1 ยอห์น 1:1-10
คำพยานส่วนตัวของยอห์นเกี่ยวกับพระคริสต์
1:1 ซึ่งได้ทรงเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งเราทั้งหลายได้ยิน ซึ่งเราได้เห็นกับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรา เกี่ยวกับพระวาทะแห่งชีวิต
1:2 (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดา และได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย)
การมีสามัคคีธรรมกับพระบิดาและพระบุตรนำมาซึ่งความยินดีอันเต็มเปี่ยม
1:3 ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้นเราก็ได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา แท้จริงเราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์
1:4 และเราเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลาย เพื่อความยินดีของท่านจะได้เต็มเปี่ยม
บาปที่ไม่ได้สารภาพและชำระเสียก็ขัดขวางการสามัคคีธรรมกับพระเจ้า
1:5 แล้วนี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และประกาศแก่ท่านทั้งหลาย คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดอยู่ในพระองค์เลย
1:6 ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์ และยังดำเนินอยู่ในความมืด เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง
1:7 แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น
1:8 ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย
พระสัญญาเกี่ยวกับการสารภาพบาป
1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
1:10 ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป ก็เท่ากับว่าเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา และพระดำรัสของพระองค์ก็มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย
--------------------
เมื่อใดที่กองถ่ายรายการโทรทัศน์เดย์ ออฟดิสคัฟเวอรี สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวประวัติบุคคล พวกเราจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษที่ได้พูดคุยกับคนที่รู้จักบุคคลเจ้าของชีวประวัติที่เรากำลังทำรายการอยู่ ตลอดหลายปี เราได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งที่เคยพักอยู่ห้องเดียวกับอีริคลิดเดลในค่ายกักกันที่ประเทศจีน ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยอยู่ในบ้านของซี. เอส. ลูอิสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสมัยที่เธอยังเป็นวัยรุ่น และชายอีกคนหนึ่งที่เคยขับรถให้ ดร.จอร์จ วอชิงตันคาร์เวอร์ เมื่อท่านเดินทางไปบรรยายทั่วภาคใต้ของสหรัฐ คนเหล่านี้พูดถึงบุคคลพิเศษที่พวกเขารู้จักอย่างสบายใจและตรงไปตรงมา
เมื่อยอห์น ซึ่งเป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนของพระเยซูอายุมากแล้ว ท่านได้เขียนจดหมายที่มีคำขึ้นต้นบอกให้เรารู้ว่า ท่านเป็นคนที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับพระเยซู “และชีวิตนั้นได้ปรากฏและเราได้เห็นและเป็นพยานและประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลายชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดาและได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย” (1 ยอห์น 1:2) จุดประสงค์ในการเขียนของท่านคือ“เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเราเราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีกับพระบิดาและกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค” (1 ยอห์น 1:3) และ “เพื่อความปลาบปลื้มยินดีของเราจะได้เต็มเปี่ยม” (1 ยอห์น 1:4)
คำพยานจากสาวกของพระเยซูช่วยนำเรามาถึงความเชื่อในพระคริสต์ แม้เราไม่ได้เห็นพระองค์เหมือนอย่างที่พวกท่านได้เห็น แต่เราก็เชื่อ – DCM
ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่เราได้อ่านเรื่องราวในพระคำ
ของพระองค์ เป็นเรื่องของพยานที่เชื่อถือได้ ซึ่งบอกเล่าถึงชีวิตของพระเยซู
และขอบพระคุณพระองค์สำหรับผู้คนในชีวิตของเราที่รู้จักกับพระองค์
พวกเขาช่วยให้เราเชื่อวางใจด้วยเช่นกัน
ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข – พระเยซู
-------------------------
พันธกิจมานาประจำวัน (วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2013)
http://www.rbcthailand.org/odb/2013/01/11
[มานาประจำวัน] ผู้เห็นเหตุการณ์ (ของพระเยซู)
คำพยานส่วนตัวของยอห์นเกี่ยวกับพระคริสต์
1:1 ซึ่งได้ทรงเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งเราทั้งหลายได้ยิน ซึ่งเราได้เห็นกับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรา เกี่ยวกับพระวาทะแห่งชีวิต
1:2 (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดา และได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย)
การมีสามัคคีธรรมกับพระบิดาและพระบุตรนำมาซึ่งความยินดีอันเต็มเปี่ยม
1:3 ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้นเราก็ได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา แท้จริงเราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์
1:4 และเราเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลาย เพื่อความยินดีของท่านจะได้เต็มเปี่ยม
บาปที่ไม่ได้สารภาพและชำระเสียก็ขัดขวางการสามัคคีธรรมกับพระเจ้า
1:5 แล้วนี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และประกาศแก่ท่านทั้งหลาย คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดอยู่ในพระองค์เลย
1:6 ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์ และยังดำเนินอยู่ในความมืด เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง
1:7 แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น
1:8 ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย
พระสัญญาเกี่ยวกับการสารภาพบาป
1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
1:10 ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป ก็เท่ากับว่าเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา และพระดำรัสของพระองค์ก็มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย
--------------------
เมื่อใดที่กองถ่ายรายการโทรทัศน์เดย์ ออฟดิสคัฟเวอรี สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวประวัติบุคคล พวกเราจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษที่ได้พูดคุยกับคนที่รู้จักบุคคลเจ้าของชีวประวัติที่เรากำลังทำรายการอยู่ ตลอดหลายปี เราได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งที่เคยพักอยู่ห้องเดียวกับอีริคลิดเดลในค่ายกักกันที่ประเทศจีน ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยอยู่ในบ้านของซี. เอส. ลูอิสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสมัยที่เธอยังเป็นวัยรุ่น และชายอีกคนหนึ่งที่เคยขับรถให้ ดร.จอร์จ วอชิงตันคาร์เวอร์ เมื่อท่านเดินทางไปบรรยายทั่วภาคใต้ของสหรัฐ คนเหล่านี้พูดถึงบุคคลพิเศษที่พวกเขารู้จักอย่างสบายใจและตรงไปตรงมา
เมื่อยอห์น ซึ่งเป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนของพระเยซูอายุมากแล้ว ท่านได้เขียนจดหมายที่มีคำขึ้นต้นบอกให้เรารู้ว่า ท่านเป็นคนที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับพระเยซู “และชีวิตนั้นได้ปรากฏและเราได้เห็นและเป็นพยานและประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลายชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดาและได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย” (1 ยอห์น 1:2) จุดประสงค์ในการเขียนของท่านคือ“เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเราเราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีกับพระบิดาและกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค” (1 ยอห์น 1:3) และ “เพื่อความปลาบปลื้มยินดีของเราจะได้เต็มเปี่ยม” (1 ยอห์น 1:4)
คำพยานจากสาวกของพระเยซูช่วยนำเรามาถึงความเชื่อในพระคริสต์ แม้เราไม่ได้เห็นพระองค์เหมือนอย่างที่พวกท่านได้เห็น แต่เราก็เชื่อ – DCM
ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่เราได้อ่านเรื่องราวในพระคำ
ของพระองค์ เป็นเรื่องของพยานที่เชื่อถือได้ ซึ่งบอกเล่าถึงชีวิตของพระเยซู
และขอบพระคุณพระองค์สำหรับผู้คนในชีวิตของเราที่รู้จักกับพระองค์
พวกเขาช่วยให้เราเชื่อวางใจด้วยเช่นกัน
ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข – พระเยซู
-------------------------
พันธกิจมานาประจำวัน (วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2013)
http://www.rbcthailand.org/odb/2013/01/11