สำหรับคนยังไม่ได้อ่านตอนแรกๆครับ.
กลับมาอีกครั้งกับไดอารี่แสดงความโหลยโท่ยของผมครับ! (เหมือนประจานตัวเองอย่างไรไม่รู้นะครับ)
ตอนที่แล้วคุยเรื่องขาดทุนแล้วหดหู่เจงๆ คราวนี้มาลองดูกันบ้างว่าหุ้นที่ผมกำไรยังมีอยู่อีกปะ (เห็นวิธีการเล่นของเฮียแบบเฮียๆ แล้วจะมีเหรอเนี่ย?? มีเฟร้ยยยย!!!) แน่นอนว่า ณ ปี 2007 ผมได้ซื้อหุ้นอีกหลายตัว ที่คิดออกมา ณ วันนั้น แล้วผมยังช็อคตัวเองว่าทำไมได้กำไรเยอะขนาดนี้เนี่ย รู้งี้ตรูซื้อตัวนี้เต็มๆดีกว่า ป่านนี้คงมี financial freedom *** กับเขาไปแล้วว!!!!
ณ วันธรรมดาวันหนึ่งตอนบ่ายๆ ที่ผมไม่หมกมุ่นกับหุ้น M (ไปอ่านมหากาพย์ 3 ตอนที่ผ่านมาได้ครับ) ผมเดินไปเข้าโชว์ห่วยแถวบ้าน บังเอิ๊ญ บังเอิญไปเห็นหนมปังตราหนึ่ง กำลังมีรถลงของอยู่หน้าร้านด้วย แถมมาถึงก็หมดเร็วแทบจะเรียกว่ามีคนกวาดไปตลอด (หรือว่าพวกสายส่งมันขี้เกียจส่งกันแน่ฟะ 555) ด้วยความอยากรู้เลยไปดูหลังซอง แล้วดูว่ามันบริษัทอะไรหว่า เอ.. มันมีในตลาดลักทรัพย์ เอ๊ย ตลาดหลักทรัพย์ไหม เดี๋ยวกลับไปดูใน computer ดีกว่า อืม.. ไหนๆ ก็มาละลองเลียบๆเคียงๆถามคนส่งเลยดีกว่า ด้วยความที่อยากเป็นนักลงทุนที่ดีต้องมีการเช็คว่า บริษัทมีการขายเป็นอย่างไร ยอดดีไหม ถามให้รอบก่อนลงทุน!!! (ทฤษฎี A ปฏิบัติ F)
ผม : “โทษนะครับ ปกติลงของส่งที่นี่บ่อยหรือเปล่าครับ”
คนส่งของ : “ก็บ่อยนะพี่ วันละรอบไม่ค่อยได้เก็บคืนด้วย ลงวันนี้พรุ่งนี้ก็เติมใหม่นะพี่”
.....
และผมก็คุยสัพเพเหระ เกี่ยวกับบริษัทฯเค้าบ้างอีกแป๊บนึง ทำให้ผมรับรู้ว่าของลงทีไรก็หมด นี่มันลงหลายๆร้านทั้งโชว์ห่วย ทั้ง 7-11 ทั้งห้างหลายๆที่ เราไปเหลือบดูเอาวะ brand ก็ดัง แถมอยู่มาตั้งแต่สมัยเราเด็กๆแล้ว อย่างงี้มันขายดีนี่หว่า!!! เฮ้ย ตรูต้องไปหาข้อมูลบริษัทนี้ก่อนว่ามันดีจริงป่าว ในที่สุดก็เจอ แต๊นๆๆๆ
หุ้น P - (อยู่ในหมวดอาหาร ชื่อบริษัท แปลว่า ร้านขนมปังท่านประธาน แค่ชื่อก็สุดยอดแล้ว!!!!)
