เราตั้งกระทู้นี้เพื่อเป็นเสียงหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่า คนที่เคยรู้สึกแย่กับบริการของร้านหรือเคาท์เตอร์ขายเครื่องสำอางนั้น
เค้าไม่ได้อคติและคิดไปเอง เค้าไม่ได้เป็นคู่แข่งทางการค้าที่สร้างเรื่องเพื่อทำลายคุณ
แต่เค้าคือลูกค้าที่มีชีวิตจิตใจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ที่ไม่สมควรจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามใดๆทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะจากพนักงานขายหรือจากเจ้าของร้าน
เรื่องซึ่งเราพยายามลืมและทำใจกับมันนี้เกิดขึ้นปลายๆปีที่แล้ว ที่ร้านเครื่องสำอางแห่งหนึ่งใกล้ที่เรียนของเรา
เรายอมรับว่าเกิดมาจนอายุจะเข้าเลข 4 ไม่เคยรู้สึก upset เพราะคนแปลกหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย
เราเป็นลูกค้าร้านนี้ตั้งแต่วันแรกๆที่เปิด รู้ข่าวจาก internet เลยชวนเพื่อนๆไป เพราะมีของที่เรากำลังอยากได้และมันลดราคา
ครั้งแรก - เราเจอพนักงาน SKII ตอบเหวี่ยงๆว่า size เล็กที่เราถามหาหมดแล้ว มีแต่ size ใหญ่
(โอเค เราพยายามเข้าใจ ของถูกมันย่อมขายดี แต่ก็แอบคิดว่าเพิ่งเปิดร้านไม่กี่วันเนี่ยนะ หมดไวจัง)
- เราถามพนักงานน้ำหอมว่า มี Tester มั้ย แต่เธอมองหน้าเหมือนเราถามคำถามที่ไม่มีใครเค้าถามกัน
ครั้งนั้นเรากับเพื่อนเก็บความรู้สึกแปลกๆไว้ เพราะความสนใจในร้านเปิดใหม่มันมีมากกว่า
วันนั้นเรากับเพื่อนได้ของกันไปคนละ 2-3 ชิ้น และทำบัตรสมาชิกกันด้วย เพราะพอใจราคาและความครบครัน
ที่มาร้านเดียวแล้วเลือกของได้หลากหลายแบรนด์ จึงตั้งใจจะเป็นลูกค้าอีกเพราะเราก็ต้องเข้าคณะฯเป็นประจำอยู่แล้ว
ครั้งที่สอง เราไปคนเดียว อยากได้ของ 2-3 ชิ้น และบันทึก No. กับชื่อสินค้าไว้ในโทรศัพท์มือถือ
ตอนนั้นร้านน่าจะเพิ่งเปิดไม่นาน พอก้าวเข้าร้าน เราหยิบโทรศัพท์มากดดูที่บันทึกไว้
เรามั่นใจว่าเราถือโทรศัพท์ในแนวนอนแล้วกดดู ไม่ได้ยกขึ้นเป็นแนวตั้งเหมือนกำลังจะถ่ายรูป
พอกำลังจะเก็บโทรศัพท์ ได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนมาว่า "ลูกค้าถ่ายรูปไม่ได้นะ" แล้วเจ้าตัวก็ปราดเข้ามาพูดซ้ำอีกรอบ
พนักงานทั้งร้านหันมามองเราเป็นตาเดียว เรายอมรับว่าตกใจและงงมาก เพราะเราไม่เคยมีความคิดอยู่ในหัวเลยว่าจะถ่ายรูป
เราตอบไปว่า "ไม่ได้ถ่ายค่ะ" ผู้ชายคนนั้นพูดสวนมาว่า "ไม่ได้ถ่ายยังไงก็ผมเห็น" เราปฏิเสธอีก
เค้าก็เถียงกลับมาว่าเค้าเห็น และมันเป็นกฎของร้านที่ห้ามถ่ายรูป เราเลยบอกว่า "พี่ทราบค่ะว่ามันเป็นมารยาท
แล้วพี่ก็ไม่เคยคิดจะทำ พี่จดชื่อของที่จะซื้อไว้เลยเอาขึ้นมาดู เดี่ยวพี่ให้ดูเลยค่ะ แล้วก็เช็คกล้องได้เลยว่าไม่ได้ถ่าย"
แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าไม่ต้อง เค้าไม่ดู ตอนนั้นเราใจสั่นมือสั่นไปหมด ทั้งโกรธทั้งอาย รู้สึกว่าโดนดูถูกมาก
คือถ้าเค้าพูดดีๆ ไม่ตะโกน ไม่เถียง เราคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้ เราเองก็อาวุโสไม่น้อย แต่งตัวสุภาพ และที่สำคัญคือ เราตั้งใจมาเป็นลูกค้า !
