัง”เทเลอร์ถาม อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“เรียบร้อยแล้วครับ เจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรอยู่”ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ เทเลอร์จึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องมุ่งหน้าตรงไปยังห้องชันสูตรซึ่งอยู่ด้านล่าง ระหว่างทางเขาพบกับวลาร์ดซึ่งแม้จะวางสีหน้าเรียบเฉยแต่ลักษณะท่าทางกลับแฝงไว้ซึ่งความร้อนใจ
“ผมได้ข่าวว่าคนของเราถูกทำร้าย”
“ดิกสันกับสมิธ”เทเลอร์ตอบ ลูกครึ่งแวมไพร์มองเขาด้วยดวงตาตระหนก
“พวกเขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ดิกสันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนสมิธ”เทเลอร์เว้นคำพูดค้างไว้เหมือนไม่อยากจะพูดแต่เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเขาจึงถอนใจออกมาเบาๆ
“เรายังหาเขาไม่พบ”
วลาร์ดยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือนให้นึกถึงความสูญเสียที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นอันเดอร์ฮิลล์ แอลลิสันหรือวิคตอเรีย แต่ความตายยังไม่สร้างความเจ็บปวดเท่ากับความทรมานจากการเห็นบุคคลอันเป็นที่รักถูกทำให้กลายสภาพ เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นก่อนพูดประโยคที่เขาเองก็ไม่อยากจะนึกถึง
“เขาอาจจะถูกไรซินจับตัวไป”
เทเลอร์วางมือลงบนไหล่ของวลาร์ดและบีบเบาๆ
“เจ้าหน้าที่พบร่องรอยเหมือนมีใครบางคนลื่นไถลลงจากหน้าผา บางทีสมิธอาจจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บแต่ หนีรอดจากคนพวกนั้นไปได้”
“แล้วคุณกำลังจะไปไหน”ลูกครึ่งแวมไพร์ถามเมื่อเห็นเทเลอร์ทำท่าจะออกเดิน อีกฝ่ายหันมาตอบ
“ห้องชันสูตร ถึงจะรู้สาเหตุการตายของดิกสันแต่เราก็อยากจะแน่ใจว่าร่างกายของสะอาดปราศจากปรสิตหรือแบคทีเรีย”
“ผมไปด้วย”
ลูกครึ่งแวมไพร์พูดและเดินตามทันที ทั้งสองเดินไปด้วยกันโดยไม่พูดคุยอะไรเลยกระทั่งถึงห้องชันสูตร ตอนแรกเทเลอร์คิดว่าวลาร์ดอาจจะเข้าไปทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่แต่กลับผิดคาดเพราะเด็กหนุ่มยืนมองอยู่ด้านนอกเท่านั้น ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงการตรวจร่างของดิกสันจึงจบลง แพทย์ประจำห้องชันสูตรเงยหน้าขึ้นและทำสัญญาณมือเป็นเชิงเรียกให้คนทั้งสองเข้าไปด้านใน
“พบอะไรผิดปรกติบ้างหรือเปล่า”เทเลอร์ถาม อีกฝ่ายสั่นศีรษะ
“เท่าที่ตรวจดูในตอนนี้ไม่พบอะไร”เขาพูดพลางเปิดผ้าคลุมร่างที่นอนอยู่บนเตียง”สาเหตุการตายมาจากเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจถูกทำลาย คนร้ายมีความชำนาญมากที่สามารถลั่นกระสุนตัดขั้วหัวใจเขาได้เพียงนัดเดียว”
“นอกจากแผลถูกยิงแล้วมีร่อยรอยการทำร้ายอื่นบ้างหรือเปล่า”หัวหน้าหน่วยนักล่าถาม แพทย์ชันสูตรส่ายหน้า
“ไม่มีเลยครับ ถ้าจะให้ผมพูดมันเหมือนกับเขาถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว”
เทเลอร์พยักหน้าและหันไปมองวลาร์ดที่กำลังมองร่างไร้วิญญาณของดิกสันด้วยสีหน้าที่ไม่ว่าใครก็เดาไม่ออก
“วลาร์ด”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นและหันไปทางแพทย์ชันสูคร
“ตรวจเลือดเขาหรือยัง”
“เราตรวจสอบในขั้นต้นแล้วไม่พบอะไร แต่ผมได้จัดการส่งบางส่วนไปที่ห้องทดลองเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างช้าไม่เกินครึ่งวันคงทราบผล”
วลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะโคลงศีรษะ
“แต่ผมไม่คิดว่าเลือดของดิกสันจะมีแบคทึเรียเจือปนเหมือนมนุษย์หมาป่า”
“พอจะบอกได้ไหมว่าทำไม”
“เขาเป็นเป้าหมายที่คาดไม่ถึง บางทีไรซินเองคงไม่คิดด้วยซ้ำว่าร็อคนีย์จะถูกดิกสันกับคุณสมิธติดตาม พวกเขาจึงถูกจัดการอย่างรวดเร็ว”
