จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
May 17, 2013
เมื่อวานนี้ผมได้เขียนถึงผู้ถูกกักขังและถูกหน่วงเหนี่ยวอิสรภาพ ๓ ท่าน ที่ถูกกฎหมายไทยบอกว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นั่นคือ คุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) คุณธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล และคุณวันชัย แซ่ตัน ซึ่งได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษที่เรียกว่า ฎีกา ขึ้นไปนานแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏผลอย่างหนึ่งอย่างใด ให้หรือไม่ให้ก็ไม่บอกมา เหมือนแกล้งให้เขาติดคุกอยู่อย่างนั้น เรา...จึงตั้งคำถามไปว่าเอกสารทั้งสามฉบับนั้นค้างอยู่ที่ใด วางอยู่แล้วบนโต๊ะทรงงานหรือโต๊ะของเจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการหรือสำนักองคมนตรีคนใด ทั้งสามท่านนี้เป็นพลเมืองไทยที่ศาลได้พิพากษาโทษแล้วโดยเด็ดขาด จึงมีสิทธิตามกฎหมายในการขอพระราชทานอภัยโทษ เราได้ระบุด้วยว่าบางคนที่เป็นเหยื่อในเรื่องเดียวกันนี้เขาก็ไม่ใช้สิทธินั้น แต่ละคนมีหลักการที่แตกต่างกันไป แต่สามท่านนี้เขาต้องการใช้สิทธิของเขา รัฐไทย ซึ่งมีอำนาจบารมีเหนือกว่า “รัฐบาลไทย” มากมาย ก็ควรเร่งพิจารณาให้ เพื่อให้เป็นหลักฐานในทางสังคม
ส่วนอีกคณะหนึ่งในข้อกล่าวหาเดียวกัน เช่น คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข คุณดา ตอร์ปิโด คุณเอกชัยฯ เป็นต้น อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ในคดีความ จึงไม่อาจยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ในขณะนี้ คณะบุคคลเหล่านี้ก็ควรจะได้รับสิทธิอีกประเภทหนึ่งในฐานะพลเมืองไทยและพลเมืองโลก นั่นคือได้รับสิทธิประกันตัวออกไปสู้คดีอยู่ภายนอก การกักขังเอาไว้ในคุกนอกจากจะกดขี่ในทางร่างกายหลายประการแล้ว ยังเป็นการกดขี่ทางใจ ทำให้สมองและความคิดไม่แจ่มใสในการคิดต่อสู้คดี นี่เป็นผู้ต้องราชทัณฑ์เพราะมีความคิดที่แตกต่าง ไม่ใช่นักค้าสารเสพติดหรือผู้ก่อการร้ายที่ไหนเลย ไม่มีความจำเป็นต้องกดกันไว้อย่างทารุณ ในขณะที่ปากก็พร่ำพูดถึงความยุติธรรมตามรูปลักษณ์ภายนอก เขาทุกคนควรได้รับสิทธิในการประกันตัวในทันที และได้เตรียมตัวสู้คดีตามมโนธรรมสำนึกของตนโดยไม่มีการเอาเปรียบจากรัฐ ผมได้ประสานงานกับเครือข่ายนอกประเทศไว้แล้วในเรื่องนี้ โลกเริ่มเข้าใจในเผด็จการหน้ายิ้มๆ แบบไทยว่าเลวร้ายไม่ผิดอะไรจากประเทศอื่นๆ หรือในบางด้านเลวร้ายกว่ามากด้วยซ้ำไป คนที่ลวงให้คนอื่นเชื่อว่าตัวเองมีคุณอันวิเศษแต่ปล่อยให้ลูกน้องที่เลี้ยงไว้ออกไปฆ่า ทำร้าย ทำลาย และโกหกแทนตนนั้น เขาไม่เรียกเผด็จการธรรมดาๆ แต่เขาเรียกว่า จอมเผด็จการ เลยทีเดียว ขณะนี้โลกเริ่มเข้าใจขึ้นแล้วว่าหน้ายิ้มของไทยมันมีความหมายได้หลายอย่าง