Profile : หุ้นขายขนมปัง เป็นของในเครือใหญ่เครือหนึ่งที่ทำของอุปโภคบริโภคแทบจะทุกอย่าง เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เอ่ยชื่อไปก็ต้องรู้จักแน่นอน! มีโฆษณาที่เคยดูสมัยเด็กๆ “ฟาร์มเฮาส์ สดใหม่ทุกเช้า ฟาร์มเฮาส์ หอมกรุ่นจากเตา ฟาร์มเฮาส์ อร่อยนุ่มทุกเช้า อร่อยทุกใจเรา ฟาร์มเฮาส์ๆ” หุ้นตัวนี้เราผูกพันกับมันตั้งแต่สมัยเด็กๆนี่หว่า! ไม่ว่าจะขนมปังทาเนย ขนมปังราดนม ขนมปังปิ้ง! นี่มัน monopoly** ทางด้านขนมปังชัดๆ คิดอะไรไม่ออกก็กินหนมปังบ้านไร่ เอ๊ย ฟาร์มเฮ้าส์ เอาวะ อย่างนี้ต้องซื้อออออออออออ! (อารมณ์นี้อีกแล้วตรูููๆๆ)
หุ้นน้อง P ดีอย่างนี้มันจะราคาซักเท่าไหร่น้าาา.. ราคา 15 บาทเหมือนน้องโรงหนัง M หรือเปล่า เอาฟะ มีตังค์เหลืออยู่เกือบๆหมื่น ตรูต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หุ้น P ได้แหง๋ๆๆ 555 พอ กดราคาออกมา...........
70.50 / share
หุ้นบ้าอะไรฟะ 1 หุ้น 70.50!!! อย่างนี้ถ้าจะซื้อ 1,000 หุ้น ก็ต้องใช้เงิน 70,500 (ไม่รวมค่า broker) บาท! OMGWTF!!! ตรูมีหลักพัน(ปลายๆ)อย่างนี้ได้แค่ 100 หุ้น เอาละ เพื่ออนาคตหรู ผมจะเป็นผถหญ (ผู้ถือหุ้นหย่าย) 555555!!!! ด้วยความที่จะซื้ออยู่แล้ว ก่อนจะซื้อลองปรึกษากะเพื่อน W (กูรู้หุ้น เอ๊ย กูรูหุ้น ที่รู้จัก ณ ขณะนั้นอยู่ท่านเดียว)
ผม : “W เราสนใจหุ้น P อ่า รบกวนท่าน W ว่าไงครับ”
เพื่อน W : “หุ้น P เออ ก็ดีนะ หนี้ต่ำ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
แค่เพื่อน W บอกว่า “ก็ดีนะ” เราก็กดไป 100 หุ้นเรียบร้อย (กลัวไม่ได้ 5555!!!) หลังจากนั้นหุ้นตัวนี้ก็ไปๆมาที่ 69- 70.50 (ตอนนั้นก็หวั่นๆว่าจะอยู่บนดอยเหมือนกันนะ) ต้วมเตี้ยมอยู่แถวนี้ เราก็ได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะแล้ว หุ้นอย่างนี้มันรอเราซื้อเพิ่มชัวร์ 5555! เลยเก็บตังค์ไปเรื่อยๆ ซื้ออีก 300 หุ้น (เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย! เราเก็บตังค์หนักกว่าก่อนที่จะเริ่มลงทุนในหุ้นอีก ทุกเดือนจากปกติกินข้าวก็กลายเป็นกินหนมปัง ต้องอุดหนุนเป็นลูกค้าหน่อยเหมือนเราเอาเงินย้ายกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา คิดซะว่าเราซื้อ เรากิน เรารวย!) ที่ราคาเดิมตอนปลายปี 2007 โฮะๆๆๆ 400 หุ้น อย่างนี้มัน 28,xxx บาทความฝันใกล้เป็นความจริง ตรูจะมีชื่อเป็น ผถหญ! ตอนนั้นไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย! ผถหญ สมัยโน้นก็มีหลัก 2xx,xxx เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เงินประมาณ 14 ล้าน จิ๊บๆ ต่างกันไม่กี่หลัก ถ้าไม่กล้าฝัน ก็ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าสิครับ!
และแล้วในช่วงปี 2008 ที่มีวิกฤตเศรษฐกิจอเมริกา หุ้นอื่นร่วงระนาว ตัวนี้กลับเป็นหุ้นสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก เด้งขอบหนมปังขึ้นอีก จากที่เคยเห็นที่ 69 อยู่ไม่นานก็กลายเป็น 83 โอ้นี่มันหุ้นสวนกระแสชัดๆ ไม่ได้ๆ เราต้องลอยตามไปด้วย อะโบนัสออกเดือนกุมภา ปี 2009 จัดเพิ่ม อีก 100 หุ้น! ไม่ได้ดูพื้นฐานละครับ ตอนนั้น คิดอย่างเดียวว่าต้องซื้อ (แล้วทำไมไม่ซื้อเพิ่มเยอะกว่านี้
)
ผ่านไป อีกปีกว่า 2010 หนมปังใครว่าบินไม่ได้ มันบินไปที่ 200 กว่าๆๆๆ ไอ๊ย่ะ! นี่มันหนมปังเทพจุติชัดๆ จะขายดีไหมหว่า หรือว่าไม่ขายดีเนี่ย! ปรึกษาเพื่อน W ช่วยคิดดีก่า!
