ขอประณามนโยบายของTrue Move ที่เอื้อประโยชน์ให้มิจฉาชีพ รวมถึงการบริการและการแก้ไขปัญหาที่ห่วยแตก ไร้ความรับผิดชอบ
เรื่องที่จะเล่าให้พี่ๆเพื่อนๆทุกคนฟังนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่งเพื่อดิสเครดิต สามารถใส่ชื่อของเจ้าหน้าที่ทุกคนได้แต่กลัวว่าจะมีผลทางกฎหมาย ดิฉันได้แจ้งความแล้วและอยากจะมาเตือนให้ทุกคนช่วยกันป่าวประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่านโยบายการเปิดใช้บริการของTrue move เต็มไปด้วยความหละหลวมนำมาซึ่งความเสียหายให้กับเราๆท่านๆได้
วันที่4-01-13 คุณพ่อได้รับใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์จากทรูมูฟ มีการแจ้งยอดค้างชำระรายเดือนจากการใช้เน็ทซิม899ที่มีกำหนดจ่ายในวันที่9-01-13 เพราะไม่เคยใช้บริการกับทรูมูฟมาก่อนจึงรีบโทรไปสอบถามทันทีที่เบอร์1331 ทางทรูมูฟยืนยันว่าผู้เปิดใช้คือคุณพ่อเราเพราะมีสำเนาบัตรประชาชนยืนยันการเปิด แต่คุณพ่อเราไม่เคยใช้บริการกับทรูมูฟมาก่อน เบอร์ที่โชว์ในใบแจ้งหนี้ก็ไม่ใช่ของคุณพ่อเรา คุณพ่อเรากลัวว่าถ้าไม่รีบจับตัวผู้แอบอ้าง คนๆนั้นอาจเอาบัตรประชาชนไปทำนิติกรรมด้านอื่นซึ่งจะสร้างความเดือนร้อนให้ในอนาคต
ทางแผนกบริการรับเรื่องไว้และจะแจ้งให้ดำเนินการต่อ ภายในวันนั้นพนักงานคนเดิมโทรกลับมาหาสองครั้งครั้งแรกแจ้งว่าโทรมาเพื่อยืนยันว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เราได้ให้ไว้เพื่อใช้ติดต่อถูกต้องหรือเปล่า ครั้งที่สองโทรมาแจ้งว่าได้ลองโทรไปยังเบอร์โทรศัพท์ตามใบแจ้งหนี้และได้มีการพูดคุยกัน คนแอบอ้างซึ่งก็คือมิจฉาชีพบอกว่าตนเองชื่อฐิติยาพรเป็นคนใช้เบอร์นี้อยู่ ทางพนักงานไม่กล้าถามนามสกุลของอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าหากเป็นมิจฉาชีพจะไหวตัวทัน และได้โทรกลับมาหาเราเพื่อสอบถามว่ารู้จักคนชื่อนี้หรือเปล่า ซึ่งเราได้ยืนยันกลับไปว่าไม่เคยรู้จัก ทางพนักงานจึงบอกว่าจะแจ้งให้แผนกที่รับผิดชอบเรื่องนี้จัดการต่อเพราะเกินหน้าที่ของตนจะจัดการได้และจะให้ทางนั้นโทรกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง โดยจะระบุเป็นเคสเร่งด่วนให้
แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มีใครโทรมาเราจึงได้โทรกลับไปอีกครั้งและต้องเล่าเรื่องเดิมๆตั้งแต่ต้นให้พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าฟังซ้ำๆก็ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด จนเราต้องขอพูดกับพนักงานคนแรกที่รับเรื่องซึ่งได้ช่วยอย่างเต็มที่จนกระทั่ง ตอนเย็นฝ่ายตรวจสอบได้โทรกลับมาหาแจ้งว่าได้มีการโทรไปยังเบอร์ของคนแอบอ้างอีกครั้งและได้พูดคุยกัน ทางผู้แอบอ้างแจ้งว่าตนชื่อบา (เป็นผู้หญิง) เป็นญาติกับคุณพ่อและสนิทกับแม่(ซึ่งในความเป็นจริงคือไม่ได้รู้จักเลย) ฝ่ายตรวจสอบได้บอกกับผู้แอบอ้างว่าถ้าเป็นญาติจริงให้รีบติดต่อกลับไปหาผู้เสียหาย เพราะทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้แล้ว
