สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตบตาประชาชนได้มานานนับตั้งแต่การบริหารประเทศกว่า 5 ปี มาจนถึงวันนี้คือ การสร้างภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นำไทยออกจากการเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ เศรษฐกิจเฟื...่องฟูคนไทยอยู่ดีกินดี ทั้งที่เป็นเพียงมายาภาพทั้งสิ้น โดยการบริหารของรัฐบาลทักษิณมุ่งให้ลูกอมอาบยาพิษกับคนไทย ใช้ภาษีประเทศมอมเมาประชาชน ซุกหนี้ สร้างภาระการคลัง ไร้หลักธรรมาภิบาล ทั้งที่ความจริงแล้วเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในยุคทักษิณนั้นเกิดขึ้นเฉพาะสองปีแรกที่ได้รับอานิสงก์จากการบริหารจนเศรษฐกิจฟื้นตัวของรัฐบาลชวน 2 โดย ทักษิณ เข้ามาเก็บเกี่ยวในช่วงออกดอกออกผลพอดี หลังจากนั้นเศรษฐกิจในมือของทักษิณก็เริ่มถดถอย เกิดวิกฤตการคลังเพราะประชานิยมขาลงกำลังนำชาติสู่ภาวะล่มจม แต่เกิดการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน
มอมเมาประชาชนอ่อนแอ “แบมือขอ รอของแจก แบกหนี้สิน”
1 โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ถูกนำมาโหมโฆษณาทางการตลาดอย่างเป็นระบบแต่ในการจัดสรรงบประมาณกลับไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล ในขณะที่ระบบเดิมปกติคนจนจะรักษาฟรีตามสภาพในโรงพยาบาลของรัฐอยู่แล้ว และเมื่อ พล.อ.สุรยทธ จุลานนท์ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็นำระบบรักษาฟรีมาใช้แทนจนถึงยุคอภิสิทธิ์ และกลับมาให้ประชาชนต้องจ่าย 30 บาทอีกครั้งเพื่อรักษาการตลาดทางการเมืองให้กับตัวเองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
2 กองทุนหมู่บ้าน เงินหมุนไปผ่านมือชาวบ้านเข้ากระเป๋านายทุน เกิดภาพลวงตาเงินสะพัดถึงมือรากหญ้า ทั้งที่เป็นหนี้ที่ต้องใช้ไม่ใช่เงินให้เปล่า
3 แปรสมบัติชาติเป็นผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การเติบโตในยุคทักษิณ จึงแลกมาด้วยการขายทรัพย์สมบัติชาติ แปลงสินทรัพย์เป็นหนี้
4 แก้กฎหมายถือครองกรรมสิทธิ์เปิดทางต่างชาติสามารถถือหุ้นจาก 25% เป็น 49%
5 ใครที่คิดว่ารัฐบาลทักษิณเป็นยุคทองของหุ้นไทยควรจะดูตัวเลขเปรียบเทียบของจริงว่าในรอบ 469 วันของการบริหารยุคทักษิณหุ้นเพิ่ม 1.29 เท่า ยุคอภิสิทธิ์ 1.77 เท่า
6 กว่า 5 ปีการบริหารของทักษิณ รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 33 % แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่บริหารในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเมืองซ้อนกันทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 18 % ภายในเวลา 1 ปี สะท้อนว่าอัตรารายได้เกษตรกรระยะสั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่ายุคทักษิณ
7 ภาพรวมการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจยุคอภิสิทธิ์ 10.2% หรือเป็นอันดับ 4 ของโลกในขณะที่เกิดวิกฤตแฮมเบเกอร์ และหนี้สาธารณะของไทยต่ำกว่ายุคที่ ทักษิณ บริหารประเทศ
8 ภาพรวมเศรษฐกิจระหว่างปี 2544-2548 เฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ขณะที่ในปี 2548 การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลดฮวบฮาบจากอันดับที่ 6-7 จาก 26 ประเทศกำลังพัฒนาเอเชียหล่นไปอยู่อันดับที่ 15
9 มีการอ้างว่าผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวเกิดจากวิกฤตไข้หวัดนกและสึนามิ แต่ทีดีอาร์ไอได้ทำการวิจัยพบว่าทั้งสองเหตุการณ์มิได้มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากตามที่รัฐบาลอ้าง โดยรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไปในปี 2548 คิดเป็นเพียง 0.35 % ของจีดีพีเท่านั้น