ผม : "เฮ้ย หุ้น P มัน 2xx แล้ว ขายดีปะ กำไร 100% กว่า(ตัวแรกของชีวิต!) ช่วยคิดหน่อยดิ ทำไงดี กลุ้มว่ะ กำไรเยอะ กลัวจะใช้กำไรไม่หมด 5555"
เพื่อน W "ตรูจะมาช่วยท่านคิดอะไร เงินก็เงินท่าน กดซื้อก็กดเอง จะกดขายก็กดเอง สิว้อยย!"
ผม : "เออ (จริง)....."
เพื่อน W : "แต่ถ้าทุนต่ำก็น่าลองถือยาวๆนะ"
ผม : "เหรอแล้วมันจะลงไหมอ่า หรือมันจะไปต่อ?"
เพื่อน W : "ไว้ตรูมี time machine แล้วจะบอก"
ขอบใจเพื่อน W นะครับ - -'
มาลุ้นกันคราวหน้านะครับว่าจะถือได้ยาวนานขนาดไหน
Glossary
**Monopoly หมายถึง การผูกขาด
การผูกขาด หมายถึง ลักษณะหนึ่งของตลาดผลผลิตที่มีการแข่งขันไม่สมบูรณ์ มีลักษณะโครงสร้างที่สำคัญคือ มีผู้ขายรายเดียว การเข้าสู่ตลาดทำได้ยาก ทำให้ผู้ผูกขาดมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการของตน
*** Financial Freedom หมายถึง อิสรภาพทางการเงิน
พบเห็นคนพูดกันบ่อยในหมู่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ ขายตรงก็พยายามเอามาหลอกล่อให้ท่านสมัครเป็น downline(อิอิ) แต่ความหมายทั้งสองทางคือ ให้เงินทำงานแทนเรา
ไดอารี่การเก็บเงินและลงทุนของผม ตอนที่ 6 : หนมปังเทพพพพพพ
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30024509
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30027751
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/30030578
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/30034136
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/30040659
*** เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่ปี 2007-2010 ครับ
กลับมาอีกครั้งกับไดอารี่แสดงความโหลยโท่ยของผมครับ! (เหมือนประจานตัวเองอย่างไรไม่รู้นะครับ)
ตอนที่แล้วคุยเรื่องขาดทุนแล้วหดหู่เจงๆ คราวนี้มาลองดูกันบ้างว่าหุ้นที่ผมกำไรยังมีอยู่อีกปะ (เห็นวิธีการเล่นของเฮียแบบเฮียๆ แล้วจะมีเหรอเนี่ย?? มีเฟร้ยยยย!!!) แน่นอนว่า ณ ปี 2007 ผมได้ซื้อหุ้นอีกหลายตัว ที่คิดออกมา ณ วันนั้น แล้วผมยังช็อคตัวเองว่าทำไมได้กำไรเยอะขนาดนี้เนี่ย รู้งี้ตรูซื้อตัวนี้เต็มๆดีกว่า ป่านนี้คงมี financial freedom *** กับเขาไปแล้วว!!!!
ณ วันธรรมดาวันหนึ่งตอนบ่ายๆ ที่ผมไม่หมกมุ่นกับหุ้น M (ไปอ่านมหากาพย์ 3 ตอนที่ผ่านมาได้ครับ) ผมเดินไปเข้าโชว์ห่วยแถวบ้าน บังเอิ๊ญ บังเอิญไปเห็นหนมปังตราหนึ่ง กำลังมีรถลงของอยู่หน้าร้านด้วย แถมมาถึงก็หมดเร็วแทบจะเรียกว่ามีคนกวาดไปตลอด (หรือว่าพวกสายส่งมันขี้เกียจส่งกันแน่ฟะ 555) ด้วยความอยากรู้เลยไปดูหลังซอง แล้วดูว่ามันบริษัทอะไรหว่า เอ.. มันมีในตลาดลักทรัพย์ เอ๊ย ตลาดหลักทรัพย์ไหม เดี๋ยวกลับไปดูใน computer ดีกว่า อืม.. ไหนๆ ก็มาละลองเลียบๆเคียงๆถามคนส่งเลยดีกว่า ด้วยความที่อยากเป็นนักลงทุนที่ดีต้องมีการเช็คว่า บริษัทมีการขายเป็นอย่างไร ยอดดีไหม ถามให้รอบก่อนลงทุน!!! (ทฤษฎี A ปฏิบัติ F)
ผม : “โทษนะครับ ปกติลงของส่งที่นี่บ่อยหรือเปล่าครับ”
คนส่งของ : “ก็บ่อยนะพี่ วันละรอบไม่ค่อยได้เก็บคืนด้วย ลงวันนี้พรุ่งนี้ก็เติมใหม่นะพี่”
.....