ฝ่ายตรวจสอบโทรกลับมาเพื่อสอบถามว่าคนแอบอ้างโทรกลับมาหรือเปล่า เมื่อได้รับการยืนยันจากเราว่าไม่รู้จักและไม่ได้รับโทรศัพท์แต่อย่างใด ฝ่ายตรวจสอบจึงบอกว่าจะลองโทรกลับไปอีกครั้ง โดยที่พนักงานคนนั้นคาดว่าถ้าหากทางโน้นปิดโทรศัพท์แสดงว่าแอบอ้างจริง และก็เป็นไปตามคาด ทางผู้แอบอ้างปิดโทรศัพท์ไปแล้ว ฝ่ายตรวจสอบจึงโทรกลับมาหาเราเพื่อแจ้งเรื่องนี้และเชื่อว่าคุณพ่อถูกแอบอ้างจริง
เราได้สอบถามทางพนักงานคนนี้ว่าทางทรูมูฟเจอปัญหาแบบนี้บ่อยไม๊ และก็ต้องตกใจผสมกับโมโหเมื่อเจอคำตอบว่าทางทรูมูฟกำลังพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อยู่ แต่แก้ได้ยากมากเพราะ.................
“คนที่จะซื้อซิมของทรูมูฟแค่มีสำเนาบัตรประชาชนใบเดียวก็ซื้อได้ โดยที่ไม่จำเป็น (ขอเน้นว่า)ไม่จำเป็นที่ใบหน้าบนสำเนาจะต้องตรงกับผู้ซื้อแต่อย่างใด อีกทั้งยังบอกว่าตัวแทนของทรูมูฟมีทั้งดีไม่ดี การควบคุมค่อนข้างลำบาก” (เราจึงกลับมาคิดว่าได้เอาสำเนาบัตรประชาชนของพ่อไปติดต่อธุรกรรมอะไรบ้าง ซึ่งไม่ลำบากในการจดจำเพราะพ่อเราไม่ได้ทำงานแล้วและครั้งเดียวที่ใช้สำเนาบัตรในรอบปี55คือไปยื่นกับทางประกันสังคมเพื่อรับเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งได้มีการขีดคร่อมและลงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่านำไปทำอะไร)
ผู้ตรวจสอบบอกว่าจะรีบดำเนินการให้และจะประสานงานกับศูนย์ทรูมูฟในจังหวัดของผู้เสียหายให้ดึงข้อมูลการโทรของผู้แอบอ้างมาให้เพื่อผู้เสียหายจะได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม แต่ติดที่ว่าวันที่เกิดเหตุเป็นวันศุกร์ บริษัทหยุดทำการวันเสาร์และอาทิตย์จึงจะขอติดต่อกลับวันจันทร์
แต่วันจันทร์ไม่มีการโทรกลับ วันอังคารเราโทรกลับไปและก็เจอเหตุการณ์เดิมๆคือต้องเริ่มเล่าเรื่องใหม่ตั้งแต่ต้นให้พนักงานแผนกบริการฟังก่อนจะแจ้งว่าเดี๋ยวจะให้ผู้รับผิดชอบโทรกลับมา และก็มีพนักงานรับผิดชอบโทรกลับมาจริงๆ แต่......