สวัสดีปีใหม่กันอีกซักครั้งครับ และกลับมาพบกับ Final Review ประจำซีซั่นเช่นเคย ซีซั่นนี้ก็จะยังคงจัดเรียงลำดับตามความสนุกเพลิดเพลินของผมเหมือนเดิม โดยไล่จากเรื่องที่ตามติดน้อยที่สุดไปถึงมากที่สุด โดยมีเรื่องที่ยังไม่จบต้องตามดูต่อในปีหน้าอีกหลายเรื่องเหมือนกัน โดยเรื่องที่อยู่รอดจนถึงสิ้นซีซั่นที่ผ่านมามีทั้งหมด 15 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องที่จบลงด้วยดีแล้ว 8 เรื่อง และยังมีเรื่องที่ยังต้องตามดูกันต่อไปอีก 7 เรื่อง
ป.ล. สามารถตามไปอ่านแบบมีลิงค์สมบูรณ์ได้
ที่นี่นะครับ
อันดับที่ 15: To LOVE-Ru -trouble- Darkness (12 ตอนจบ)
เริ่มกันที่อนิเมะมืดที่สว่างที่สุดในซีซั่นด้วยแสงศีลธรรม ภาคต่อของอนิเมะหลุมดำที่ปรับโครงสร้างดันเด็กๆขึ้นมาเป็นนางเอกเพื่อให้เสี่ยงมากขึ้น บวกกับการเพิ่มตัวร้ายเข้ามาในเรื่อง ก็ถือว่าทำให้มีความลึกในเนื้อหามากขึ้นอีกหน่อยนึง แต่สุดท้ายก็เปิดปลายแบบไม่มีไคลแม็กซ์อยู่ดี สรุปก็เซอร์วิสๆเหมือนเดิมไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
สนุกกว่าภาคแรกแหละ แต่จะสว่างไปไหน
ความเพลิดเพลิน: D
คุณภาพ: 5.0/10
อันดับที่ 14: Hidamari Sketch×Honeycomb (12 ตอนจบ)
อนิเมะหน้าบานสุดชิลที่ลากยาวมาได้ถึงสี่ภาคโดยไม่มีตกเรื่องนี้ก็ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้เช่นเดิม แม้จะไม่ได้มีจุดเด่นอะไรแต่ก็ดูสบายชวนหลับดี มีจุดสังเกตที่ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าคือเหมือนกับจะเห็นฉากอาบน้ำบ่อยขึ้นและรายละเอียดเยอะขึ้น หวังว่ามันคงจะไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกอะไร
ชิลๆเหมือนเดิม
ความเพลิดเพลิน: D+
คุณภาพ: 6.7/10
อันดับที่ 13: Sukitte Ii na yo. (13 ตอนจบ)
จากโชโจมังงะเกี่ยวกับ ทาจิบานะ เมย์ เด็กสาวที่มีประสบการณ์วัยเด็กที่ไม่ดีทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคม จนกระทั่งเธอได้มาพบกับ คุโรซาวะ ยามาโตะ เด็กหนุ่มที่เป็นศูนย์กลางของสังคมที่แตกต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง แต่ยามาโตะกลับสนใจในตัวเมย์ และช่วยดึงเธอจากการปิดกั้นตัวเอง ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ได้ค้นพบความรักและความสุขในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