ตอนนั้นไม่อยากซื้อของแล้วค่ะ อยากออกไปจากตรงนั้น แต่อยากพิทักษ์ศักดิ์ศรีของตัวเอง
เราเลยพูดว่า "พี่ตกใจหมดเลยค่ะ" แล้วตัดสินยืนเลือกของใกล้ๆเคาท์เตอร์แคชเชียร์ที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปนั่งหลังจากที่เถียงกับเรา
พยายามข่มใจตัวเอง เพราะคิดว่า ถ้าเราเดินออกจากร้านไปในตอนนั้น เค้าต้องเชื่อความคิดของตัวเองว่าเราทำอย่างที่เค้ากล่าวหา
สักพักได้ยินเค้าพูดมาจากตรงนั้นว่า "ถ้างั้นก็ขอโทษนะครับ" เราเลยหันกลับไปตอบสั้นๆว่า "ไม่เป็นไรค่ะ"
เห็นหน้าเค้าเฉยมากจนดูไม่ไปด้วยกันกับคำพูด เราหยิบของได้ 1 ชิ้นก็จ่ายเงินเดินออกจากร้านไปด้วยความเสียใจ
ผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นใครสักคนที่มีความสำคัญกับร้านก็ได้นะคะ แล้วถ้าเค้าได้อ่านกระทู้นี้ เค้าอาจจะจำได้ก็ได้ค่ะ
เราคิดว่าการที่เค้าขอโทษนั้นถือเป็นเรื่องที่เราสมควรให้อภัย แต่บอกตรงๆว่า เค้าทำให้เราขยาด
เพราะฉนั้นเราจึงยอมรับคำขอโทษของเค้า แต่เราไม่กล้าจะกลับไปเป็นลูกค้าร้านนี้อีกแล้ว
ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นผู้หญิงโลกสวยที่ใครจะมาแตะต้องอะไรไม่ได้ แต่เราก็อยากเลือกความสบายใจ
เราอยากเลือกเป็นผู้บริโภคที่มีศักดิ์ศรี เพราะถึงแม้เราจะอยากซื้อของถูก แต่เราก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างคนที่เคารพและให้เกียรติกัน
เราไม่ได้เป็นขโมย เรามีเงินจ่ายค่าสินค้า ซึ่งการซื้อของที่ราคาต่ำลงไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องถูกลดทอนศักดิ์ศรีให้ต่ำลง
ทุกวันนี้ เราเลือกซื้อสินค้าจากร้านอื่น และถ้าร้านไหน สาขาไหนที่พนักงานมีพฤติกรรมดูถูกเหยียดหยามไม่ให้เกียรติลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นทางสายตา กิริยา น้ำเสียง คำพูด หรือการให้คำแนะนำที่พูดไปส่งๆเพียงเพราะอยากได้ยอดขาย เราไม่นิยม เราไม่ซื้อค่ะ
เรายอมระงับความอยากได้ แล้วเสียเวลา เสียเงินเพิ่มไปซื้อที่อื่น ซึ่งบางครั้งถ้าเราเจอพนักงานที่ให้บริการดี เราก็อาจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นได้
เหตุการณ์นี้อาจทำให้ร้านนี้เสียลูกค้าไป 1 คน แต่ถ้ามันเคยเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง ก็เท่ากับว่าคุณมีโอกาสเสียลูกค้าไปเท่าๆกับจำนวนครั้งนั้น
+++ เราคิดอยู่นานค่ะว่า จะโพสเรื่องนี้ดีไหม เพราะเราก็ไม่ได้มีเจตนาจะลดทอน credit ของร้านแต่อย่างใด
ลูกค้าเล็กๆอย่างเราคนเดียว คงไม่สามารถไปทำให้ร้านที่มีชื่อเสียงขนาดนี้สะเทือนได้
แค่อยากเล่าสู่กันฟังถึงความคิดจิตใจของลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ต่ำต้อยด้อยค่าจนถึงกับต้องยอมให้คนที่ไม่รู้จักกันมาดูถูก...ก็เท่านั้น
จากใจลูกค้าที่มีชีวิตจิตใจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และไม่สมควรจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามใดๆทั้งสิ้น