กลับไม่ให้ข้อมูลอะไรที่เป็นสาระเลยแม้แต่นิดเดียว เราถามว่าเรื่องดำเนินการถึงไหนแล้ว ฝ่ายนั้นตอบว่ากำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการอยู่ เราเลยถามว่าแล้วถึงไหนแล้ว ฝ่ายนั้นตอบว่าถึงฝ่ายเร่งรัดหนี้สินจัดการแล้ว เราอดคิดไม่ได้ว่า ในเมื่อวันศุกร์ได้คุยกับฝ่ายตรวจสอบแล้ว เรื่องการเร่งรัดหนี้สินน่าจะข้ามไปได้แล้วไม่ใช่หรือ สรุปนี่พ่อยังเป็นหนี้จากระเบียบการเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่เอื้อประโยชน์ให้มิจฉาชีพอย่างนั้นหรือ เราขอชื่อพนักงานฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายนั้นกลับบอกว่าไม่มีข้อมูลเก็บไว้ มีแต่ข้อมูลที่ลูกค้าโทรเข้าเท่านั้น หลังจากนั้นถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้ ไม่รู้ และยังบอกว่าถ้าเราโทรมาอีกก็ยังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินงานขั้นตอนนี้อยู่ เราบอกว่าจะไม่ให้โทรมาได้ยังไงในเมื่อคนเดือนร้อนคือพ่อเรา แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่สนใจ เราถามไปว่าแล้วที่บอกจะให้ศูนย์หาข้อมูลให้เล่า ฝ่ายนั้นตอบว่าถ้าเราอยากได้ข้อมูลให้ไปที่ศูนย์เอง คราวนี้อารมณ์เราชักไม่ปกติจึงโต้กลับไปว่าแล้วมันเป็นเรื่องที่ชั้นต้องทำหรือเปล่า ชั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องระหว่างฝ่ายคุณกับผู้แอบอ้างไม่ใช่เหรอ ชั้นเป็นผู้เสียหายจากระบบไร้ซึ่งความปลอดภัยของพวกคุณ พวกคุณควรจะรับผิดชอบมากกว่านี้ไหม หรือเห็นว่าเราไม่ใช่ลูกค้าเลยบริการกันแบบนี้ ไม่คิดหรือว่าตอนนี้อาจยังไม่ใช้บริการกัน แต่ต่อไปในอนาคตมันก็ไม่แน่ แต่ถ้าได้รับบริการแบบนี้แล้ว คงไม่คิดใช้บริการของทรูมูฟแน่นอน
ทางนั้นพูดคำเดิม ประโยคเดียวกับที่ได้ยินตั้งแต่เกิดเรื่อง เดี๋ยวจะให้พนักงานฝ่ายรับผิดชอบโทรกลับมาหาเรา ผ่านไปหนึ่งวันก็ยังไม่มีใครโทรมาตามเคย จนกระทั่งวันนี้วันที่10-01-13 เราโทรกลับไปหา1331 ศูนย์บริการและต้องทำแบบเดิมๆคือเล่าตั้งแต่ต้น แต่โชคดีคราวนี้เจอคนที่พูดจารู้เรื่องต่อสายให้คุยกับฝ่ายที่รับผิดชอบซึ่งคุยรู้เรื่องเช่นกัน พนักงานท่านนั้นแสดงความเห็นใจและยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการประสานงานอย่างเต็มที่โดยเราก็ได้ทำการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ฟังอีกครั้ง(ถึงตรงนี้จะ 10 รอบแล้ว) และได้รับรู้ว่าข้อมูลที่พนักงานของบริษัทโทรกลับหาลูกค้านั้นก็ถูกทำการบันทึกไว้ด้วย แล้วทำไมพนักงานคนก่อนถึงพูดอีกอย่าง ทำไมถึงบอกว่าไม่มีชื่อของฝ่ายตรวจสอบ โกหกกันทำไม
พนักงานที่แสดงความกรุณาท่านสุดท้ายบอกว่าเรื่องของเราเป็นเรื่องเร่งด่วน (ด่วนมากค่ะ จากวันที่ 4/1/56 – 10/1/56 ค่ะด่วนค่ะ)จะรีบดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ และไม่นานก็เป็นพนักงานฝ่ายตรวจสอบคนเดิมคนที่นัดว่าจะให้ข้อมูลในวันจันทร์และหายเข้ากลีบเมฆโทรกลับมาบอกว่าพิสูจน์แล้วว่าทางผู้เสียหายโดนแอบอ้างจริงและได้ยกเลิกบิลใบแจ้งหนี้ให้เรียบร้อย เราฟังแล้วอึ้ง แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก วันจันทร์จนถึงวันพฤหัส คุณมีเวลาตั้งเยอะ ทำไมไม่โทรมาแจ้ง แค่ยกหูโทรศัพท์มันลำบากนักหรือ พวกคุณสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แต่กลับนิ่งเฉยอยู่ได้ ทำแบบนี้ได้อย่างไงกัน
