อยากให้คนไทยทุกคนคิดได้อย่างนี้...จดหมายจาก นปช. USA แดงล้มเจ้าตัวเอ้

กระทู้คำถาม
อยากให้คนไทยทุกคนคิดได้อย่างนี้...... จดหมายจาก นปช. USA แดงล้มเจ้าตัวเอ้ นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล ผู้ดูเว็บไซต์ norporchor usa.com มีโทษจำคุก 13 ปี ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 อินทรีแดง หรือ "เรดอีเกิ้ล" นามแฝงของนายธันย์วุฒิ หรือ หนุ่ม อายุ39 ปี เจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งเผยแพร่รายการ "ทางออกประเทศไทย" เป็นเว็บ ที่ถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ประชาชน พีเพิลชาแนล

นายอานนท์ นำภา ทนายความสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ ทนายของนายธันย์ฐวุฒิ ขอยื่นสู้คดีชั้นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 55 แล้วขอยื่นถอนคำร้อง เพราะต้องการให้คดีถึงที่สิ้นสุดโดยเร็ว โดยศาลอนุญาตให้ถอนคำร้อง ขอยื่นสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ว่า หลังจากนี้จะรีบดำเนินการ ขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป โดยคาดว่าใบสิ้นสุดคดี จะออกไม่เกินสิ้น ก.ย.55 ดังนั้นจึงสามารถทำ เรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่เกินสิ้นเดือนนี้เช่นกัน

ข้อความในจดหมาย .... ผมมีเรื่องที่ค้างอยู่ในปีเก่าอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากนำมาแชร์ให้คุณอานนท์ที่น่าจะได้ข่าวตามสื่อบ้าง คือ เรื่องพันธมิตรที่โดนคดีขับรถเหยียบตำรวจเมื่อปี 2551 และโดนตัดสินมา 34 ปี และเขาเข้ามาที่นี่ด้วย ผมได้รู้จักกับเขาในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่เขาจะถูกย้ายไปเรือนจำคลองเปรม เนื่องจากอัตราโทษเกิน 15 ปี เขาคนนี้ชื่อ ปรีชา ตรีจรูญ

หลังจากมีข่าวนี้มา เราบางส่วนในนี้ต่างซุบซิบกันว่า จะทำอะไรยังไงกับเขามั้ย เพื่อสั่งสอน แต่ก็เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้น พวกเสื้อแดงบางคน (ส่วนน้อย) มีการแสดงออกถึงความเจ็บแค้นต้องการข่มขู่ แต่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะ สุรชัย (ด่านวัฒนานุสรณ์) และผมได้ช่วยกันทำความเข้าใจ ถึงความแตกต่างทางความคิด ต่างสี แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ ซึ่งทำให้ผมกับ สุรชัย โดนพวกเราบางคนพูดจาถากถาง แดกดัน อยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ

ความจริงแล้ว ด้วยความยาวนานที่พวกเราอยู่กันมาในนี้ มันสามารถจะทำอะไรก็ได้ สั่งให้ใครทำอะไรก็ได้ แต่พวกเราเลือกที่จะเห็นใจกัน แม้จะเป็นฝ่ายตรงข้าม

ผมนึกถึงสภาพเหตุการณ์ตอนที่ผมโดนรุมกระทืบในนี้แล้ว ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก โดยเฉพาะคนที่ถูกคดีทางการเมืองอย่างพวกเรา