เหตุผลของวลาร์ดทำให้เทเลอร์นิ่งคิด เพื่อเพิ่มน้ำหนักในข้อสันนิษฐานลูกครึ่งแวมไพร์จึง
พูดต่อ
“อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่คิดว่าไรซินจะฉีดเชื้อโรคเข้าไปในตัวดิกสันก็คือ เขามั่นใจว่าทั้งผม
และวูล์ฟติดเชื้อไปเรียบร้อยแล้ว”
“ผมเห็นด้วยในข้อนั้น”หัวหน้าหน่วยนักล่าพูดพลางมองร่างไร้วิญญาณของดิกสันด้วยความเศร้าใจก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ชันสูตรจากนั้นจึงกลับห้องทำงาน ระหว่างที่เดินไปกับวลาร์ดเทเลอร์ซึ่งเงียบไปนานจึงเอ่ยปากถาม
“วูล์ฟเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เทเลอร์ชำเลืองตามองเขาแล้วถอนใจเพราะรู้ดีว่าแม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่สนใจแต่ในส่วนลึกของจิตใจแล้วเขาเป็นกังวลกับอาการป่วยของวูล์ฟเป็นอย่างมาก
“แล้วการค้นคว้าของเธอไปถึงไหนแล้ว”
วลาร์ดนิ่งเงียบไม่ตอบ เทเลอร์จึงรู้ว่าเขายังหาวิธีรักษาไม่พบ เพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มกังวลจนเกินไปนักเขาจึงกล่าวเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ไรซินอาจจะเก่ง แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าเธอเท่าใดนัก”
“เขาฉลาดกว่าผมมาก”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดและก้มศีรษะลงเล็กน้อย”ผมต้องขอตัว”
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 6 ข่าวร้ายกับความแค้นของวลาร์ด
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 5 แผนร้าย
http://ppantip.com/topic/30056393
บทที่ 6 ข่าวร้ายกับความแค้นของวลาร์ด
รายงานการพบดิกสันกับรถยนต์ที่พังยับเยินสร้างความตระหนกต่อเทเลอร์เป็นอย่างมากจนแทบจะทำเอกสารหลุดจากมือ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้และถามผู้แจ้งข่าว
“แล้วสมิธเป็นยังไงบ้าง”
เจ้าหน้าที่นายนั้นทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะตอบด้วยเสียงที่เบากว่าครั้งแรก
“เราไม่พบคุณสมิธ แต่มีร่องรอยกิ่งไม้หักแถวหน้าผาเลยให้นักประดาน้ำดำลงไปตรวจแต่น้ำบริเวณนั้นค่อนข้างลึกทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก”
เขาชะงักคำพูดเมื่อเห็นเทเลอร์ยกมือขึ้นกุมขมับและต่อประโยคด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ
“ตอนนี้เรายังหาเขาไม่พบ”
“นำดิกสันกลับมาหรือยัง”เทเลอร์ถาม อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“เรียบร้อยแล้วครับ เจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรอยู่”ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ เทเลอร์จึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องมุ่งหน้าตรงไปยังห้องชันสูตรซึ่งอยู่ด้านล่าง ระหว่างทางเขาพบกับวลาร์ดซึ่งแม้จะวางสีหน้าเรียบเฉยแต่ลักษณะท่าทางกลับแฝงไว้ซึ่งความร้อนใจ
“ผมได้ข่าวว่าคนของเราถูกทำร้าย”
“ดิกสันกับสมิธ”เทเลอร์ตอบ ลูกครึ่งแวมไพร์มองเขาด้วยดวงตาตระหนก
“พวกเขาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ดิกสันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนสมิธ”เทเลอร์เว้นคำพูดค้างไว้เหมือนไม่อยากจะพูดแต่เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเขาจึงถอนใจออกมาเบาๆ
“เรายังหาเขาไม่พบ”
วลาร์ดยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือนให้นึกถึงความสูญเสียที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นอันเดอร์ฮิลล์ แอลลิสันหรือวิคตอเรีย แต่ความตายยังไม่สร้างความเจ็บปวดเท่ากับความทรมานจากการเห็นบุคคลอันเป็นที่รักถูกทำให้กลายสภาพ เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นก่อนพูดประโยคที่เขาเองก็ไม่อยากจะนึกถึง
