ขออนุญาต อธิบายให้เข้าใจแบบง๊ายยยยย ง่ายที่สุด ในกรณีสำหรับคนที่ต้องการ
จะไปอธิบายให้ คนไม่เคยรู้จักหุ้น หรือคนถูกหวย หรือโชคดีขายที่ดินได้ กลายเป็นคนมีเงิน
หรือขอเงินคุณพ่อคุณแม่ คุณภรรยา สามี ในการมาทดลองลงทุนจริงในตลาดหุ้น
เพราะ สำหรับบางคน ถ้าซื้อหนังสือไปให้อ่าน ไม่อ่านหรอก
ซื้อไป 3 ปี หนังสือยังไม่มีรอยพับที่ปก
ชวนไปฟังสัมมนาก็ไม่ไป (ทีมีคนชวนไปฟังล่อลวงอย่างอื่น ชอบไป)
อาจมีผิดพลาด ไม่ครบประเด็นบ้าง แต่คาดว่า น่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ
ขออนุญาตอธิบาย เฉพาะว่า "ลงในหุ้น จะได้เงินมาจากไหน??" แล้วกันนะครับ
เอาง่ายๆเลย คือ หุ้นสามัญที่เราซื้อขายเนี่ย คือซื้อความเป็นหุ้นส่วน
เช่น ผมมีบริษัทอยู่ อยากขยายร้าน แต่เงินทุนไม่พอ กู้ธนาคารก็เสียดอกเบี้ยเยอะ
ผมเลยถามพี่ว่า "พี่ๆ มาเป็นหุ้นส่วนของผมมั้ย??" ผมจะแบ่งบริษัทเป็น 10 ส่วน
ถ้าอยากขายให้พี่ซัก 5 ส่วน ถ้ากำไรก็แบ่งกันครึ่งๆ แล้วผมกับพี่ก็กำหนดราคาว่าส่วนละเท่าไหร่ <<<อันนี้เรียกว่า "ราคาพาร์"
ดังนั้น เอาตามจริงๆ ที่พี่จะได้จากการเป็นหุ้นส่วนคือ
ถ้าบริษัทมีกำไร ผมก็จะแบ่งให้พี่ ในสิทธิ์ 5 ส่วนของพี่ ในรูปแบบของ "เงินปันผลจ่ายจากกำไรสุทธิ"
ยิ่งบริษัทมีกำไรมากขึ้นๆ พี่ก็จะได้ปันผลมากขึ้นๆ
พอเพื่อนพี่เห็นว่า พี่แค่ใส่เงินไปเฉยๆ กลับได้ "เงินปันผล" กลับเข้ามาตลอด
เพื่อนพี่อยากได้มั่ง มันเลยมาขอซื้อต่อพี่ซัก 2 ส่วน
พี่เลยบอกเลย โหยของดีๆแบบนี้ ขออัพราคาขายต่อซัก 20% แล้วกัน
เพื่อนพี่เห็นว่ามันยังคุ้มอยู่ ก็เลย "โอเคได้" ดังนั้น พี่จะได้กำไรจากการขาย หุ้นส่วน 2 ส่วนของพี่ไป หุ้นละ 20%
อันนี้แหละเรียกว่า "ส่วนต่างราคาจากการขายหุ้น" หรือ "Capital Gain"
อ่าวถ้าบริษัทขาดทุนล่ะ???
พอบริษัทที่ผมทำ(แต่พี่ถือหุ้น 5 ส่วน)ไม่มีกำไร ไม่มีการจ่ายปันผล พี่ก็จะคิดว่า "อ่าวไอ่นี่หลอกเอาเงินตูไป เงินจมเลย"
ดังนั้นพี่จะอยากขายหุ้น แต่จะขายใครก็ไม่มีใครอยากซื้อ
พี่เลยบอกงั้น "ลดให้แล้วกัน ซัก 30% ต่อหุ้น ใครจะเอามั่ง??"