พี่ปรีชาเป็นคนตัวเล็กๆ ผอมๆ รูปร่างเล็กกว่าผมอีก อายุ 50 กว่าๆ ผมสีเทา คือขาวเกินครึ่งในสายตาผม เขาดูเหมือนผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ เราแทบไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นคนๆ นี้ เช้าวันแรกที่เขาเข้ามา เขาดูกลัวมากๆ ต้น วรกฤต เชียงใหม่ 51 เป็นคนแนะนำให้เรารู้จัก ซึ่งผมก็บอกกับเขาตรงๆ ว่าเราเป็นเสื้อแดง เขาก็ยกมือไหว้เราด้วยความเกรงๆ ผมพาเขาไปพบกับ สุรชัย ซึ่งก็ให้ความอุ่นใจกับเขาได้เยอะ เราแลกเปลี่ยนความคิดกัน ความทุกข์กัน ในช่วงเวลา 3-4 วันก่อนที่เขาจะย้ายไปคลองเปรม จนทำให้รู้ว่าเขากับเราต่างก็เป็นเหยื่อทางการเมืองเหมือนกัน

ผมได้บอกเล่าเรื่องของพี่ปรีชาให้กับคนที่มาเยี่ยมได้ทราบ หลายคนเมื่อทราบแล้ว ก็มีอาการโกรธแค้นและสมน้ำหน้า แสดงอาการสะใจได้อย่างชัดเจน

ผู้ต้องขังเสื้อแดงบางคน (ขอย้ำว่าบางคน) ก็พยายามให้คนเสื้อแดงบางคนในพวกเราทำการสั่งสอนและข่มขู่เขาอยู่ตลอด ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นไปได้

มันเกิดอะไรขึ้นกับคนไทยเวลานี้กันนะ เราแตกแยกกันใช้อารมณ์กัน โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลกันเลยแล้วอย่างนั้นหรือ แดงเกลียดชังเหลือง เหลืองโกรธแค้นแดง อย่างไม่มีการให้อภัยกัน จนลืมไปแล้วว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน เหมือนเป็นพี่น้องกัน ถอยออกมาคนละก้าวให้โอกาสกันดีกว่าไหม

พี่ปรีชาอาจเป็นเพื่อนต่างสีที่วันนี้เขาได้รับกรรมกันไปแล้ว และที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุข ตลอด 3-4 ปีที่เขาต่อสู้คดีข้างนอก เขาเองก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนกัน จะเข้าออกบ้านก็ต้องระมัดระวัง เพราะมีคนที่ไม่ชอบอยู่เยอะเหมือนกัน อีกทั้งเขายังต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียดวงตาด้านขวา ที่มีผลต่อการเดิน การหยิบจับสิ่งของ แม้จะผ่านไปหลายปีเขาก็ยังต้องปรับตัวอยู่ จำนวนเงิน 3 ล้านบาทที่เขาได้รับการเยียวยาจากการสูญเสียดวงตา เขาบอกว่ามันไม่คุ้มเลย เขาขอมีอวัยวะครบจะดีกว่า

เราทั้งสองฝ่ายมาไกลกันเกินไปแล้วจริงๆ หรือ มันกลับไปเหมือนก่อนไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ เห็น พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ก่อนปีใหม่ มีบางตอนที่ว่า “คนเรามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ถ้าแตกต่างกันอย่างฉันมิตร ประเทศชาติก็ไม่เสียหาย” ซึ่งผมเห็นด้วยมากๆ และถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้พวกเราทุกคนคิดหาทางออกให้ประเทศเรา ด้วยการคิดให้โอกาสกันให้อภัยกัน แม้ฟังดูแล้วจะเหมือนดัดจริตก็ตาม แต่ผมเชื่อว่านี้เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประเทศนี้ คนในประเทศนี้ อยู่กันอย่างสงบสุขต่อไปได้

วันที่พี่ปรีชามีคำสั่งย้ายไปคลองเปรม ผมออกไปเยี่ยมญาติ พร้อม สุรชัย พี่ปรีชาจะเข้ามาลาผมและขอบคุณผมและ สุรชัย ที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอด เขาเดินเข้ามาในห้องสมุดที่ปกติผมจะนั่งอยู่ในนี้แล้วถามหาผม ปรากฏว่าเขาถูกพวกเราบางคนด่าทอด้วยความโกรธแค้น

ผมได้จับมือร่ำลาเขาก่อนจะย้ายไปคลองเปรมด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกัน โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก

ที่มา FB
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่