จริงๆแล้วคอนเซ็ปท์และการออกแบบตัวละครในเรื่องนี้แปลกดี จะถือว่าน่าสนใจในรูปแบบหนึ่งก็ได้ สำหรับอนิเมะแนวนี้มีความรู้สึกว่าทรงผมของตัวละครพิลึกดี (ประมาณว่าทรงนี้มันหล่อตรงไหนฟะ) นอกจากนั้นพฤติกรรมของตัวละครก็ซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะย่อยได้ หลายๆครั้งที่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะตัวละครจะตัดสินใจทำแบบนั้นแบบนี้ แต่กลับทำให้มันเป็นเรื่องยากไปราวกับจะต้องให้มันเกิดเรื่องให้ได้ จุดที่ผมมีปัญหากับเรื่องนี้มากที่สุดก็คือเหตุผลที่ยามาโตะชอบเมย์ โดยไม่เคยมีบอกอย่างชัดเจนนอกจากความว่า "น่ารัก" ซึ่งผมมองว่ามันฟังดูมักง่ายไปหน่อย ราวกับถูกเลือกให้เป็นที่รักก็เพราะว่าเป็นนางเอกแค่นั้น
เคยคิดว่าดูแนวโชโจเยอะพอที่จะเข้าใจถึงแก่นแท้แล้ว แต่คิดผิดถนัด
ความเพลิดเพลิน: C
คุณภาพ: 5.6/10
อันดับที่ 12: Jormungand + Jormungand PERFECT ORDER (24 ตอนจบ)
หนึ่งในอนิเมะที่บู๊กันได้ดุเดือดที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้ เรื่องราวของ โยน่า เด็กหนุ่มที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางควันปืนในฐานะทหารเด็กทำให้เขาเกลียดอาวุธ แต่เมื่อเขาได้มาเจอ โคโค่ เฮคมาเทียร์ นักค้าอาวุธสาวบ้าบิ่นที่เดินทางค้าอาวุธไปรอบโลกพร้อมกับลูกทีมฝีมือเยี่ยมที่เป็นบอดี้การ์ด และได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของวงการ ก็ทำให้เขาไว้ใจติดตามโคโค่ไปเพื่อสานอุดมคติของเธอ
เรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองช่วงการฉาย ในช่วงครึ่งแรกของเรื่องจะเป็นการปูทางให้รู้จักกับบุคลิกของตัวละครแต่ละคน และเน้นไปที่แต่ละภารกิจสาดกระสุนที่ยิงกันตูมตามเอามันส์เข้าว่า ซึ่งตรงส่วนนี้ยอมรับว่าถึงจะมีหลายๆส่วนที่โคตรจะโม้แต่ก็มันส์จริงและได้รายละเอียดในการผลิตค่อนข้างดี แต่โดยรวมมีจุดด้อยที่ขาดการสร้างอารมณ์ร่วมกับตัวละคร ทำให้ลดทอนความน่าสนใจลง ในช่วงครึ่งหลังค่อยขยายเป้าหมายและมุมมองให้เห็นเนื้อแท้ของแต่ละคน จุดที่ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์อยู่ที่ไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ไม่ได้เป็นแอ็กชั่นเลย แต่กลับเป็นการปะทะกันของมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งในตอนจบออกจะกำกวมไปหน่อย แต่อาจจะมองว่าเป็นฉากจบที่ดีด้วยการเปิดช่องให้ผู้ชมได้คิดตามก็ได้ สุดท้ายก็ไม่รู้จะบอกว่าใครเป็นฝ่ายถูกดี
ยิงกันทั้งโม้ทั้งมันส์ ฉากจบเกินคาดนิดหน่อย
ความเพลิดเพลิน: C
คุณภาพ: 7.5/10
อันดับที่ 11: Tonari no Kaibutsu-kun (13 ตอนจบ)
มาถึงโชโจอีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับความรักพิลึกๆของ มิซึทานิ ชิซึคุ เด็กสาวผู้ตั้งเป้าหมายหนึ่งเดียวในชีวิตคือการเรียนให้ได้ผลดีๆและหาเงินให้ได้เยอะๆ เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาเรียนและไม่สนใจการเข้าสังคม จนกระทั่งได้มาเจอกับ โยชิดะ ฮารุ เด็กหนุ่มน็อตหลวมบ้าระห่ำที่ดูภายนอกเหมือนเด็กเกเร แต่ความจริงแล้วมีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีคนคุม การพบกันของทั้งคู่นำไปสู่ความรักวุ่นวายอลวนที่ไม่สามารถคาดเดาได้