เพื่อนพี่มาเห็นว่า ตอนนี้ถึงแม้มันจะบริษัทมันขาดทุน แต่เห็นผมและลูกจ้างในบริษัท ทำงานอย่างตั้งใจ อาบเหงื่อต่างน้ำ
เลยคิดว่า "เดี๋ยวอีกไม่กี่ปี ไอ่น้องนี้ มันต้องทำให้บริษัทมีกำไรกลับมาแน่" เลยตัดสินใจซื้อต่อพี่ไป ในราคาที่ ลด 30%
ดังนั้น พี่ก็จะขาดทุนจากการขายหุ้นไป 30% ต่อหุ้น
พอมีคนทำแบบนี้ในโลกของเรามากขึ้น เลยมีการตั้งคนกลางมาทำหน้าที่ซื้อขายหุ้น
ทั้ง หุ้นออกใหม่เพื่อการระดมทุนของบริษัท หน้าใหม่ๆ เราเรียกว่า "หุ้น IPO"
และหุ้นที่มีคนอยากทำการซื้อขาย ในภายหลัง หรือ "หุ้นมือสองมือสาม สี่ ห้า" เราเรียกรวมๆว่า "ตลาดรอง"
คนกลางนั้นคือ "ตลาดหลักทรัพย์" ครับ
ดังนั้น โดยสรุปคือ สิ่งที่ได้จากหุ้นเมื่อ บริษัทที่เราเลือกมีกำไรและมีการจ่ายเงินปันผล คือ
1. เงินปันผลรับ
2. ส่วนต่างราคา เมื่อมีคนต้องการซื้อในราคาที่เราเสนอขาย(ที่สูงขึ้น)ให้
สิ่งที่เราจะเสียจากหุ้นคือ ในกรณีบริษัทขาดทุน หรือไม่จ่ายเงินปันผล
1. ค่าเสียโอกาสของเงิน ที่ควรจะเอาไปทำอย่างอื่น (เงินจม)
2. ส่วนขาดทุน เมื่อมีคนมาซื้อต่อในราคาหุ้นที่เราเสนอส่วนลดให้
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ว่า
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาและใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุน
ปล. ช่วยกันเพิ่มเติมได้เต็มที่นะครับ
ปล2. กระทู้มือใหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากลงทุนๆๆๆๆๆ มีเงินเท่านั้นเท่านี้ๆๆๆๆๆ ทำกระทู้อื่นตกเร็วมาก อ่านไม่ทัน
สำหรับมือใหม๊ ใหม่ ที่อยากรู้ว่า "หุ้นคืออะไร" "ได้เงินจากหุ้นยังไง"
จะไปอธิบายให้ คนไม่เคยรู้จักหุ้น หรือคนถูกหวย หรือโชคดีขายที่ดินได้ กลายเป็นคนมีเงิน
หรือขอเงินคุณพ่อคุณแม่ คุณภรรยา สามี ในการมาทดลองลงทุนจริงในตลาดหุ้น
เพราะ สำหรับบางคน ถ้าซื้อหนังสือไปให้อ่าน ไม่อ่านหรอก ซื้อไป 3 ปี หนังสือยังไม่มีรอยพับที่ปก
ชวนไปฟังสัมมนาก็ไม่ไป (ทีมีคนชวนไปฟังล่อลวงอย่างอื่น ชอบไป)
อาจมีผิดพลาด ไม่ครบประเด็นบ้าง แต่คาดว่า น่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ
ขออนุญาตอธิบาย เฉพาะว่า "ลงในหุ้น จะได้เงินมาจากไหน??" แล้วกันนะครับ
เอาง่ายๆเลย คือ หุ้นสามัญที่เราซื้อขายเนี่ย คือซื้อความเป็นหุ้นส่วน
เช่น ผมมีบริษัทอยู่ อยากขยายร้าน แต่เงินทุนไม่พอ กู้ธนาคารก็เสียดอกเบี้ยเยอะ
ผมเลยถามพี่ว่า "พี่ๆ มาเป็นหุ้นส่วนของผมมั้ย??" ผมจะแบ่งบริษัทเป็น 10 ส่วน
ถ้าอยากขายให้พี่ซัก 5 ส่วน ถ้ากำไรก็แบ่งกันครึ่งๆ แล้วผมกับพี่ก็กำหนดราคาว่าส่วนละเท่าไหร่ <<<อันนี้เรียกว่า "ราคาพาร์"
ดังนั้น เอาตามจริงๆ ที่พี่จะได้จากการเป็นหุ้นส่วนคือ
ถ้าบริษัทมีกำไร ผมก็จะแบ่งให้พี่ ในสิทธิ์ 5 ส่วนของพี่ ในรูปแบบของ "เงินปันผลจ่ายจากกำไรสุทธิ"
ยิ่งบริษัทมีกำไรมากขึ้นๆ พี่ก็จะได้ปันผลมากขึ้นๆ
พอเพื่อนพี่เห็นว่า พี่แค่ใส่เงินไปเฉยๆ กลับได้ "เงินปันผล" กลับเข้ามาตลอด
เพื่อนพี่อยากได้มั่ง มันเลยมาขอซื้อต่อพี่ซัก 2 ส่วน
พี่เลยบอกเลย โหยของดีๆแบบนี้ ขออัพราคาขายต่อซัก 20% แล้วกัน
เพื่อนพี่เห็นว่ามันยังคุ้มอยู่ ก็เลย "โอเคได้" ดังนั้น พี่จะได้กำไรจากการขาย หุ้นส่วน 2 ส่วนของพี่ไป หุ้นละ 20%
อันนี้แหละเรียกว่า "ส่วนต่างราคาจากการขายหุ้น" หรือ "Capital Gain"
อ่าวถ้าบริษัทขาดทุนล่ะ???