และผมก็คุยสัพเพเหระ เกี่ยวกับบริษัทฯเค้าบ้างอีกแป๊บนึง ทำให้ผมรับรู้ว่าของลงทีไรก็หมด นี่มันลงหลายๆร้านทั้งโชว์ห่วย ทั้ง 7-11 ทั้งห้างหลายๆที่ เราไปเหลือบดูเอาวะ brand ก็ดัง แถมอยู่มาตั้งแต่สมัยเราเด็กๆแล้ว อย่างงี้มันขายดีนี่หว่า!!! เฮ้ย ตรูต้องไปหาข้อมูลบริษัทนี้ก่อนว่ามันดีจริงป่าว ในที่สุดก็เจอ แต๊นๆๆๆ
หุ้น P - (อยู่ในหมวดอาหาร ชื่อบริษัท แปลว่า ร้านขนมปังท่านประธาน แค่ชื่อก็สุดยอดแล้ว!!!!)
Profile : หุ้นขายขนมปัง เป็นของในเครือใหญ่เครือหนึ่งที่ทำของอุปโภคบริโภคแทบจะทุกอย่าง เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เอ่ยชื่อไปก็ต้องรู้จักแน่นอน! มีโฆษณาที่เคยดูสมัยเด็กๆ “ฟาร์มเฮาส์ สดใหม่ทุกเช้า ฟาร์มเฮาส์ หอมกรุ่นจากเตา ฟาร์มเฮาส์ อร่อยนุ่มทุกเช้า อร่อยทุกใจเรา ฟาร์มเฮาส์ๆ” หุ้นตัวนี้เราผูกพันกับมันตั้งแต่สมัยเด็กๆนี่หว่า! ไม่ว่าจะขนมปังทาเนย ขนมปังราดนม ขนมปังปิ้ง! นี่มัน monopoly** ทางด้านขนมปังชัดๆ คิดอะไรไม่ออกก็กินหนมปังบ้านไร่ เอ๊ย ฟาร์มเฮ้าส์ เอาวะ อย่างนี้ต้องซื้อออออออออออ! (อารมณ์นี้อีกแล้วตรูููๆๆ)
หุ้นน้อง P ดีอย่างนี้มันจะราคาซักเท่าไหร่น้าาา.. ราคา 15 บาทเหมือนน้องโรงหนัง M หรือเปล่า เอาฟะ มีตังค์เหลืออยู่เกือบๆหมื่น ตรูต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หุ้น P ได้แหง๋ๆๆ 555 พอ กดราคาออกมา...........