จุดที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องนี้อยู่ที่การดำเนินเรื่อง ด้วยบุคลิกและพฤติกรรมของตัวละครเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดหน่อย หลายๆครั้งก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ทำให้เรื่องนี้มีความตื่นเต้นน่าสนใจ แต่ปัญหาจะอยู่ที่จังหวะของเรื่องจะค่อนข้างวุ่นวายเร็วบ้างช้าบ้าง บางครั้งจุดที่น่าจะพีกยังไม่ทันทำอารมณ์ให้ถึงขีดสุดก็ปล่อยให้ผ่านไปซะก่อน ทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบบ้างเวลาที่ดู นอกจากนี้พระเอกนางเอกอยู่ดีๆก็จืดจางไปซะดื้อๆ กลายเป็นนัตสึเมะเด่นขึ้นมาตอนท้ายเรื่อง (ความจริงสำหรับผมถือเป็นเรื่องดี) และปล่อยตอนจบให้ห้วนๆโดยไม่มีบทสรุปอะไร โดยรวมจึงถือว่าดูน่าสนุกดีแต่รวบรัดจนกลายเป็นไม่สนุกเท่าที่ควร
เป็นเลิฟคอเมดี้ที่แปลกดี ตามอารมณ์ไม่ค่อยทัน จริงๆดูดีมีศักยภาพแต่จบด้วนๆไปหน่อย
ความเพลิดเพลิน: C
คุณภาพ: 6.4/10
อันดับที่ 10: Hayate no Gotoku! CAN'T TAKE MY EYES OFF YOU (12 ตอนจบ)
กลับมาอีกครั้งกับพ่อบ้านประจัญบานที่ออกเนื้อเรื่องออริจินัลที่มี ฮาตะ เคนจิโร่ มาเขียนเนื้อเรื่องให้เอง โดยเป็นเนื้อเรื่องหลังจากช่วงหินราชันย์ที่กำลังลงในมังงะอยู่ตอนนี้ นางิได้คฤหาสน์กลับมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว และมี สึกุมิ รูริ ที่อ้างตัวเองว่าเป็นน้องสาวนางิ เพื่อเข้ามาตีสนิทและค้นหานาฬิกาต้องสาป คุโระสึบากิ ซึ่งนำไปสู่การค้นหาอดีตเกี่ยวกับพ่อที่หายสาบสูญไปของนางิ
ด้วยความโดยพื้นฐานเป็นการ์ตูนตลก ทำให้เรื่องนี้ใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระค่อนข้างเยอะ ซึ่งถ้าเอาไปเทียบกับอนิเมะภาคแรกก็บอกได้เลยว่ากลายเป็นการ์ตูนตลกฝืดที่ไม่ได้สนุกเลย แต่ถ้าอยู่เดี่ยวๆก็ถือว่าพอดูได้ พอเข้าช่วงสองสามตอนสุดท้ายค่อยเดินเรื่องเป็นเรื่องเป็นราว ถือว่าผูกเรื่องได้น่าสนใจดี ทำให้ภาพรวมสุดท้ายออกมาไม่เลวร้ายเกินไปนัก แม้ว่าจะมีจุดที่ถูกโจมตีอย่างหนักคือเรื่องของหน้าตาตัวละครที่บิดเบี้ยวผิดคอนเซ็ปท์จนแฟนๆรับกันไม่ได้ก็ตาม
น่าเบื่อหน่อยๆแต่พอเข้าเรื่องก็สนุกดี
ความเพลิดเพลิน: C+
คุณภาพ: 6.2/10
อันดับที่ 9: Little Busters! (ยังไม่จบ)
ความเพลิดเพลิน:
B
ใช้เวลาไปกับความเรื่อยเปื่อยนานแหลือเกิน ชักจะเบื่อแล้ว
อันดับที่ 8: Robotics;Notes (ยังไม่จบ)
ความเพลิดเพลิน:
B
หวังกับมันไว้สูงว่าจะโชว์สเต็ปเทพเหมือน Steins;Gate ซึ่งเท่าที่ดูมาก็มีแววอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