พอบริษัทที่ผมทำ(แต่พี่ถือหุ้น 5 ส่วน)ไม่มีกำไร ไม่มีการจ่ายปันผล พี่ก็จะคิดว่า "อ่าวไอ่นี่หลอกเอาเงินตูไป เงินจมเลย"
ดังนั้นพี่จะอยากขายหุ้น แต่จะขายใครก็ไม่มีใครอยากซื้อ
พี่เลยบอกงั้น "ลดให้แล้วกัน ซัก 30% ต่อหุ้น ใครจะเอามั่ง??"
เพื่อนพี่มาเห็นว่า ตอนนี้ถึงแม้มันจะบริษัทมันขาดทุน แต่เห็นผมและลูกจ้างในบริษัท ทำงานอย่างตั้งใจ อาบเหงื่อต่างน้ำ
เลยคิดว่า "เดี๋ยวอีกไม่กี่ปี ไอ่น้องนี้ มันต้องทำให้บริษัทมีกำไรกลับมาแน่" เลยตัดสินใจซื้อต่อพี่ไป ในราคาที่ ลด 30%
ดังนั้น พี่ก็จะขาดทุนจากการขายหุ้นไป 30% ต่อหุ้น
พอมีคนทำแบบนี้ในโลกของเรามากขึ้น เลยมีการตั้งคนกลางมาทำหน้าที่ซื้อขายหุ้น
ทั้ง หุ้นออกใหม่เพื่อการระดมทุนของบริษัท หน้าใหม่ๆ เราเรียกว่า "หุ้น IPO"
และหุ้นที่มีคนอยากทำการซื้อขาย ในภายหลัง หรือ "หุ้นมือสองมือสาม สี่ ห้า" เราเรียกรวมๆว่า "ตลาดรอง"
คนกลางนั้นคือ "ตลาดหลักทรัพย์" ครับ
ดังนั้น โดยสรุปคือ สิ่งที่ได้จากหุ้นเมื่อ บริษัทที่เราเลือกมีกำไรและมีการจ่ายเงินปันผล คือ
1. เงินปันผลรับ
2. ส่วนต่างราคา เมื่อมีคนต้องการซื้อในราคาที่เราเสนอขาย(ที่สูงขึ้น)ให้
สิ่งที่เราจะเสียจากหุ้นคือ ในกรณีบริษัทขาดทุน หรือไม่จ่ายเงินปันผล
1. ค่าเสียโอกาสของเงิน ที่ควรจะเอาไปทำอย่างอื่น (เงินจม)
2. ส่วนขาดทุน เมื่อมีคนมาซื้อต่อในราคาหุ้นที่เราเสนอส่วนลดให้
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ว่า
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาและใช้วิจารณญาณก่อนการลงทุน
ปล. ช่วยกันเพิ่มเติมได้เต็มที่นะครับ
ปล2. กระทู้มือใหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากลงทุนๆๆๆๆๆ มีเงินเท่านั้นเท่านี้ๆๆๆๆๆ ทำกระทู้อื่นตกเร็วมาก อ่านไม่ทัน