“เขาอาจจะถูกไรซินจับตัวไป”
เทเลอร์วางมือลงบนไหล่ของวลาร์ดและบีบเบาๆ
“เจ้าหน้าที่พบร่องรอยเหมือนมีใครบางคนลื่นไถลลงจากหน้าผา บางทีสมิธอาจจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บแต่ หนีรอดจากคนพวกนั้นไปได้”
“แล้วคุณกำลังจะไปไหน”ลูกครึ่งแวมไพร์ถามเมื่อเห็นเทเลอร์ทำท่าจะออกเดิน อีกฝ่ายหันมาตอบ
“ห้องชันสูตร ถึงจะรู้สาเหตุการตายของดิกสันแต่เราก็อยากจะแน่ใจว่าร่างกายของสะอาดปราศจากปรสิตหรือแบคทีเรีย”
“ผมไปด้วย”
ลูกครึ่งแวมไพร์พูดและเดินตามทันที ทั้งสองเดินไปด้วยกันโดยไม่พูดคุยอะไรเลยกระทั่งถึงห้องชันสูตร ตอนแรกเทเลอร์คิดว่าวลาร์ดอาจจะเข้าไปทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่แต่กลับผิดคาดเพราะเด็กหนุ่มยืนมองอยู่ด้านนอกเท่านั้น ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงการตรวจร่างของดิกสันจึงจบลง แพทย์ประจำห้องชันสูตรเงยหน้าขึ้นและทำสัญญาณมือเป็นเชิงเรียกให้คนทั้งสองเข้าไปด้านใน
“พบอะไรผิดปรกติบ้างหรือเปล่า”เทเลอร์ถาม อีกฝ่ายสั่นศีรษะ
“เท่าที่ตรวจดูในตอนนี้ไม่พบอะไร”เขาพูดพลางเปิดผ้าคลุมร่างที่นอนอยู่บนเตียง”สาเหตุการตายมาจากเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจถูกทำลาย คนร้ายมีความชำนาญมากที่สามารถลั่นกระสุนตัดขั้วหัวใจเขาได้เพียงนัดเดียว”
“นอกจากแผลถูกยิงแล้วมีร่อยรอยการทำร้ายอื่นบ้างหรือเปล่า”หัวหน้าหน่วยนักล่าถาม แพทย์ชันสูตรส่ายหน้า
“ไม่มีเลยครับ ถ้าจะให้ผมพูดมันเหมือนกับเขาถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว”
เทเลอร์พยักหน้าและหันไปมองวลาร์ดที่กำลังมองร่างไร้วิญญาณของดิกสันด้วยสีหน้าที่ไม่ว่าใครก็เดาไม่ออก
“วลาร์ด”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นและหันไปทางแพทย์ชันสูคร
“ตรวจเลือดเขาหรือยัง”
“เราตรวจสอบในขั้นต้นแล้วไม่พบอะไร แต่ผมได้จัดการส่งบางส่วนไปที่ห้องทดลองเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างช้าไม่เกินครึ่งวันคงทราบผล”
วลาร์ดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะโคลงศีรษะ
“แต่ผมไม่คิดว่าเลือดของดิกสันจะมีแบคทึเรียเจือปนเหมือนมนุษย์หมาป่า”
“พอจะบอกได้ไหมว่าทำไม”
“เขาเป็นเป้าหมายที่คาดไม่ถึง บางทีไรซินเองคงไม่คิดด้วยซ้ำว่าร็อคนีย์จะถูกดิกสันกับคุณสมิธติดตาม พวกเขาจึงถูกจัดการอย่างรวดเร็ว”
เหตุผลของวลาร์ดทำให้เทเลอร์นิ่งคิด เพื่อเพิ่มน้ำหนักในข้อสันนิษฐานลูกครึ่งแวมไพร์จึง
พูดต่อ
“อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่คิดว่าไรซินจะฉีดเชื้อโรคเข้าไปในตัวดิกสันก็คือ เขามั่นใจว่าทั้งผม
และวูล์ฟติดเชื้อไปเรียบร้อยแล้ว”
“ผมเห็นด้วยในข้อนั้น”หัวหน้าหน่วยนักล่าพูดพลางมองร่างไร้วิญญาณของดิกสันด้วยความเศร้าใจก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ชันสูตรจากนั้นจึงกลับห้องทำงาน ระหว่างที่เดินไปกับวลาร์ดเทเลอร์ซึ่งเงียบไปนานจึงเอ่ยปากถาม
“วูล์ฟเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เทเลอร์ชำเลืองตามองเขาแล้วถอนใจเพราะรู้ดีว่าแม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่สนใจแต่ในส่วนลึกของจิตใจแล้วเขาเป็นกังวลกับอาการป่วยของวูล์ฟเป็นอย่างมาก
“แล้วการค้นคว้าของเธอไปถึงไหนแล้ว”
วลาร์ดนิ่งเงียบไม่ตอบ เทเลอร์จึงรู้ว่าเขายังหาวิธีรักษาไม่พบ เพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มกังวลจนเกินไปนักเขาจึงกล่าวเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ไรซินอาจจะเก่ง แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าเธอเท่าใดนัก”
“เขาฉลาดกว่าผมมาก”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดและก้มศีรษะลงเล็กน้อย”ผมต้องขอตัว”