คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 (มติชนรายวัน 18 ม.ค.2556)
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงสนาม นับเป็นคู่แข่ง
ที่พอฟัดพอเหวี่ยงมากที่สุด กับแชมป์เก่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แห่ง
ประชาธิปัตย์ ในศึกชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะตัดสินกันตอนต้น
เดือนมีนาคมนี้
ไม่รู้ว่า มีใครกลัวผู้สมัครหน้าใหม่มาแรงคนนี้มากมายหรืออย่างไร
จึงทักทายด้วยเรื่องโจมตีแบบใส่สีตีไข่หลายต่อหลายเรื่อง
แต่ลงเอยคล้ายหักมุมตอนจบ ให้ตลกฮากลิ้งกันเลยทีเดียว
เรื่องแรก ป้ายสีเข้าให้ว่า ไปเปลี่ยนชื่อเพื่อตบตา ตอนโปรดเกล้าฯเป็น
พล.ต.ต.ตอนนี้เลยมีประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2540
แพร่หลายไปทั่ว
ความว่า
"ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานยศตำรวจ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศพลตำรวจตรีให้แก่
ว่าที่พลตำรวจตรีไพรัช พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ตั้งแต่
วันที่ 1 ตุลาคม 2540
ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2540
ผู้รับสนองพระบรมราชโอการ
นายพิชัย รัตตกุล
รองนายกรัฐมนตรี"
ชัดเจนว่า ขณะได้รับพระราชทานยศ พล.ต.ต.นั้น ยังเป็นชื่อเดิมคือ
ไพรัช พงษ์เจริญ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเพื่อสอดไส้อะไรแน่นอน
แล้วที่สำคัญผู้รับสนองพระบรมราชโองการในกรณีนี้ คือ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นนั่นเอง
จบเรื่องแบบฮาดีมั้ย
ขณะเดียวกัน ที่มาของเรื่องโจมตีนี้ เกี่ยวพันมาจากข้อกล่าวหาว่า
สมัยได้ทุนไปเรียนหนังสือที่สหรัฐอเมริกาจนจบเป็นดอกเตอร์
ไปก่อคดีขโมยของจนถูกจับที่นั่น
เรื่องข้อหาเป็นขโมยนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งกรรมการสอบสวน
เมื่อปี 2541 ว่ามีพฤติกรรมจริงหรือไม่
เข้าข่ายการกระทำผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่
ผลการสอบสวนของคณะกรรมการให้ยุติเรื่อง เพราะตรวจสอบแล้ว
ข้อกล่าวหาทางคดีอาญาได้จบสิ้นไปแล้ว โดยไม่มีการดำเนินคดีกับ
พล.ต.อ.พงศพัศในข้อหาขโมยของดังกล่าวแต่อย่างใด จึงไม่ใช่
ผู้กระทำผิด ส่งผลให้การสอบสวนทางวินัยยุติไปด้วย
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนสรุปผล ก็เสนอไปตามลำดับขั้น
เข้าอนุ ก.ตร.ด้านวินัย จนสุดท้ายเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร.
โดยมีบันทึกหลักฐานว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ
ก.ตร. ครั้งที่ 4/2543 ในวันที่ 11 กันยายน 2543 ได้มีมติให้ยุติเรื่องการ
สอบสวนทางวินัยกรณีดังกล่าว เนื่องจากไม่พบการกระทำผิดทางอาญา
แล้วที่สำคัญ ประธาน ก.ตร.หรือประธานที่ประชุมในวันนั้น
ชื่อ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นการยุติเรื่องในยุครัฐบาล นายชวน หลีกภัย
ส่วนนายบัญญัติภายหลังก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฮาตอนจบอีกเรื่อง
เอาเป็นว่าคนที่จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ ผู้สมัคร
ผู้ว่าฯกทม.คู่แข่งสำคัญของประชาธิปัตย์ ในข้อโจมตีใส่ร้ายดังกล่าวนั้น
คือนายพิชัยและนายบัญญัติ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 คน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358521743&grpid=&catid=02&subcatid=0207
"มติชน" มาตอบคำถามเรื่องใหญ่ ที่ "แนวหน้า" ถามแล้ว
ถามแฟนคลับ ประชาธิปัตย์ และ แนวหน้า หายข้องใจหรือ
3 ข้อ ที่ ‘ไพรัช’ หรือ ‘พงศพัศ พงษ์เจริญ’ต้องตอบ! ..
เส้นใต้บันทัด..จิตกร บุษบา..แนวหน้าออนไลน์
http://ppantip.com/topic/30055729
ยังมีข้อสงสัยอะไรอีก ก็คงมีสื่อด้วยกันเองแหละ มาช่วยหาคำตอบให้
เมื่อจะมาเป็นผู้สมัคร ...รับใช้ประชาชน มันก็ต้องโปร่งใส ...
ปราศจากข้อกล่าวหาในเรื่องคุณสมบัติ ...