อันดับที่ 7: Shinsekai yori (ยังไม่จบ)
ความเพลิดเพลิน:
B
เป็นอะไรที่แนวมาก การผสมผสานแบบนี้อาจจะให้ผลตรงกันข้าม กลายเป็นการไล่แขกไปซะมาก แต่สำหรับผมแล้วยังถือว่ารับได้เพราะถือว่ามีความน่าสนใจในตัวมันเอง
[CR] [Final Review] Anime of Fall 2012
ป.ล. สามารถตามไปอ่านแบบมีลิงค์สมบูรณ์ได้ที่นี่นะครับ
อันดับที่ 15: To LOVE-Ru -trouble- Darkness (12 ตอนจบ)
เริ่มกันที่อนิเมะมืดที่สว่างที่สุดในซีซั่นด้วยแสงศีลธรรม ภาคต่อของอนิเมะหลุมดำที่ปรับโครงสร้างดันเด็กๆขึ้นมาเป็นนางเอกเพื่อให้เสี่ยงมากขึ้น บวกกับการเพิ่มตัวร้ายเข้ามาในเรื่อง ก็ถือว่าทำให้มีความลึกในเนื้อหามากขึ้นอีกหน่อยนึง แต่สุดท้ายก็เปิดปลายแบบไม่มีไคลแม็กซ์อยู่ดี สรุปก็เซอร์วิสๆเหมือนเดิมไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
สนุกกว่าภาคแรกแหละ แต่จะสว่างไปไหน
ความเพลิดเพลิน: D
คุณภาพ: 5.0/10
อันดับที่ 14: Hidamari Sketch×Honeycomb (12 ตอนจบ)
อนิเมะหน้าบานสุดชิลที่ลากยาวมาได้ถึงสี่ภาคโดยไม่มีตกเรื่องนี้ก็ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้เช่นเดิม แม้จะไม่ได้มีจุดเด่นอะไรแต่ก็ดูสบายชวนหลับดี มีจุดสังเกตที่ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าคือเหมือนกับจะเห็นฉากอาบน้ำบ่อยขึ้นและรายละเอียดเยอะขึ้น หวังว่ามันคงจะไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกอะไร
ชิลๆเหมือนเดิม
ความเพลิดเพลิน: D+
คุณภาพ: 6.7/10
อันดับที่ 13: Sukitte Ii na yo. (13 ตอนจบ)
จากโชโจมังงะเกี่ยวกับ ทาจิบานะ เมย์ เด็กสาวที่มีประสบการณ์วัยเด็กที่ไม่ดีทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคม จนกระทั่งเธอได้มาพบกับ คุโรซาวะ ยามาโตะ เด็กหนุ่มที่เป็นศูนย์กลางของสังคมที่แตกต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง แต่ยามาโตะกลับสนใจในตัวเมย์ และช่วยดึงเธอจากการปิดกั้นตัวเอง ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป ได้ค้นพบความรักและความสุขในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
จริงๆแล้วคอนเซ็ปท์และการออกแบบตัวละครในเรื่องนี้แปลกดี จะถือว่าน่าสนใจในรูปแบบหนึ่งก็ได้ สำหรับอนิเมะแนวนี้มีความรู้สึกว่าทรงผมของตัวละครพิลึกดี (ประมาณว่าทรงนี้มันหล่อตรงไหนฟะ) นอกจากนั้นพฤติกรรมของตัวละครก็ซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะย่อยได้ หลายๆครั้งที่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะตัวละครจะตัดสินใจทำแบบนั้นแบบนี้ แต่กลับทำให้มันเป็นเรื่องยากไปราวกับจะต้องให้มันเกิดเรื่องให้ได้ จุดที่ผมมีปัญหากับเรื่องนี้มากที่สุดก็คือเหตุผลที่ยามาโตะชอบเมย์ โดยไม่เคยมีบอกอย่างชัดเจนนอกจากความว่า "น่ารัก" ซึ่งผมมองว่ามันฟังดูมักง่ายไปหน่อย ราวกับถูกเลือกให้เป็นที่รักก็เพราะว่าเป็นนางเอกแค่นั้น