เหยื่อการเมืองบางท่านฝากผมมาว่า เหตุหนึ่งที่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องประสบวิบากกรรมขนาดนี้และนานอย่างนี้ เป็นเพราะเรายังไม่ยอมประเมินกันอย่างจริงจังว่า ในการต่อสู้ที่ผ่านมาเราทำถูกต้องและผิดพลาดอย่างไรบ้าง อะไรที่เรา “ได้” และ “เสีย” ในภาพรวมของการพัฒนาประชาธิปไตย เราเป็นที่รวมของคนที่เรียกว่าขบวนประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น นปช. พรรคเพื่อไทย คณะนิติราษฎร์ หรืออื่นๆ ขบวนทุกขบวนจะต้องหยุดพิจารณาและประเมินผลตนเองกันทั้งนั้น คงไม่ต่างจากขบวนรถไฟที่ต้องเผื่อเวลามาสำรวจส่วนที่สึกหรอและซ่อมแซมแก้ไขปัญหาใหญ่น้อยที่ผ่านมา ผมจึงดีใจที่ได้ข่าวว่าคนที่เห็นเช่นนี้มีอยู่มาก ล่าสุด “ประชาไท” จะจัดเสวนาผ่านข้อเขียนของคนต่างๆ หลากหลายเพื่อประเมินผล ๓ ปีภายหลังการปราบปรามประชาชนกลางเมืองเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ผมจะเข้าร่วมด้วย โดยจะเขียนสิ่งที่ตนเองได้รู้เห็นและรู้สึกในการต่อสู้รอบล่าสุดของพวกเราประชาชน สามปีค่อนข้างพอเพียงในการมองย้อนหลังและเห็นสิ่งที่ขณะนั้นมองไม่ชัดได้ชัดขึ้น อาจเพราะควันแห่งความขัดแย้งที่ผุดพลุ่งขึ้นมามากในช่วงนั้นมันเริ่มจางลงบ้างแล้ว ผมหวังว่าท่านอื่นๆ จะเข้าร่วมกิจกรรมของ “ประชาไท” ในครั้งนี้ด้วย การประเมินผลมีความสำคัญมากครับ ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเองอย่างแท้จริงในห้วงที่ผ่านมา อย่าหวังเลยว่าเราจะได้รับความสุขสมใจในบั้นปลาย.
.....................................................................................................................................................................
เป็นกำลังใจให้คุณจักรภพ
ประชาไท จะจัดเสวนาวันไหน
จะรีบเอาข่าวมาบอกแล้วไปฟังกันค่ะ
ไปพบคุณจักรภพที่แม้นเป็นเพียงไปเพื่อฟัง
การอ่านข้อเขียนของคุณจักรภพก็ยังดี
แฟนานุแฟนของคุณจักรภพเชิญค่ะ ตามมาอ่านกันให้หายคิดถึง
May 17, 2013
เมื่อวานนี้ผมได้เขียนถึงผู้ถูกกักขังและถูกหน่วงเหนี่ยวอิสรภาพ ๓ ท่าน ที่ถูกกฎหมายไทยบอกว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นั่นคือ คุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) คุณธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล และคุณวันชัย แซ่ตัน ซึ่งได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษที่เรียกว่า ฎีกา ขึ้นไปนานแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏผลอย่างหนึ่งอย่างใด ให้หรือไม่ให้ก็ไม่บอกมา เหมือนแกล้งให้เขาติดคุกอยู่อย่างนั้น เรา...จึงตั้งคำถามไปว่าเอกสารทั้งสามฉบับนั้นค้างอยู่ที่ใด วางอยู่แล้วบนโต๊ะทรงงานหรือโต๊ะของเจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการหรือสำนักองคมนตรีคนใด ทั้งสามท่านนี้เป็นพลเมืองไทยที่ศาลได้พิพากษาโทษแล้วโดยเด็ดขาด จึงมีสิทธิตามกฎหมายในการขอพระราชทานอภัยโทษ เราได้ระบุด้วยว่าบางคนที่เป็นเหยื่อในเรื่องเดียวกันนี้เขาก็ไม่ใช้สิทธินั้น แต่ละคนมีหลักการที่แตกต่างกันไป แต่สามท่านนี้เขาต้องการใช้สิทธิของเขา รัฐไทย ซึ่งมีอำนาจบารมีเหนือกว่า “รัฐบาลไทย” มากมาย ก็ควรเร่งพิจารณาให้ เพื่อให้เป็นหลักฐานในทางสังคม