เราขอเอกสารเป็นลายลักษณ์เรื่องการยกเลิกใบแจ้งหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตามทวงหนี้ที่ไม่ใช่ของพ่อเราในอนาคต พนักงานฝ่ายตรวจสอบกับอิดออดบอกได้บันทึกลงในคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว (อ้าว เวลาคุณแจ้งยอดหนี้อันไม่เป็นธรรมกับผู้อื่น คุณยังแจ้งเป็นจดหมายได้ เวลาคุณยกเลิกหนี้อันเกิดจากความผิดพลาดของคุณ ทำไมถึงทำเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้ ใครเค้าจะไว้ใจ ขนาดถามแค่ชื่อพนักงานยังโกหกว่าตรวจสอบไม่ได้กันเลย)
เมื่อเราไม่ยอม ทุกอย่างจึงยุติลงที่เราสามารถไปรับใบแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรที่ศูนย์ทรูมูฟได้ แต่....ไม่สามารถดึงข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ในการจับกุมคนร้ายให้กับเราได้ แม้แต่บัตรประชาชนของพ่อเราซึ่งพ่อเป็นเจ้าของและโดนนำไปใช้โดยมิจฉาชีพถ้าจะขอยังต้องไปแจ้งความและทำเรื่องแบบเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“อยากถามผู้ออกนโยบายการเปิดบริการหน่อยค่ะ ว่าการเปิดบริการที่ง่ายดายแบบนี้ ท่านกำลังเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพโดยที่ท่านไม่รู้ตัว หรือท่านรู้ว่ามันจะมีปัญหาแต่มันก็ดีจะได้เรียกเก็บเงินได้เพิ่มมากขึ้นกันแน่คะ โดยไม่ต้องสนใจว่าคนที่เปิดบริการเค้าเป็นเจ้าของบัตรหรือขโมยเค้ามา”
True Move กับนโยบายเอื้อประโยชน์ให้มิจฉาชีพ ระวังคุณจะเป็นรายต่อไป
เรื่องที่จะเล่าให้พี่ๆเพื่อนๆทุกคนฟังนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่งเพื่อดิสเครดิต สามารถใส่ชื่อของเจ้าหน้าที่ทุกคนได้แต่กลัวว่าจะมีผลทางกฎหมาย ดิฉันได้แจ้งความแล้วและอยากจะมาเตือนให้ทุกคนช่วยกันป่าวประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่านโยบายการเปิดใช้บริการของTrue move เต็มไปด้วยความหละหลวมนำมาซึ่งความเสียหายให้กับเราๆท่านๆได้
วันที่4-01-13 คุณพ่อได้รับใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์จากทรูมูฟ มีการแจ้งยอดค้างชำระรายเดือนจากการใช้เน็ทซิม899ที่มีกำหนดจ่ายในวันที่9-01-13 เพราะไม่เคยใช้บริการกับทรูมูฟมาก่อนจึงรีบโทรไปสอบถามทันทีที่เบอร์1331 ทางทรูมูฟยืนยันว่าผู้เปิดใช้คือคุณพ่อเราเพราะมีสำเนาบัตรประชาชนยืนยันการเปิด แต่คุณพ่อเราไม่เคยใช้บริการกับทรูมูฟมาก่อน เบอร์ที่โชว์ในใบแจ้งหนี้ก็ไม่ใช่ของคุณพ่อเรา คุณพ่อเรากลัวว่าถ้าไม่รีบจับตัวผู้แอบอ้าง คนๆนั้นอาจเอาบัตรประชาชนไปทำนิติกรรมด้านอื่นซึ่งจะสร้างความเดือนร้อนให้ในอนาคต