เคยคิดว่าดูแนวโชโจเยอะพอที่จะเข้าใจถึงแก่นแท้แล้ว แต่คิดผิดถนัด
ความเพลิดเพลิน: C
คุณภาพ: 5.6/10
อันดับที่ 12: Jormungand + Jormungand PERFECT ORDER (24 ตอนจบ)
หนึ่งในอนิเมะที่บู๊กันได้ดุเดือดที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้ เรื่องราวของ โยน่า เด็กหนุ่มที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางควันปืนในฐานะทหารเด็กทำให้เขาเกลียดอาวุธ แต่เมื่อเขาได้มาเจอ โคโค่ เฮคมาเทียร์ นักค้าอาวุธสาวบ้าบิ่นที่เดินทางค้าอาวุธไปรอบโลกพร้อมกับลูกทีมฝีมือเยี่ยมที่เป็นบอดี้การ์ด และได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของวงการ ก็ทำให้เขาไว้ใจติดตามโคโค่ไปเพื่อสานอุดมคติของเธอ
เรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองช่วงการฉาย ในช่วงครึ่งแรกของเรื่องจะเป็นการปูทางให้รู้จักกับบุคลิกของตัวละครแต่ละคน และเน้นไปที่แต่ละภารกิจสาดกระสุนที่ยิงกันตูมตามเอามันส์เข้าว่า ซึ่งตรงส่วนนี้ยอมรับว่าถึงจะมีหลายๆส่วนที่โคตรจะโม้แต่ก็มันส์จริงและได้รายละเอียดในการผลิตค่อนข้างดี แต่โดยรวมมีจุดด้อยที่ขาดการสร้างอารมณ์ร่วมกับตัวละคร ทำให้ลดทอนความน่าสนใจลง ในช่วงครึ่งหลังค่อยขยายเป้าหมายและมุมมองให้เห็นเนื้อแท้ของแต่ละคน จุดที่ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์อยู่ที่ไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ไม่ได้เป็นแอ็กชั่นเลย แต่กลับเป็นการปะทะกันของมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งในตอนจบออกจะกำกวมไปหน่อย แต่อาจจะมองว่าเป็นฉากจบที่ดีด้วยการเปิดช่องให้ผู้ชมได้คิดตามก็ได้ สุดท้ายก็ไม่รู้จะบอกว่าใครเป็นฝ่ายถูกดี
ยิงกันทั้งโม้ทั้งมันส์ ฉากจบเกินคาดนิดหน่อย
ความเพลิดเพลิน: C
คุณภาพ: 7.5/10
อันดับที่ 11: Tonari no Kaibutsu-kun (13 ตอนจบ)
มาถึงโชโจอีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับความรักพิลึกๆของ มิซึทานิ ชิซึคุ เด็กสาวผู้ตั้งเป้าหมายหนึ่งเดียวในชีวิตคือการเรียนให้ได้ผลดีๆและหาเงินให้ได้เยอะๆ เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาเรียนและไม่สนใจการเข้าสังคม จนกระทั่งได้มาเจอกับ โยชิดะ ฮารุ เด็กหนุ่มน็อตหลวมบ้าระห่ำที่ดูภายนอกเหมือนเด็กเกเร แต่ความจริงแล้วมีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีคนคุม การพบกันของทั้งคู่นำไปสู่ความรักวุ่นวายอลวนที่ไม่สามารถคาดเดาได้