ส่วนอีกคณะหนึ่งในข้อกล่าวหาเดียวกัน เช่น คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข คุณดา ตอร์ปิโด คุณเอกชัยฯ เป็นต้น อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ในคดีความ จึงไม่อาจยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ในขณะนี้ คณะบุคคลเหล่านี้ก็ควรจะได้รับสิทธิอีกประเภทหนึ่งในฐานะพลเมืองไทยและพลเมืองโลก นั่นคือได้รับสิทธิประกันตัวออกไปสู้คดีอยู่ภายนอก การกักขังเอาไว้ในคุกนอกจากจะกดขี่ในทางร่างกายหลายประการแล้ว ยังเป็นการกดขี่ทางใจ ทำให้สมองและความคิดไม่แจ่มใสในการคิดต่อสู้คดี นี่เป็นผู้ต้องราชทัณฑ์เพราะมีความคิดที่แตกต่าง ไม่ใช่นักค้าสารเสพติดหรือผู้ก่อการร้ายที่ไหนเลย ไม่มีความจำเป็นต้องกดกันไว้อย่างทารุณ ในขณะที่ปากก็พร่ำพูดถึงความยุติธรรมตามรูปลักษณ์ภายนอก เขาทุกคนควรได้รับสิทธิในการประกันตัวในทันที และได้เตรียมตัวสู้คดีตามมโนธรรมสำนึกของตนโดยไม่มีการเอาเปรียบจากรัฐ ผมได้ประสานงานกับเครือข่ายนอกประเทศไว้แล้วในเรื่องนี้ โลกเริ่มเข้าใจในเผด็จการหน้ายิ้มๆ แบบไทยว่าเลวร้ายไม่ผิดอะไรจากประเทศอื่นๆ หรือในบางด้านเลวร้ายกว่ามากด้วยซ้ำไป คนที่ลวงให้คนอื่นเชื่อว่าตัวเองมีคุณอันวิเศษแต่ปล่อยให้ลูกน้องที่เลี้ยงไว้ออกไปฆ่า ทำร้าย ทำลาย และโกหกแทนตนนั้น เขาไม่เรียกเผด็จการธรรมดาๆ แต่เขาเรียกว่า จอมเผด็จการ เลยทีเดียว ขณะนี้โลกเริ่มเข้าใจขึ้นแล้วว่าหน้ายิ้มของไทยมันมีความหมายได้หลายอย่าง
เหยื่อการเมืองบางท่านฝากผมมาว่า เหตุหนึ่งที่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องประสบวิบากกรรมขนาดนี้และนานอย่างนี้ เป็นเพราะเรายังไม่ยอมประเมินกันอย่างจริงจังว่า ในการต่อสู้ที่ผ่านมาเราทำถูกต้องและผิดพลาดอย่างไรบ้าง อะไรที่เรา “ได้” และ “เสีย” ในภาพรวมของการพัฒนาประชาธิปไตย เราเป็นที่รวมของคนที่เรียกว่าขบวนประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น นปช. พรรคเพื่อไทย คณะนิติราษฎร์ หรืออื่นๆ ขบวนทุกขบวนจะต้องหยุดพิจารณาและประเมินผลตนเองกันทั้งนั้น คงไม่ต่างจากขบวนรถไฟที่ต้องเผื่อเวลามาสำรวจส่วนที่สึกหรอและซ่อมแซมแก้ไขปัญหาใหญ่น้อยที่ผ่านมา ผมจึงดีใจที่ได้ข่าวว่าคนที่เห็นเช่นนี้มีอยู่มาก ล่าสุด “ประชาไท” จะจัดเสวนาผ่านข้อเขียนของคนต่างๆ หลากหลายเพื่อประเมินผล ๓ ปีภายหลังการปราบปรามประชาชนกลางเมืองเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ผมจะเข้าร่วมด้วย โดยจะเขียนสิ่งที่ตนเองได้รู้เห็นและรู้สึกในการต่อสู้รอบล่าสุดของพวกเราประชาชน สามปีค่อนข้างพอเพียงในการมองย้อนหลังและเห็นสิ่งที่ขณะนั้นมองไม่ชัดได้ชัดขึ้น อาจเพราะควันแห่งความขัดแย้งที่ผุดพลุ่งขึ้นมามากในช่วงนั้นมันเริ่มจางลงบ้างแล้ว ผมหวังว่าท่านอื่นๆ จะเข้าร่วมกิจกรรมของ “ประชาไท” ในครั้งนี้ด้วย การประเมินผลมีความสำคัญมากครับ ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเองอย่างแท้จริงในห้วงที่ผ่านมา อย่าหวังเลยว่าเราจะได้รับความสุขสมใจในบั้นปลาย.
.....................................................................................................................................................................
เป็นกำลังใจให้คุณจักรภพ
ประชาไท จะจัดเสวนาวันไหน
จะรีบเอาข่าวมาบอกแล้วไปฟังกันค่ะ
ไปพบคุณจักรภพที่แม้นเป็นเพียงไปเพื่อฟัง
การอ่านข้อเขียนของคุณจักรภพก็ยังดี