ไดอารี่การเก็บเงินและลงทุนของผม ตอนที่ 6 : หนมปังเทพพพพพพ

สำหรับคนยังไม่ได้อ่านตอนแรกๆครับ.
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30024509
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30027751
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/30030578
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/30034136
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/30040659

*** เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่ปี 2007-2010 ครับ

กลับมาอีกครั้งกับไดอารี่แสดงความโหลยโท่ยของผมครับ! (เหมือนประจานตัวเองอย่างไรไม่รู้นะครับ) เม่าเศร้า

ตอนที่แล้วคุยเรื่องขาดทุนแล้วหดหู่เจงๆ คราวนี้มาลองดูกันบ้างว่าหุ้นที่ผมกำไรยังมีอยู่อีกปะ (เห็นวิธีการเล่นของเฮียแบบเฮียๆ แล้วจะมีเหรอเนี่ย?? มีเฟร้ยยยย!!!)  แน่นอนว่า ณ ปี 2007 ผมได้ซื้อหุ้นอีกหลายตัว ที่คิดออกมา​ ณ วันนั้น แล้วผมยังช็อคตัวเองว่าทำไมได้กำไรเยอะขนาดนี้เนี่ย รู้งี้ตรูซื้อตัวนี้เต็มๆดีกว่า ป่านนี้คงมี financial freedom *** กับเขาไปแล้วว!!!!

ณ วันธรรมดาวันหนึ่งตอนบ่ายๆ ที่ผมไม่หมกมุ่นกับหุ้น M (ไปอ่านมหากาพย์ ​3 ตอนที่ผ่านมาได้ครับ) ผมเดินไปเข้าโชว์ห่วยแถวบ้าน   บังเอิ๊ญ บังเอิญไปเห็นหนมปังตราหนึ่ง กำลังมีรถลงของอยู่หน้าร้านด้วย แถมมาถึงก็หมดเร็วแทบจะเรียกว่ามีคนกวาดไปตลอด  (หรือว่าพวกสายส่งมันขี้เกียจส่งกันแน่ฟะ 555) ด้วยความอยากรู้เลยไปดูหลังซอง แล้วดูว่ามันบริษัทอะไรหว่า เอ.. มันมีในตลาดลักทรัพย์ เอ๊ย ตลาดหลักทรัพย์ไหม เดี๋ยวกลับไปดูใน computer ดีกว่า อืม.. ไหนๆ ก็มาละลองเลียบๆเคียงๆถามคนส่งเลยดีกว่า ด้วยความที่อยากเป็นนักลงทุนที่ดีต้องมีการเช็คว่า บริษัทมีการขายเป็นอย่างไร ยอดดีไหม ถามให้รอบก่อนลงทุน!!! (ทฤษฎี A ปฏิบัติ F)
ผม : “โทษนะครับ ปกติลงของส่งที่นี่บ่อยหรือเปล่าครับ”
คนส่งของ : “ก็บ่อยนะพี่ วันละรอบไม่ค่อยได้เก็บคืนด้วย ลงวันนี้พรุ่งนี้ก็เติมใหม่นะพี่”
.....
และผมก็คุยสัพเพเหระ เกี่ยวกับบริษัทฯเค้าบ้างอีกแป๊บนึง ทำให้ผมรับรู้ว่าของลงทีไรก็หมด นี่มันลงหลายๆร้านทั้งโชว์ห่วย ทั้ง 7-11 ทั้งห้างหลายๆที่ เราไปเหลือบดูเอาวะ brand ก็ดัง แถมอยู่มาตั้งแต่สมัยเราเด็กๆแล้ว อย่างงี้มันขายดีนี่หว่า!!! เฮ้ย ตรูต้องไปหาข้อมูลบริษัทนี้ก่อนว่ามันดีจริงป่าว ในที่สุดก็เจอ แต๊นๆๆๆ

หุ้น P -  (อยู่ในหมวดอาหาร ชื่อบริษัท แปลว่า ร้านขนมปังท่านประธาน แค่ชื่อก็สุดยอดแล้ว!!!!)
Profile : หุ้นขายขนมปัง เป็นของในเครือใหญ่เครือหนึ่งที่ทำของอุปโภคบริโภคแทบจะทุกอย่าง เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เอ่ยชื่อไปก็ต้องรู้จักแน่นอน!  มีโฆษณาที่เคยดูสมัยเด็กๆ  “ฟาร์มเฮาส์ สดใหม่ทุกเช้า  ฟาร์มเฮาส์ หอมกรุ่นจากเตา ฟาร์มเฮาส์ อร่อยนุ่มทุกเช้า อร่อยทุกใจเรา ฟาร์มเฮาส์ๆ” หุ้นตัวนี้เราผูกพันกับมันตั้งแต่สมัยเด็กๆนี่หว่า! ไม่ว่าจะขนมปังทาเนย ขนมปังราดนม ขนมปังปิ้ง! นี่มัน monopoly** ทางด้านขนมปังชัดๆ คิดอะไรไม่ออกก็กินหนมปังบ้านไร่  เอ๊ย ฟาร์มเฮ้าส์ เอาวะ อย่างนี้ต้องซื้อออออออออออ! (อารมณ์นี้อีกแล้วตรูููๆๆ)

หุ้นน้อง P ดีอย่างนี้มันจะราคาซักเท่าไหร่น้าาา.. ราคา 15 บาทเหมือนน้องโรงหนัง M หรือเปล่า เอาฟะ มีตังค์เหลืออยู่เกือบๆหมื่น ตรูต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หุ้น P ได้แหง๋ๆๆ 555 พอ กดราคาออกมา...........