จุดที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องนี้อยู่ที่การดำเนินเรื่อง ด้วยบุคลิกและพฤติกรรมของตัวละครเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดหน่อย หลายๆครั้งก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ทำให้เรื่องนี้มีความตื่นเต้นน่าสนใจ แต่ปัญหาจะอยู่ที่จังหวะของเรื่องจะค่อนข้างวุ่นวายเร็วบ้างช้าบ้าง บางครั้งจุดที่น่าจะพีกยังไม่ทันทำอารมณ์ให้ถึงขีดสุดก็ปล่อยให้ผ่านไปซะก่อน ทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบบ้างเวลาที่ดู นอกจากนี้พระเอกนางเอกอยู่ดีๆก็จืดจางไปซะดื้อๆ กลายเป็นนัตสึเมะเด่นขึ้นมาตอนท้ายเรื่อง (ความจริงสำหรับผมถือเป็นเรื่องดี) และปล่อยตอนจบให้ห้วนๆโดยไม่มีบทสรุปอะไร โดยรวมจึงถือว่าดูน่าสนุกดีแต่รวบรัดจนกลายเป็นไม่สนุกเท่าที่ควร
เป็นเลิฟคอเมดี้ที่แปลกดี ตามอารมณ์ไม่ค่อยทัน จริงๆดูดีมีศักยภาพแต่จบด้วนๆไปหน่อย
ความเพลิดเพลิน: C
คุณภาพ: 6.4/10
อันดับที่ 10: Hayate no Gotoku! CAN'T TAKE MY EYES OFF YOU (12 ตอนจบ)
กลับมาอีกครั้งกับพ่อบ้านประจัญบานที่ออกเนื้อเรื่องออริจินัลที่มี ฮาตะ เคนจิโร่ มาเขียนเนื้อเรื่องให้เอง โดยเป็นเนื้อเรื่องหลังจากช่วงหินราชันย์ที่กำลังลงในมังงะอยู่ตอนนี้ นางิได้คฤหาสน์กลับมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว และมี สึกุมิ รูริ ที่อ้างตัวเองว่าเป็นน้องสาวนางิ เพื่อเข้ามาตีสนิทและค้นหานาฬิกาต้องสาป คุโระสึบากิ ซึ่งนำไปสู่การค้นหาอดีตเกี่ยวกับพ่อที่หายสาบสูญไปของนางิ
ด้วยความโดยพื้นฐานเป็นการ์ตูนตลก ทำให้เรื่องนี้ใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระค่อนข้างเยอะ ซึ่งถ้าเอาไปเทียบกับอนิเมะภาคแรกก็บอกได้เลยว่ากลายเป็นการ์ตูนตลกฝืดที่ไม่ได้สนุกเลย แต่ถ้าอยู่เดี่ยวๆก็ถือว่าพอดูได้ พอเข้าช่วงสองสามตอนสุดท้ายค่อยเดินเรื่องเป็นเรื่องเป็นราว ถือว่าผูกเรื่องได้น่าสนใจดี ทำให้ภาพรวมสุดท้ายออกมาไม่เลวร้ายเกินไปนัก แม้ว่าจะมีจุดที่ถูกโจมตีอย่างหนักคือเรื่องของหน้าตาตัวละครที่บิดเบี้ยวผิดคอนเซ็ปท์จนแฟนๆรับกันไม่ได้ก็ตาม
น่าเบื่อหน่อยๆแต่พอเข้าเรื่องก็สนุกดี
ความเพลิดเพลิน: C+
คุณภาพ: 6.2/10
อันดับที่ 9: Little Busters! (ยังไม่จบ)
ความเพลิดเพลิน: B
ใช้เวลาไปกับความเรื่อยเปื่อยนานแหลือเกิน ชักจะเบื่อแล้ว
อันดับที่ 8: Robotics;Notes (ยังไม่จบ)
ความเพลิดเพลิน: B
หวังกับมันไว้สูงว่าจะโชว์สเต็ปเทพเหมือน Steins;Gate ซึ่งเท่าที่ดูมาก็มีแววอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
อันดับที่ 7: Shinsekai yori (ยังไม่จบ)
ความเพลิดเพลิน: B
เป็นอะไรที่แนวมาก การผสมผสานแบบนี้อาจจะให้ผลตรงกันข้าม กลายเป็นการไล่แขกไปซะมาก แต่สำหรับผมแล้วยังถือว่ารับได้เพราะถือว่ามีความน่าสนใจในตัวมันเอง