เค้าไม่ได้อคติและคิดไปเอง เค้าไม่ได้เป็นคู่แข่งทางการค้าที่สร้างเรื่องเพื่อทำลายคุณ
แต่เค้าคือลูกค้าที่มีชีวิตจิตใจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ที่ไม่สมควรจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามใดๆทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะจากพนักงานขายหรือจากเจ้าของร้าน
เรื่องซึ่งเราพยายามลืมและทำใจกับมันนี้เกิดขึ้นปลายๆปีที่แล้ว ที่ร้านเครื่องสำอางแห่งหนึ่งใกล้ที่เรียนของเรา
เรายอมรับว่าเกิดมาจนอายุจะเข้าเลข 4 ไม่เคยรู้สึก upset เพราะคนแปลกหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย
เราเป็นลูกค้าร้านนี้ตั้งแต่วันแรกๆที่เปิด รู้ข่าวจาก internet เลยชวนเพื่อนๆไป เพราะมีของที่เรากำลังอยากได้และมันลดราคา
ครั้งแรก - เราเจอพนักงาน SKII ตอบเหวี่ยงๆว่า size เล็กที่เราถามหาหมดแล้ว มีแต่ size ใหญ่
(โอเค เราพยายามเข้าใจ ของถูกมันย่อมขายดี แต่ก็แอบคิดว่าเพิ่งเปิดร้านไม่กี่วันเนี่ยนะ หมดไวจัง)
- เราถามพนักงานน้ำหอมว่า มี Tester มั้ย แต่เธอมองหน้าเหมือนเราถามคำถามที่ไม่มีใครเค้าถามกัน
ครั้งนั้นเรากับเพื่อนเก็บความรู้สึกแปลกๆไว้ เพราะความสนใจในร้านเปิดใหม่มันมีมากกว่า
วันนั้นเรากับเพื่อนได้ของกันไปคนละ 2-3 ชิ้น และทำบัตรสมาชิกกันด้วย เพราะพอใจราคาและความครบครัน
ที่มาร้านเดียวแล้วเลือกของได้หลากหลายแบรนด์ จึงตั้งใจจะเป็นลูกค้าอีกเพราะเราก็ต้องเข้าคณะฯเป็นประจำอยู่แล้ว
ครั้งที่สอง เราไปคนเดียว อยากได้ของ 2-3 ชิ้น และบันทึก No. กับชื่อสินค้าไว้ในโทรศัพท์มือถือ
ตอนนั้นร้านน่าจะเพิ่งเปิดไม่นาน พอก้าวเข้าร้าน เราหยิบโทรศัพท์มากดดูที่บันทึกไว้
เรามั่นใจว่าเราถือโทรศัพท์ในแนวนอนแล้วกดดู ไม่ได้ยกขึ้นเป็นแนวตั้งเหมือนกำลังจะถ่ายรูป
พอกำลังจะเก็บโทรศัพท์ ได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนมาว่า "ลูกค้าถ่ายรูปไม่ได้นะ" แล้วเจ้าตัวก็ปราดเข้ามาพูดซ้ำอีกรอบ
พนักงานทั้งร้านหันมามองเราเป็นตาเดียว เรายอมรับว่าตกใจและงงมาก เพราะเราไม่เคยมีความคิดอยู่ในหัวเลยว่าจะถ่ายรูป
เราตอบไปว่า "ไม่ได้ถ่ายค่ะ" ผู้ชายคนนั้นพูดสวนมาว่า "ไม่ได้ถ่ายยังไงก็ผมเห็น" เราปฏิเสธอีก
เค้าก็เถียงกลับมาว่าเค้าเห็น และมันเป็นกฎของร้านที่ห้ามถ่ายรูป เราเลยบอกว่า "พี่ทราบค่ะว่ามันเป็นมารยาท
แล้วพี่ก็ไม่เคยคิดจะทำ พี่จดชื่อของที่จะซื้อไว้เลยเอาขึ้นมาดู เดี่ยวพี่ให้ดูเลยค่ะ แล้วก็เช็คกล้องได้เลยว่าไม่ได้ถ่าย"
แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าไม่ต้อง เค้าไม่ดู ตอนนั้นเราใจสั่นมือสั่นไปหมด ทั้งโกรธทั้งอาย รู้สึกว่าโดนดูถูกมาก
คือถ้าเค้าพูดดีๆ ไม่ตะโกน ไม่เถียง เราคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้ เราเองก็อาวุโสไม่น้อย แต่งตัวสุภาพ และที่สำคัญคือ เราตั้งใจมาเป็นลูกค้า !