ทางแผนกบริการรับเรื่องไว้และจะแจ้งให้ดำเนินการต่อ ภายในวันนั้นพนักงานคนเดิมโทรกลับมาหาสองครั้งครั้งแรกแจ้งว่าโทรมาเพื่อยืนยันว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เราได้ให้ไว้เพื่อใช้ติดต่อถูกต้องหรือเปล่า ครั้งที่สองโทรมาแจ้งว่าได้ลองโทรไปยังเบอร์โทรศัพท์ตามใบแจ้งหนี้และได้มีการพูดคุยกัน คนแอบอ้างซึ่งก็คือมิจฉาชีพบอกว่าตนเองชื่อฐิติยาพรเป็นคนใช้เบอร์นี้อยู่ ทางพนักงานไม่กล้าถามนามสกุลของอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าหากเป็นมิจฉาชีพจะไหวตัวทัน และได้โทรกลับมาหาเราเพื่อสอบถามว่ารู้จักคนชื่อนี้หรือเปล่า ซึ่งเราได้ยืนยันกลับไปว่าไม่เคยรู้จัก ทางพนักงานจึงบอกว่าจะแจ้งให้แผนกที่รับผิดชอบเรื่องนี้จัดการต่อเพราะเกินหน้าที่ของตนจะจัดการได้และจะให้ทางนั้นโทรกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง โดยจะระบุเป็นเคสเร่งด่วนให้
แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มีใครโทรมาเราจึงได้โทรกลับไปอีกครั้งและต้องเล่าเรื่องเดิมๆตั้งแต่ต้นให้พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าฟังซ้ำๆก็ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แต่อย่างใด จนเราต้องขอพูดกับพนักงานคนแรกที่รับเรื่องซึ่งได้ช่วยอย่างเต็มที่จนกระทั่ง ตอนเย็นฝ่ายตรวจสอบได้โทรกลับมาหาแจ้งว่าได้มีการโทรไปยังเบอร์ของคนแอบอ้างอีกครั้งและได้พูดคุยกัน ทางผู้แอบอ้างแจ้งว่าตนชื่อบา (เป็นผู้หญิง) เป็นญาติกับคุณพ่อและสนิทกับแม่(ซึ่งในความเป็นจริงคือไม่ได้รู้จักเลย) ฝ่ายตรวจสอบได้บอกกับผู้แอบอ้างว่าถ้าเป็นญาติจริงให้รีบติดต่อกลับไปหาผู้เสียหาย เพราะทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้แล้ว
ฝ่ายตรวจสอบโทรกลับมาเพื่อสอบถามว่าคนแอบอ้างโทรกลับมาหรือเปล่า เมื่อได้รับการยืนยันจากเราว่าไม่รู้จักและไม่ได้รับโทรศัพท์แต่อย่างใด ฝ่ายตรวจสอบจึงบอกว่าจะลองโทรกลับไปอีกครั้ง โดยที่พนักงานคนนั้นคาดว่าถ้าหากทางโน้นปิดโทรศัพท์แสดงว่าแอบอ้างจริง และก็เป็นไปตามคาด ทางผู้แอบอ้างปิดโทรศัพท์ไปแล้ว ฝ่ายตรวจสอบจึงโทรกลับมาหาเราเพื่อแจ้งเรื่องนี้และเชื่อว่าคุณพ่อถูกแอบอ้างจริง
เราได้สอบถามทางพนักงานคนนี้ว่าทางทรูมูฟเจอปัญหาแบบนี้บ่อยไม๊ และก็ต้องตกใจผสมกับโมโหเมื่อเจอคำตอบว่าทางทรูมูฟกำลังพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อยู่ แต่แก้ได้ยากมากเพราะ.................
