คำ ผกา เขียนถึงดราม่าของเหล่าคนดีในกรณี "เหนือเมฆ"

กระทู้สนทนา


มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ประเทศไทย ประเทศที่จากประสบการณ์ของฉันเป็นประเทศที่รังเกียจการเคารพในเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย (ซึ่งต่างจากการทำอะไรตามอำเภอใจ), มักแสดงอาการรังเกียจรังงอนแนวคิดว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างออกนอกหน้า (เช่น ยกย่องคนที่พูดว่า คนส่วนมากเรียกร้องสิทธิมนุษยชน คนมีปัญญาเรียกร้องหนทางพ้นทุกข์) แต่ฉับพลันทันทีเกิดจะรู้แจ้งรักในสิทธิเสรีภาพในการพูด คิด เขียน แสดงออกขึ้นมากะทันหันเมื่อมีการยกเลิกการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ

ผู้จัดละคร ผู้เขียนบท และคนที่เกี่ยวข้อง ต่างออกมาสื่อสารทางโซเชียลมีเดียเป็นนัยว่า "ละครเรื่องนี้ถูกแบนเนื่องจากมีเนื้อหาพาดพิงนักการเมือง จึงมีใบสั่งจาก "การเมือง" ให้ยกเลิกการออกอากาศตอนจบ"

ผู้เขียนบทนั้นถึงกับบอกว่า "อิทธิฤทธิ์ของงานศิลปะของพวกเขาช่างทรงพลัง ถึงกับทำให้นักการเมืองชั่วอกสั่นขวัญแขวน"

พิโธ่ พิถังกะละมังแตก-คนเขียนบทท่านนั้นทำราวกับว่าประเทศตอแห เอ๊ย ประเทศไทยนี้มีกฎห้ามด่านักการเมือง วันไหนใครหาญกล้าด่านักการเมืองโกงกิน คอร์รัปชั่น ชั่วช้าสามานย์ขึ้นมา คนที่ "กล้าหาญ" ออกมาด่าต้องกลายเป็นวีรบุรุษวีรสตรี

เพราะหากเป็นเช่นนั้น คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยควรได้รางวัลโนเบลกันทุกคนเพราะด่านักการเมืองไฟแลบแสบตูดต่อเนื่องมาหลายทศวรรษแระ!(รวมทั้งตัวฉันด้วย)

หลังจากที่ผู้จัดละครและพวกออกมา "บอกใบ้" เช่นนั้นบรรดาสื่อมวลชนผู้รักในเสรีภาพของการทำข่าวเหนือสิ่งอื่นใดก็รีบกระโดดมางับ "ลูก" เช่น ออกมาบอกว่า "มาฉายที่ช่องอีชั้นสิคะ เราเป็นอิสระม้ากมากค่ะ ไอ้ Eนักการเมืองคนไหนก็มาแทรกแซงเราไม่ได้ เพราะเราใช้ภาษีเหล้าบุหรี่ของพวกจน เครียด กินเหล้า ตบเมียค่ะ"

ชะรอยสื่อมวลชนท่านนี้จะลืมเลือนการ "เซ็นเซอร์ตนเอง" ของช่องข่าวที่ตนเคลมว่า "อิสระ" ในช่วงสลายการชุมนุมเมษายน-พฤษภาคม ที่พยายามจะบอกว่า "ไม่มี้ ไม่มีกระสุนจริงซักนัดเดียว"

จริงของท่านว่า ช่องของท่านนั้น ไอ้ อี นักการเมืองคนไหนก็ไม่กล้าไปเซ็นเซอร์ เพราะพวกท่านเลือกกันเอาเองอยู่ว่าจะเลือกนำเสนออะไร และเลือกที่ไม่นำเสนออะไรอย่าง "อิสระ"-โคตรๆ-ปลอดจากทุกอุดมการณ์เพราะเป็นกลางสุดๆ



ประเด็นการร้องแรกแหกกระเชอที่กลายเป็นเรื่องชวนเสียดสีเย้ยหยันครานี้มีหลายประเด็นให้ค่อยลอกเปลือกออกทีละชั้นเหมือนการปอกหอมทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นเรื่องที่สังคมไทยทั้งหมดน่ะเข้าร่วมขบวนการต่อต้านการ "แบน" หนังสือ หนัง ละคร วรรณกรรม บทกวี งานศิลปะทุกแขนง

แต่ที่มันต้องกลายเป็นเรื่อง "อ้อล้อ" ไปมีชนวนให้สงสัยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการ "แบน" งานศิลปะ

ก่อนหน้านี้หนังเรื่อง "แมลงในสวนหลังบ้าน" และ "เชกสเปียร์ต้องตาย" ได้เรต "ห" หรือห้ามฉายมาแล้ว เราไม่เห็นว่า "กลุ่มผู้จัดละคร" และแฟนๆ ละครเหล่านี้ออกมาร้องกรี๊ดกร๊าด รับไม่ได้ ระหว่างที่เขาออกมาประท้วง เรียกร้อง เผาศพหนัง ก็เห็นคนเหล่านี้รักชาติ ศาสนา เป็นพลเมืองดี เคารพใน "กติกา" "อำนาจนำ" ที่อยู่สังคมไทยอย่างออกนอกหน้า เทิดทูนความดี ศีลธรรม กันตามประสา

ไม่มีสักนิดที่ออกมาเป็นแนวร่วมต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกและผลิตงานศิลปะแต่อย่างใดไม่ มิหนำซ้ำบางคนยังอยู่ในขบวนการ "ไล่คนคิดต่างออกไปอยู่ประเทศอื่น ชิ้วๆ" เสียด้วยซ้ำ

แล้วอย่างนี้ จะให้แมงหวี่สี่แปดที่ไหนไปเชื่อว่าท่านเป็นพวกเชื่อมั่นในเสรีภาพและการมีขันติธรรม น่าเยาะเย้ยไปกว่านั้นคือการเที่ยวประกาศว่าตนได้ "ทำความดี" อย่าท้อถอยในการทำความดี

โธ่เอ๋ย...เมื่อไหร่จะรู้มารยาทว่าการบอกว่าตัวเองเป็นคนดี หรือทำดี นั้นเราต้องรอให้คนอื่นมาพูดมาเยินยอ มิใช่ชิงเยินยอตนเอง มิใช่การเที่ยวไปป่าวประกาศว่า "ชั้นทำดีๆๆๆๆ เห็นไหมๆๆๆๆ"

อ่านต่อได้ที่  http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358124700&grpid=&catid=03&subcatid=0305

แซ่บส์แท้เหลา คำผกา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่