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน : พงศพัศ กับ2หัวหน้า ปชป. ...มติชนออนไลน์.. กะเทาะเปลือกกันอีกรอบ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงสนาม นับเป็นคู่แข่ง
ที่พอฟัดพอเหวี่ยงมากที่สุด กับแชมป์เก่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แห่ง
ประชาธิปัตย์ ในศึกชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะตัดสินกันตอนต้น
เดือนมีนาคมนี้
ไม่รู้ว่า มีใครกลัวผู้สมัครหน้าใหม่มาแรงคนนี้มากมายหรืออย่างไร
จึงทักทายด้วยเรื่องโจมตีแบบใส่สีตีไข่หลายต่อหลายเรื่อง
แต่ลงเอยคล้ายหักมุมตอนจบ ให้ตลกฮากลิ้งกันเลยทีเดียว
เรื่องแรก ป้ายสีเข้าให้ว่า ไปเปลี่ยนชื่อเพื่อตบตา ตอนโปรดเกล้าฯเป็น
พล.ต.ต.ตอนนี้เลยมีประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2540
แพร่หลายไปทั่ว
ความว่า
"ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานยศตำรวจ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศพลตำรวจตรีให้แก่
ว่าที่พลตำรวจตรีไพรัช พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ตั้งแต่
วันที่ 1 ตุลาคม 2540
ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2540
ผู้รับสนองพระบรมราชโอการ
นายพิชัย รัตตกุล
รองนายกรัฐมนตรี"
ชัดเจนว่า ขณะได้รับพระราชทานยศ พล.ต.ต.นั้น ยังเป็นชื่อเดิมคือ
ไพรัช พงษ์เจริญ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเพื่อสอดไส้อะไรแน่นอน
แล้วที่สำคัญผู้รับสนองพระบรมราชโองการในกรณีนี้ คือ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นนั่นเอง
จบเรื่องแบบฮาดีมั้ย
ขณะเดียวกัน ที่มาของเรื่องโจมตีนี้ เกี่ยวพันมาจากข้อกล่าวหาว่า
สมัยได้ทุนไปเรียนหนังสือที่สหรัฐอเมริกาจนจบเป็นดอกเตอร์
ไปก่อคดีขโมยของจนถูกจับที่นั่น
เรื่องข้อหาเป็นขโมยนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งกรรมการสอบสวน
เมื่อปี 2541 ว่ามีพฤติกรรมจริงหรือไม่
เข้าข่ายการกระทำผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่
ผลการสอบสวนของคณะกรรมการให้ยุติเรื่อง เพราะตรวจสอบแล้ว
ข้อกล่าวหาทางคดีอาญาได้จบสิ้นไปแล้ว โดยไม่มีการดำเนินคดีกับ
พล.ต.อ.พงศพัศในข้อหาขโมยของดังกล่าวแต่อย่างใด จึงไม่ใช่
ผู้กระทำผิด ส่งผลให้การสอบสวนทางวินัยยุติไปด้วย
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนสรุปผล ก็เสนอไปตามลำดับขั้น
เข้าอนุ ก.ตร.ด้านวินัย จนสุดท้ายเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร.
โดยมีบันทึกหลักฐานว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ
ก.ตร. ครั้งที่ 4/2543 ในวันที่ 11 กันยายน 2543 ได้มีมติให้ยุติเรื่องการ
สอบสวนทางวินัยกรณีดังกล่าว เนื่องจากไม่พบการกระทำผิดทางอาญา
แล้วที่สำคัญ ประธาน ก.ตร.หรือประธานที่ประชุมในวันนั้น
ชื่อ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นการยุติเรื่องในยุครัฐบาล นายชวน หลีกภัย
ส่วนนายบัญญัติภายหลังก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฮาตอนจบอีกเรื่อง
เอาเป็นว่าคนที่จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ ผู้สมัคร
ผู้ว่าฯกทม.คู่แข่งสำคัญของประชาธิปัตย์ ในข้อโจมตีใส่ร้ายดังกล่าวนั้น
คือนายพิชัยและนายบัญญัติ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 คน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358521743&grpid=&catid=02&subcatid=0207
"มติชน" มาตอบคำถามเรื่องใหญ่ ที่ "แนวหน้า" ถามแล้ว
ถามแฟนคลับ ประชาธิปัตย์ และ แนวหน้า หายข้องใจหรือ
3 ข้อ ที่ ‘ไพรัช’ หรือ ‘พงศพัศ พงษ์เจริญ’ต้องตอบ! ..
เส้นใต้บันทัด..จิตกร บุษบา..แนวหน้าออนไลน์
http://ppantip.com/topic/30055729
ยังมีข้อสงสัยอะไรอีก ก็คงมีสื่อด้วยกันเองแหละ มาช่วยหาคำตอบให้
เมื่อจะมาเป็นผู้สมัคร ...รับใช้ประชาชน มันก็ต้องโปร่งใส ...
ปราศจากข้อกล่าวหาในเรื่องคุณสมบัติ ...