10 กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศด้วยประชานิยมก่อให้เกิดวิกฤตการคลัง หนี้ครัวเรือนพุ่ง ประชาชนมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง
11 ไม่สนใจวางรากฐานให้ชาติเข้มแข็ง มุ่งแต่ผลประโยชน์ระยะสั้นในการเรียกคะแนนนิยมทางการเมือง โดยไม่สนผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ออกจากความเชื่อมาสู่ความจริง “ทักษิณ เก่งแค่สร้างภาพ ทำไทยถดถอย”
///////////////
มอมเมาประชาชนอ่อนแอ “แบมือขอ รอของแจก แบกหนี้สิน”
มอมเมาประชาชนอ่อนแอ “แบมือขอ รอของแจก แบกหนี้สิน”
1 โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ถูกนำมาโหมโฆษณาทางการตลาดอย่างเป็นระบบแต่ในการจัดสรรงบประมาณกลับไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล ในขณะที่ระบบเดิมปกติคนจนจะรักษาฟรีตามสภาพในโรงพยาบาลของรัฐอยู่แล้ว และเมื่อ พล.อ.สุรยทธ จุลานนท์ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็นำระบบรักษาฟรีมาใช้แทนจนถึงยุคอภิสิทธิ์ และกลับมาให้ประชาชนต้องจ่าย 30 บาทอีกครั้งเพื่อรักษาการตลาดทางการเมืองให้กับตัวเองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
2 กองทุนหมู่บ้าน เงินหมุนไปผ่านมือชาวบ้านเข้ากระเป๋านายทุน เกิดภาพลวงตาเงินสะพัดถึงมือรากหญ้า ทั้งที่เป็นหนี้ที่ต้องใช้ไม่ใช่เงินให้เปล่า
3 แปรสมบัติชาติเป็นผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การเติบโตในยุคทักษิณ จึงแลกมาด้วยการขายทรัพย์สมบัติชาติ แปลงสินทรัพย์เป็นหนี้
4 แก้กฎหมายถือครองกรรมสิทธิ์เปิดทางต่างชาติสามารถถือหุ้นจาก 25% เป็น 49%
5 ใครที่คิดว่ารัฐบาลทักษิณเป็นยุคทองของหุ้นไทยควรจะดูตัวเลขเปรียบเทียบของจริงว่าในรอบ 469 วันของการบริหารยุคทักษิณหุ้นเพิ่ม 1.29 เท่า ยุคอภิสิทธิ์ 1.77 เท่า
6 กว่า 5 ปีการบริหารของทักษิณ รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 33 % แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่บริหารในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเมืองซ้อนกันทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 18 % ภายในเวลา 1 ปี สะท้อนว่าอัตรารายได้เกษตรกรระยะสั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่ายุคทักษิณ
7 ภาพรวมการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจยุคอภิสิทธิ์ 10.2% หรือเป็นอันดับ 4 ของโลกในขณะที่เกิดวิกฤตแฮมเบเกอร์ และหนี้สาธารณะของไทยต่ำกว่ายุคที่ ทักษิณ บริหารประเทศ
8 ภาพรวมเศรษฐกิจระหว่างปี 2544-2548 เฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ขณะที่ในปี 2548 การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลดฮวบฮาบจากอันดับที่ 6-7 จาก 26 ประเทศกำลังพัฒนาเอเชียหล่นไปอยู่อันดับที่ 15
9 มีการอ้างว่าผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวเกิดจากวิกฤตไข้หวัดนกและสึนามิ แต่ทีดีอาร์ไอได้ทำการวิจัยพบว่าทั้งสองเหตุการณ์มิได้มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากตามที่รัฐบาลอ้าง โดยรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไปในปี 2548 คิดเป็นเพียง 0.35 % ของจีดีพีเท่านั้น
10 กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศด้วยประชานิยมก่อให้เกิดวิกฤตการคลัง หนี้ครัวเรือนพุ่ง ประชาชนมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง
11 ไม่สนใจวางรากฐานให้ชาติเข้มแข็ง มุ่งแต่ผลประโยชน์ระยะสั้นในการเรียกคะแนนนิยมทางการเมือง โดยไม่สนผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ออกจากความเชื่อมาสู่ความจริง “ทักษิณ เก่งแค่สร้างภาพ ทำไทยถดถอย”
///////////////