70.50 / share
หุ้นบ้าอะไรฟะ 1 หุ้น 70.50!!! อย่างนี้ถ้าจะซื้อ 1,000 หุ้น ก็ต้องใช้เงิน 70,500 (ไม่รวมค่า broker) บาท! OMGWTF!!! ตรูมีหลักพัน(ปลายๆ)อย่างนี้ได้แค่ 100 หุ้น เอาละ เพื่ออนาคตหรู ผมจะเป็นผถหญ (ผู้ถือหุ้นหย่าย) 555555!!!! ด้วยความที่จะซื้ออยู่แล้ว ก่อนจะซื้อลองปรึกษากะเพื่อน W (กูรู้หุ้น เอ๊ย กูรูหุ้น ที่รู้จัก ณ ขณะนั้นอยู่ท่านเดียว)
ผม : “W เราสนใจหุ้น P อ่า รบกวนท่าน W ว่าไงครับ”
เพื่อน W : “หุ้น P เออ ก็ดีนะ หนี้ต่ำ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
แค่เพื่อน W บอกว่า “ก็ดีนะ” เราก็กดไป 100 หุ้นเรียบร้อย (กลัวไม่ได้ 5555!!!) หลังจากนั้นหุ้นตัวนี้ก็ไปๆมาที่ 69- 70.50 (ตอนนั้นก็หวั่นๆว่าจะอยู่บนดอยเหมือนกันนะ) ต้วมเตี้ยมอยู่แถวนี้ เราก็ได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะแล้ว หุ้นอย่างนี้มันรอเราซื้อเพิ่มชัวร์ 5555! เลยเก็บตังค์ไปเรื่อยๆ ซื้ออีก 300 หุ้น (เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย! เราเก็บตังค์หนักกว่าก่อนที่จะเริ่มลงทุนในหุ้นอีก ทุกเดือนจากปกติกินข้าวก็กลายเป็นกินหนมปัง ต้องอุดหนุนเป็นลูกค้าหน่อยเหมือนเราเอาเงินย้ายกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา คิดซะว่าเราซื้อ เรากิน เรารวย!) ที่ราคาเดิมตอนปลายปี 2007 โฮะๆๆๆ 400 หุ้น อย่างนี้มัน 28,xxx บาทความฝันใกล้เป็นความจริง ตรูจะมีชื่อเป็น ผถหญ! ตอนนั้นไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย! ผถหญ สมัยโน้นก็มีหลัก 2xx,xxx เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เงินประมาณ 14 ล้าน จิ๊บๆ ต่างกันไม่กี่หลัก ถ้าไม่กล้าฝัน ก็ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าสิครับ!
และแล้วในช่วงปี 2008 ที่มีวิกฤตเศรษฐกิจอเมริกา หุ้นอื่นร่วงระนาว ตัวนี้กลับเป็นหุ้นสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก เด้งขอบหนมปังขึ้นอีก จากที่เคยเห็นที่ 69 อยู่ไม่นานก็กลายเป็น 83 โอ้นี่มันหุ้นสวนกระแสชัดๆ ไม่ได้ๆ เราต้องลอยตามไปด้วย อะโบนัสออกเดือนกุมภา ปี 2009 จัดเพิ่ม อีก 100 หุ้น! ไม่ได้ดูพื้นฐานละครับ ตอนนั้น คิดอย่างเดียวว่าต้องซื้อ (แล้วทำไมไม่ซื้อเพิ่มเยอะกว่านี้ )
ผ่านไป อีกปีกว่า 2010 หนมปังใครว่าบินไม่ได้ มันบินไปที่ 200 กว่าๆๆๆ ไอ๊ย่ะ! นี่มันหนมปังเทพจุติชัดๆ จะขายดีไหมหว่า หรือว่าไม่ขายดีเนี่ย! ปรึกษาเพื่อน W ช่วยคิดดีก่า!
ผม : "เฮ้ย หุ้น P มัน 2xx แล้ว ขายดีปะ กำไร 100% กว่า(ตัวแรกของชีวิต!) ช่วยคิดหน่อยดิ ทำไงดี กลุ้มว่ะ กำไรเยอะ กลัวจะใช้กำไรไม่หมด 5555"
เพื่อน W "ตรูจะมาช่วยท่านคิดอะไร เงินก็เงินท่าน กดซื้อก็กดเอง จะกดขายก็กดเอง สิว้อยย!"
ผม : "เออ (จริง)....."
เพื่อน W : "แต่ถ้าทุนต่ำก็น่าลองถือยาวๆนะ"
ผม : "เหรอแล้วมันจะลงไหมอ่า หรือมันจะไปต่อ?"
เพื่อน W : "ไว้ตรูมี time machine แล้วจะบอก"
ขอบใจเพื่อน W นะครับ - -'
มาลุ้นกันคราวหน้านะครับว่าจะถือได้ยาวนานขนาดไหน
Glossary
**Monopoly หมายถึง การผูกขาด
การผูกขาด หมายถึง ลักษณะหนึ่งของตลาดผลผลิตที่มีการแข่งขันไม่สมบูรณ์ มีลักษณะโครงสร้างที่สำคัญคือ มีผู้ขายรายเดียว การเข้าสู่ตลาดทำได้ยาก ทำให้ผู้ผูกขาดมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการของตน
*** Financial Freedom หมายถึง อิสรภาพทางการเงิน
พบเห็นคนพูดกันบ่อยในหมู่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ ขายตรงก็พยายามเอามาหลอกล่อให้ท่านสมัครเป็น downline(อิอิ) แต่ความหมายทั้งสองทางคือ ให้เงินทำงานแทนเรา