“คนที่จะซื้อซิมของทรูมูฟแค่มีสำเนาบัตรประชาชนใบเดียวก็ซื้อได้ โดยที่ไม่จำเป็น (ขอเน้นว่า)ไม่จำเป็นที่ใบหน้าบนสำเนาจะต้องตรงกับผู้ซื้อแต่อย่างใด อีกทั้งยังบอกว่าตัวแทนของทรูมูฟมีทั้งดีไม่ดี การควบคุมค่อนข้างลำบาก” (เราจึงกลับมาคิดว่าได้เอาสำเนาบัตรประชาชนของพ่อไปติดต่อธุรกรรมอะไรบ้าง ซึ่งไม่ลำบากในการจดจำเพราะพ่อเราไม่ได้ทำงานแล้วและครั้งเดียวที่ใช้สำเนาบัตรในรอบปี55คือไปยื่นกับทางประกันสังคมเพื่อรับเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งได้มีการขีดคร่อมและลงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่านำไปทำอะไร)
ผู้ตรวจสอบบอกว่าจะรีบดำเนินการให้และจะประสานงานกับศูนย์ทรูมูฟในจังหวัดของผู้เสียหายให้ดึงข้อมูลการโทรของผู้แอบอ้างมาให้เพื่อผู้เสียหายจะได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม แต่ติดที่ว่าวันที่เกิดเหตุเป็นวันศุกร์ บริษัทหยุดทำการวันเสาร์และอาทิตย์จึงจะขอติดต่อกลับวันจันทร์
แต่วันจันทร์ไม่มีการโทรกลับ วันอังคารเราโทรกลับไปและก็เจอเหตุการณ์เดิมๆคือต้องเริ่มเล่าเรื่องใหม่ตั้งแต่ต้นให้พนักงานแผนกบริการฟังก่อนจะแจ้งว่าเดี๋ยวจะให้ผู้รับผิดชอบโทรกลับมา และก็มีพนักงานรับผิดชอบโทรกลับมาจริงๆ แต่......กลับไม่ให้ข้อมูลอะไรที่เป็นสาระเลยแม้แต่นิดเดียว เราถามว่าเรื่องดำเนินการถึงไหนแล้ว ฝ่ายนั้นตอบว่ากำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการอยู่ เราเลยถามว่าแล้วถึงไหนแล้ว ฝ่ายนั้นตอบว่าถึงฝ่ายเร่งรัดหนี้สินจัดการแล้ว เราอดคิดไม่ได้ว่า ในเมื่อวันศุกร์ได้คุยกับฝ่ายตรวจสอบแล้ว เรื่องการเร่งรัดหนี้สินน่าจะข้ามไปได้แล้วไม่ใช่หรือ สรุปนี่พ่อยังเป็นหนี้จากระเบียบการเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่เอื้อประโยชน์ให้มิจฉาชีพอย่างนั้นหรือ เราขอชื่อพนักงานฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายนั้นกลับบอกว่าไม่มีข้อมูลเก็บไว้ มีแต่ข้อมูลที่ลูกค้าโทรเข้าเท่านั้น หลังจากนั้นถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้ ไม่รู้ และยังบอกว่าถ้าเราโทรมาอีกก็ยังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินงานขั้นตอนนี้อยู่ เราบอกว่าจะไม่ให้โทรมาได้ยังไงในเมื่อคนเดือนร้อนคือพ่อเรา แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่สนใจ เราถามไปว่าแล้วที่บอกจะให้ศูนย์หาข้อมูลให้เล่า ฝ่ายนั้นตอบว่าถ้าเราอยากได้ข้อมูลให้ไปที่ศูนย์เอง คราวนี้อารมณ์เราชักไม่ปกติจึงโต้กลับไปว่าแล้วมันเป็นเรื่องที่ชั้นต้องทำหรือเปล่า ชั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องระหว่างฝ่ายคุณกับผู้แอบอ้างไม่ใช่เหรอ ชั้นเป็นผู้เสียหายจากระบบไร้ซึ่งความปลอดภัยของพวกคุณ พวกคุณควรจะรับผิดชอบมากกว่านี้ไหม หรือเห็นว่าเราไม่ใช่ลูกค้าเลยบริการกันแบบนี้ ไม่คิดหรือว่าตอนนี้อาจยังไม่ใช้บริการกัน แต่ต่อไปในอนาคตมันก็ไม่แน่ แต่ถ้าได้รับบริการแบบนี้แล้ว คงไม่คิดใช้บริการของทรูมูฟแน่นอน