ตอนนั้นไม่อยากซื้อของแล้วค่ะ อยากออกไปจากตรงนั้น แต่อยากพิทักษ์ศักดิ์ศรีของตัวเอง
เราเลยพูดว่า "พี่ตกใจหมดเลยค่ะ" แล้วตัดสินยืนเลือกของใกล้ๆเคาท์เตอร์แคชเชียร์ที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปนั่งหลังจากที่เถียงกับเรา
พยายามข่มใจตัวเอง เพราะคิดว่า ถ้าเราเดินออกจากร้านไปในตอนนั้น เค้าต้องเชื่อความคิดของตัวเองว่าเราทำอย่างที่เค้ากล่าวหา
สักพักได้ยินเค้าพูดมาจากตรงนั้นว่า "ถ้างั้นก็ขอโทษนะครับ" เราเลยหันกลับไปตอบสั้นๆว่า "ไม่เป็นไรค่ะ"
เห็นหน้าเค้าเฉยมากจนดูไม่ไปด้วยกันกับคำพูด เราหยิบของได้ 1 ชิ้นก็จ่ายเงินเดินออกจากร้านไปด้วยความเสียใจ
ผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นใครสักคนที่มีความสำคัญกับร้านก็ได้นะคะ แล้วถ้าเค้าได้อ่านกระทู้นี้ เค้าอาจจะจำได้ก็ได้ค่ะ
เราคิดว่าการที่เค้าขอโทษนั้นถือเป็นเรื่องที่เราสมควรให้อภัย แต่บอกตรงๆว่า เค้าทำให้เราขยาด
เพราะฉนั้นเราจึงยอมรับคำขอโทษของเค้า แต่เราไม่กล้าจะกลับไปเป็นลูกค้าร้านนี้อีกแล้ว
ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นผู้หญิงโลกสวยที่ใครจะมาแตะต้องอะไรไม่ได้ แต่เราก็อยากเลือกความสบายใจ
เราอยากเลือกเป็นผู้บริโภคที่มีศักดิ์ศรี เพราะถึงแม้เราจะอยากซื้อของถูก แต่เราก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างคนที่เคารพและให้เกียรติกัน
เราไม่ได้เป็นขโมย เรามีเงินจ่ายค่าสินค้า ซึ่งการซื้อของที่ราคาต่ำลงไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องถูกลดทอนศักดิ์ศรีให้ต่ำลง
ทุกวันนี้ เราเลือกซื้อสินค้าจากร้านอื่น และถ้าร้านไหน สาขาไหนที่พนักงานมีพฤติกรรมดูถูกเหยียดหยามไม่ให้เกียรติลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นทางสายตา กิริยา น้ำเสียง คำพูด หรือการให้คำแนะนำที่พูดไปส่งๆเพียงเพราะอยากได้ยอดขาย เราไม่นิยม เราไม่ซื้อค่ะ
เรายอมระงับความอยากได้ แล้วเสียเวลา เสียเงินเพิ่มไปซื้อที่อื่น ซึ่งบางครั้งถ้าเราเจอพนักงานที่ให้บริการดี เราก็อาจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นได้
เหตุการณ์นี้อาจทำให้ร้านนี้เสียลูกค้าไป 1 คน แต่ถ้ามันเคยเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง ก็เท่ากับว่าคุณมีโอกาสเสียลูกค้าไปเท่าๆกับจำนวนครั้งนั้น
+++ เราคิดอยู่นานค่ะว่า จะโพสเรื่องนี้ดีไหม เพราะเราก็ไม่ได้มีเจตนาจะลดทอน credit ของร้านแต่อย่างใด
ลูกค้าเล็กๆอย่างเราคนเดียว คงไม่สามารถไปทำให้ร้านที่มีชื่อเสียงขนาดนี้สะเทือนได้
แค่อยากเล่าสู่กันฟังถึงความคิดจิตใจของลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ต่ำต้อยด้อยค่าจนถึงกับต้องยอมให้คนที่ไม่รู้จักกันมาดูถูก...ก็เท่านั้น