"สนธิ" บอกหลุดขำ หลังศาลตัดสินจำคุก
Voicte TV รายงานโดยนำเสนอคลิปข่าวจากมติชนออนไลน์ประกอบว่า "สนธิ ลิ้มทองกุล" ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวต่อศาลอาญารัชดา ในคดีฐานผิดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการยื่นหลักทรัพย์จำนวน 10 ล้านบาทการยื่นประกันตัวต่อศาลอาญา รัชดา ในคดีฐานผิดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ กรณีรับรองเอกสารในฐานะกรรมการบริษัทอันเป็นเท็จเพื่อให้บริษัทที่ตัวเองถือหุ้นอยู่ไปกู้เงินกับธนาคารกรุงไทยฯจำนวน1,078 ล้านบาท ศาลสั่งจำคุก85ปีนายสนธิรับสารภาพและโทษสูงสุดในฐานความผิดดังกล่าวจำคุกไม่เกิน20ปี ว่า คดีความนี้เป็นคดีความที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2538 เป็นคดีความเรื่องของผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ เป็นเรื่องการนำบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไปค้ำประกันอีกบริษัทหนึ่ง คดีนี้ดำเนินคดีสืบเนื่องกันมาตั้งแต่ปี 2539 กระทั่งถึงวันนี้(28 ก.พ.)
"ในการต่อสู้คดีนั้น ผมปฏิเสธที่จะต่อสู้คดี ผมยอมรับผิดจะไม่พูดเบื้องหลังว่าใครเป็นคนทำ เอาเป็นว่าผมยอมรับในกระบวนการยุติธรรมของไทย วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ชัดเจน ว่าผมพร้อมจะเดินเข้าศาล ผมโดนลงโทษทั้งหมดเบ็ดเสร็จ 85 ปี แล้วในที่สุดลดเหลือ 20 ปี เพราะว่าในกฎหมายไม่ให้เกิน 20 ปี ผมใช้สิทธิ์ของผมอุทธรณ์ ขอความเมตตาต่อศาลว่า คดีความผมไม่ใช่คดีความค้ายาเสพติด หรือไม่ใช่คดีความของการปล้นสดมภ์ ฆ่าผู้คน เป็นคดีที่ผิดพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ แล้วก็ไม่มีโจทก์ร่วม ไม่มีผู้เสียหายมาฟ้องร่วม ในขั้นอุทธรณ์ต้องชี้ให้เห็นประเด็นหลักๆ หลายประเด็น แต่ประเด็นการอุทธรณ์กลับไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับผม ประเด็นสำคัญสำหรับผมก็คือว่า ผมได้พิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่าผมยอมรับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน"นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า ระหว่างที่ฟังคำพิพากษานั้น อดไม่ได้ที่จะขำ ขำตรงที่ว่าโดนตรงนู้นโดนตรงนี้ เอาให้ถึง 100 ปี เลยดีไหม
"ผมเป็นเพียงแต่ขำเท่านั้นเองว่าผมผิด พรบ.หลักทรัพย์ ผมโดนไป 80 ปี ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนที่ค้ายาเสพติด หรือไม่ได้ไปเผาบ้านเผาเมืองใคร แต่ไม่เป็นไร ในฐานะที่ผมรับสารภาพก่อนการสืบคดีสิ้นสุด ศาลสถิตยุติธรรมมีมติจะพิพากษาผมอย่างไร ผมยอมรับในมตินั้น ไม่ตัดพ้อต่อว่า เพราะผมต้องการทำให้ผมเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเมื่อผิดต้องยอมรับผิด และเมื่อต้องคดี ศาลพิพากษามา จะอย่างไรก็ตามที่ศาลพิพากษามาจะยอมรับหมดทุกเรื่อง ไม่มีข้อแม้ ไม่เคยที่จะต้องมาประท้วงศาลว่าไม่ยุติธรรม ผมเป็นคนที่เคารพศาลไทยมาตั้งแต่ต้น มาศาลผมก็มาผมไม่เคยหนีศาล ไม่เคยเลยแม้แต่นิดเดียว"นายสนธิกล่าว