ทางนั้นพูดคำเดิม ประโยคเดียวกับที่ได้ยินตั้งแต่เกิดเรื่อง เดี๋ยวจะให้พนักงานฝ่ายรับผิดชอบโทรกลับมาหาเรา ผ่านไปหนึ่งวันก็ยังไม่มีใครโทรมาตามเคย จนกระทั่งวันนี้วันที่10-01-13 เราโทรกลับไปหา1331 ศูนย์บริการและต้องทำแบบเดิมๆคือเล่าตั้งแต่ต้น แต่โชคดีคราวนี้เจอคนที่พูดจารู้เรื่องต่อสายให้คุยกับฝ่ายที่รับผิดชอบซึ่งคุยรู้เรื่องเช่นกัน พนักงานท่านนั้นแสดงความเห็นใจและยื่นมือเข้าช่วยเหลือในการประสานงานอย่างเต็มที่โดยเราก็ได้ทำการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ฟังอีกครั้ง(ถึงตรงนี้จะ 10 รอบแล้ว) และได้รับรู้ว่าข้อมูลที่พนักงานของบริษัทโทรกลับหาลูกค้านั้นก็ถูกทำการบันทึกไว้ด้วย แล้วทำไมพนักงานคนก่อนถึงพูดอีกอย่าง ทำไมถึงบอกว่าไม่มีชื่อของฝ่ายตรวจสอบ โกหกกันทำไม
พนักงานที่แสดงความกรุณาท่านสุดท้ายบอกว่าเรื่องของเราเป็นเรื่องเร่งด่วน (ด่วนมากค่ะ จากวันที่ 4/1/56 – 10/1/56 ค่ะด่วนค่ะ)จะรีบดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ และไม่นานก็เป็นพนักงานฝ่ายตรวจสอบคนเดิมคนที่นัดว่าจะให้ข้อมูลในวันจันทร์และหายเข้ากลีบเมฆโทรกลับมาบอกว่าพิสูจน์แล้วว่าทางผู้เสียหายโดนแอบอ้างจริงและได้ยกเลิกบิลใบแจ้งหนี้ให้เรียบร้อย เราฟังแล้วอึ้ง แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก วันจันทร์จนถึงวันพฤหัส คุณมีเวลาตั้งเยอะ ทำไมไม่โทรมาแจ้ง แค่ยกหูโทรศัพท์มันลำบากนักหรือ พวกคุณสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แต่กลับนิ่งเฉยอยู่ได้ ทำแบบนี้ได้อย่างไงกัน
เราขอเอกสารเป็นลายลักษณ์เรื่องการยกเลิกใบแจ้งหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตามทวงหนี้ที่ไม่ใช่ของพ่อเราในอนาคต พนักงานฝ่ายตรวจสอบกับอิดออดบอกได้บันทึกลงในคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว (อ้าว เวลาคุณแจ้งยอดหนี้อันไม่เป็นธรรมกับผู้อื่น คุณยังแจ้งเป็นจดหมายได้ เวลาคุณยกเลิกหนี้อันเกิดจากความผิดพลาดของคุณ ทำไมถึงทำเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้ ใครเค้าจะไว้ใจ ขนาดถามแค่ชื่อพนักงานยังโกหกว่าตรวจสอบไม่ได้กันเลย)
เมื่อเราไม่ยอม ทุกอย่างจึงยุติลงที่เราสามารถไปรับใบแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรที่ศูนย์ทรูมูฟได้ แต่....ไม่สามารถดึงข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ในการจับกุมคนร้ายให้กับเราได้ แม้แต่บัตรประชาชนของพ่อเราซึ่งพ่อเป็นเจ้าของและโดนนำไปใช้โดยมิจฉาชีพถ้าจะขอยังต้องไปแจ้งความและทำเรื่องแบบเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“อยากถามผู้ออกนโยบายการเปิดบริการหน่อยค่ะ ว่าการเปิดบริการที่ง่ายดายแบบนี้ ท่านกำลังเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพโดยที่ท่านไม่รู้ตัว หรือท่านรู้ว่ามันจะมีปัญหาแต่มันก็ดีจะได้เรียกเก็บเงินได้เพิ่มมากขึ้นกันแน่คะ โดยไม่ต้องสนใจว่าคนที่เปิดบริการเค้าเป็นเจ้าของบัตรหรือขโมยเค้ามา”