70.50 / share
เม่าหอยทาก

หุ้นบ้าอะไรฟะ 1 หุ้น 70.50!!! อย่างนี้ถ้าจะซื้อ 1,000  หุ้น ก็ต้องใช้เงิน 70,500 (ไม่รวมค่า broker) บาท! OMGWTF!!! ตรูมีหลักพัน(ปลายๆ)อย่างนี้ได้แค่ 100 หุ้น เอาละ เพื่ออนาคตหรู ผมจะเป็นผถหญ (ผู้ถือหุ้นหย่าย) 555555!!!!  ด้วยความที่จะซื้ออยู่แล้ว ก่อนจะซื้อลองปรึกษากะเพื่อน W (กูรู้หุ้น เอ๊ย กูรูหุ้น ที่รู้จัก ณ ขณะนั้นอยู่ท่านเดียว)

ผม  : “W เราสนใจหุ้น P อ่า รบกวนท่าน W ว่าไงครับ”  
เพื่อน W : “หุ้น P เออ ก็ดีนะ หนี้ต่ำ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

แค่เพื่อน W บอกว่า “ก็ดีนะ” เราก็กดไป 100 หุ้นเรียบร้อย (กลัวไม่ได้ 5555!!!) หลังจากนั้นหุ้นตัวนี้ก็ไปๆมาที่ 69- 70.50 (ตอนนั้นก็หวั่นๆว่าจะอยู่บนดอยเหมือนกันนะ) ต้วมเตี้ยมอยู่แถวนี้ เราก็ได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะแล้ว หุ้นอย่างนี้มันรอเราซื้อเพิ่มชัวร์ 5555! เลยเก็บตังค์ไปเรื่อยๆ ซื้ออีก 300 หุ้น (เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย! เราเก็บตังค์หนักกว่าก่อนที่จะเริ่มลงทุนในหุ้นอีก ทุกเดือนจากปกติกินข้าวก็กลายเป็นกินหนมปัง​ ต้องอุดหนุนเป็นลูกค้าหน่อยเหมือนเราเอาเงินย้ายกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา คิดซะว่าเราซื้อ เรากิน เรารวย!) ที่ราคาเดิมตอนปลายปี 2007 โฮะๆๆๆ 400 หุ้น อย่างนี้มัน 28,xxx บาทความฝันใกล้เป็นความจริง ตรูจะมีชื่อเป็น ผถหญ! ตอนนั้นไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย! ผถหญ สมัยโน้นก็มีหลัก 2xx,xxx เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เงินประมาณ​ 14 ล้าน จิ๊บๆ ต่างกันไม่กี่หลัก ถ้าไม่กล้าฝัน ก็ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าสิครับ!

และแล้วในช่วงปี 2008 ที่มีวิกฤตเศรษฐกิจอเมริกา หุ้นอื่นร่วงระนาว ตัวนี้กลับเป็นหุ้นสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก เด้งขอบหนมปังขึ้นอีก จากที่เคยเห็นที่ 69 อยู่ไม่นานก็กลายเป็น 83 โอ้นี่มันหุ้นสวนกระแสชัดๆ ไม่ได้ๆ เราต้องลอยตามไปด้วย อะโบนัสออกเดือนกุมภา ปี 2009 จัดเพิ่ม อีก 100 หุ้น! ไม่ได้ดูพื้นฐานละครับ ตอนนั้น คิดอย่างเดียวว่าต้องซื้อ (แล้วทำไมไม่ซื้อเพิ่มเยอะกว่านี้ ร้องไห้ )

ผ่านไป อีกปีกว่า 2010 หนมปังใครว่าบินไม่ได้ มันบินไปที่ 200 กว่าๆๆๆ ไอ๊ย่ะ! นี่มันหนมปังเทพจุติชัดๆ  จะขายดีไหมหว่า หรือว่าไม่ขายดีเนี่ย! ปรึกษาเพื่อน W ช่วยคิดดีก่า!
ผม : "เฮ้ย หุ้น P มัน 2xx แล้ว ขายดีปะ กำไร 100% กว่า(ตัวแรกของชีวิต!) ช่วยคิดหน่อยดิ ทำไงดี กลุ้มว่ะ กำไรเยอะ กลัวจะใช้กำไรไม่หมด 5555"
เพื่อน W "ตรูจะมาช่วยท่านคิดอะไร เงินก็เงินท่าน กดซื้อก็กดเอง จะกดขายก็กดเอง สิว้อยย!"
ผม : "เออ (จริง)....."
เพื่อน W : "แต่ถ้าทุนต่ำก็น่าลองถือยาวๆนะ"
ผม : "เหรอแล้วมันจะลงไหมอ่า หรือมันจะไปต่อ?"
เพื่อน W : "ไว้ตรูมี time machine แล้วจะบอก"
ขอบใจเพื่อน W นะครับ - -'

มาลุ้นกันคราวหน้านะครับว่าจะถือได้ยาวนานขนาดไหน

Glossary
**Monopoly  หมายถึง การผูกขาด
การผูกขาด หมายถึง ลักษณะหนึ่งของตลาดผลผลิตที่มีการแข่งขันไม่สมบูรณ์ มีลักษณะโครงสร้างที่สำคัญคือ มีผู้ขายรายเดียว  การเข้าสู่ตลาดทำได้ยาก  ทำให้ผู้ผูกขาดมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการของตน

*** Financial Freedom หมายถึง อิสรภาพทางการเงิน
พบเห็นคนพูดกันบ่อยในหมู่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ ขายตรงก็พยายามเอามาหลอกล่อให้ท่านสมัครเป็น downline(อิอิ) แต่ความหมายทั้งสองทางคือ ให้เงินทำงานแทนเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่