"สนธิ" บอกหลุดขำ หลังศาลตัดสินจำคุก
Voicte TV รายงานโดยนำเสนอคลิปข่าวจากมติชนออนไลน์ประกอบว่า "สนธิ ลิ้มทองกุล" ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวต่อศาลอาญารัชดา ในคดีฐานผิดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการยื่นหลักทรัพย์จำนวน 10 ล้านบาทการยื่นประกันตัวต่อศาลอาญา รัชดา ในคดีฐานผิดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ กรณีรับรองเอกสารในฐานะกรรมการบริษัทอันเป็นเท็จเพื่อให้บริษัทที่ตัวเองถือหุ้นอยู่ไปกู้เงินกับธนาคารกรุงไทยฯจำนวน1,078 ล้านบาท ศาลสั่งจำคุก85ปีนายสนธิรับสารภาพและโทษสูงสุดในฐานความผิดดังกล่าวจำคุกไม่เกิน20ปี ว่า คดีความนี้เป็นคดีความที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2538 เป็นคดีความเรื่องของผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ เป็นเรื่องการนำบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไปค้ำประกันอีกบริษัทหนึ่ง คดีนี้ดำเนินคดีสืบเนื่องกันมาตั้งแต่ปี 2539 กระทั่งถึงวันนี้(28 ก.พ.)
"ในการต่อสู้คดีนั้น ผมปฏิเสธที่จะต่อสู้คดี ผมยอมรับผิดจะไม่พูดเบื้องหลังว่าใครเป็นคนทำ เอาเป็นว่าผมยอมรับในกระบวนการยุติธรรมของไทย วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ชัดเจน ว่าผมพร้อมจะเดินเข้าศาล ผมโดนลงโทษทั้งหมดเบ็ดเสร็จ 85 ปี แล้วในที่สุดลดเหลือ 20 ปี เพราะว่าในกฎหมายไม่ให้เกิน 20 ปี ผมใช้สิทธิ์ของผมอุทธรณ์ ขอความเมตตาต่อศาลว่า คดีความผมไม่ใช่คดีความค้ายาเสพติด หรือไม่ใช่คดีความของการปล้นสดมภ์ ฆ่าผู้คน เป็นคดีที่ผิดพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ แล้วก็ไม่มีโจทก์ร่วม ไม่มีผู้เสียหายมาฟ้องร่วม ในขั้นอุทธรณ์ต้องชี้ให้เห็นประเด็นหลักๆ หลายประเด็น แต่ประเด็นการอุทธรณ์กลับไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับผม ประเด็นสำคัญสำหรับผมก็คือว่า ผมได้พิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่าผมยอมรับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน"นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า ระหว่างที่ฟังคำพิพากษานั้น อดไม่ได้ที่จะขำ ขำตรงที่ว่าโดนตรงนู้นโดนตรงนี้ เอาให้ถึง 100 ปี เลยดีไหม
"ผมเป็นเพียงแต่ขำเท่านั้นเองว่าผมผิด พรบ.หลักทรัพย์ ผมโดนไป 80 ปี ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนที่ค้ายาเสพติด หรือไม่ได้ไปเผาบ้านเผาเมืองใคร แต่ไม่เป็นไร ในฐานะที่ผมรับสารภาพก่อนการสืบคดีสิ้นสุด ศาลสถิตยุติธรรมมีมติจะพิพากษาผมอย่างไร ผมยอมรับในมตินั้น ไม่ตัดพ้อต่อว่า เพราะผมต้องการทำให้ผมเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเมื่อผิดต้องยอมรับผิด และเมื่อต้องคดี ศาลพิพากษามา จะอย่างไรก็ตามที่ศาลพิพากษามาจะยอมรับหมดทุกเรื่อง ไม่มีข้อแม้ ไม่เคยที่จะต้องมาประท้วงศาลว่าไม่ยุติธรรม ผมเป็นคนที่เคารพศาลไทยมาตั้งแต่ต้น มาศาลผมก็มาผมไม่เคยหนีศาล ไม่เคยเลยแม้แต่นิดเดียว"นายสนธิกล่าว