ตามมีที่บอกเอาไว้ครับว่าจะเอา Lytar มาต่อท้ายรุ่น Paris ให้ดูทั้งสองตัวของเลนส์ราคาพอจะตะกายถึงของเลนส์เมืองน้ำหอม เลนส์ตัวนี้ออกมาที่ F1.8 น้อยกว่าตัวพี่สต็อปเดียวแต่ไม่มีปัญหาในที่แสงน้อยหรอกครับ คนเล่นเลนส์ดีๆไปสักพักจะเลิกบ้า F แต่มาสนใจกับภาพที่มันให้มากกว่า บางครั้งเลนส์ 2.8,3.5 ให้ภาพดีกว่าเลนส์คลั่ง F มีเยอะแยะไป
ผมจะไม่เล่าประวัติของ SOM Berthiot เหมือนตัวที่แล้วเพราะถ้าอยากอ่านก็ไปอ่านย้อนหลังตัว Paris Cinor F1.5 ได้ แต่ผมจะเล่าเรื่องช่วงหลังของบริษัทก่อนเปลี่ยนเป็น SOPELEM แทน ในช่วงปี 1950-60 ที่ยุโรปเริ่มฟื้นตัวจากสงคราม กล้องภาพยนต์สำหรับมือสมัครเล่นและภาพยนต์อิดี้ทุนต่ำออกสู่ตลาดมากขึ้น Berthiot ก็ทำเลนส์อีกตลาดที่ราคาลงมาสู้กับเลนส์ตลาดกลางล่างได้ เลนส์ชุด Lytar ก็ผลิตออกมาเพื่อการนี้โดยยังคงคุณสมบัติของรุ่น Cinor ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้เอาไว้ ถ้ายังจำได้จากที่ผมเล่าว่าเลนส์ Cinor ของ SOM Berthiot คือชายชู้ของ Angénieux ที่ระบบเลนส์ออกแบบมาโดยคนเดียวกันคือนาย Pierre Angénieux นั่นแหละ Lytar ตัวนี้ก็ไม่ต่างกันเพราะระบบการวางชิ้นเลนส์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เปลี่ยนให้เห็นคือบอดี้ที่ทันสมัยขึ้นและลดความสว่างของเลนส์ลงมาเท่านั้น
เลนส์ตัวนี้ออกมาในราคาที่ต่ำกว่ารุ่น cinor เพื่อให้ตลาดกลางล่างมือสมัครเล่นได้เล่นกันโดยออกตัวในรุ่นนี้ และอีกอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ Berthiotเริ่มใส่อักษรตามหน้าเอาเมื่อปี 1952 ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีอักษรนำ อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้ว่า Berthiot ผลิตเลนส์มาตั้งแต่ร้อยกว่าปีที่แล้วก่อนปี 1900 เสียอีกดังนั้นเลนส์จึงวิ่งในสายการผลิตมาแล้ว 840,000 ตัวถึงเริ่มใส่อักษร ถ้าจะดูปีผลิตให้ดูง่ายๆอักษรจะวิ่งประมาณปีละสองตัวครึ่ง ถึงสามตัวในปีท้ายๆ Lytar ตัวนี้น่าจะอยู่แถว 1957-8 ดูรูปร่างของเลนส์แล้วไม่น่าเชื่อว่าอายุห้าสิบกว่าปีแล้วก็ยังดูดีไม่โบราณเหมือนรุ่นพี่ที่ออกแนว 30's ก่อนสงครามโลกไม่ยอมเปลี่ยนหน้าตาจนรุ่น Lytar ขายดีตลาดยอมรับจึงขยับตัวออกหน้าตาสมัยใหม่ตามตัวน้องในช่วงกลาง 50's
เรามาดูกันว่ามันจะดีอย่างไรกับ Lytar ตัวน้องของชายชู้ที่ยังออกแบบโดย Angénieux เหมือนตัวพี่ กล้องที่ใช้ยังเป็นอีปู่ GH1 ตัวโปรดสบายตาอยู่เหมือนเดิม ภาพที่ได้มาไม่มีการแต่งเติมเพิ่ม ย่อแล้ว USM ถือว่าจบเท่านั้น ขนาดของ File ผมยังเอาเท่าเดิมคือ 180-200K ไม่เล่นขนาดใหญ่โตมโหระทึกตามหน้าเว็บใหม่แต่อย่างไร
เลนส์เก่าเราลืม #41 SOM Berthiot Lytar 25mm f1.8 เลนส์ตัวน้องของ Paris cinor
ผมจะไม่เล่าประวัติของ SOM Berthiot เหมือนตัวที่แล้วเพราะถ้าอยากอ่านก็ไปอ่านย้อนหลังตัว Paris Cinor F1.5 ได้ แต่ผมจะเล่าเรื่องช่วงหลังของบริษัทก่อนเปลี่ยนเป็น SOPELEM แทน ในช่วงปี 1950-60 ที่ยุโรปเริ่มฟื้นตัวจากสงคราม กล้องภาพยนต์สำหรับมือสมัครเล่นและภาพยนต์อิดี้ทุนต่ำออกสู่ตลาดมากขึ้น Berthiot ก็ทำเลนส์อีกตลาดที่ราคาลงมาสู้กับเลนส์ตลาดกลางล่างได้ เลนส์ชุด Lytar ก็ผลิตออกมาเพื่อการนี้โดยยังคงคุณสมบัติของรุ่น Cinor ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้เอาไว้ ถ้ายังจำได้จากที่ผมเล่าว่าเลนส์ Cinor ของ SOM Berthiot คือชายชู้ของ Angénieux ที่ระบบเลนส์ออกแบบมาโดยคนเดียวกันคือนาย Pierre Angénieux นั่นแหละ Lytar ตัวนี้ก็ไม่ต่างกันเพราะระบบการวางชิ้นเลนส์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เปลี่ยนให้เห็นคือบอดี้ที่ทันสมัยขึ้นและลดความสว่างของเลนส์ลงมาเท่านั้น
เลนส์ตัวนี้ออกมาในราคาที่ต่ำกว่ารุ่น cinor เพื่อให้ตลาดกลางล่างมือสมัครเล่นได้เล่นกันโดยออกตัวในรุ่นนี้ และอีกอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ Berthiotเริ่มใส่อักษรตามหน้าเอาเมื่อปี 1952 ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีอักษรนำ อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้ว่า Berthiot ผลิตเลนส์มาตั้งแต่ร้อยกว่าปีที่แล้วก่อนปี 1900 เสียอีกดังนั้นเลนส์จึงวิ่งในสายการผลิตมาแล้ว 840,000 ตัวถึงเริ่มใส่อักษร ถ้าจะดูปีผลิตให้ดูง่ายๆอักษรจะวิ่งประมาณปีละสองตัวครึ่ง ถึงสามตัวในปีท้ายๆ Lytar ตัวนี้น่าจะอยู่แถว 1957-8 ดูรูปร่างของเลนส์แล้วไม่น่าเชื่อว่าอายุห้าสิบกว่าปีแล้วก็ยังดูดีไม่โบราณเหมือนรุ่นพี่ที่ออกแนว 30's ก่อนสงครามโลกไม่ยอมเปลี่ยนหน้าตาจนรุ่น Lytar ขายดีตลาดยอมรับจึงขยับตัวออกหน้าตาสมัยใหม่ตามตัวน้องในช่วงกลาง 50's
เรามาดูกันว่ามันจะดีอย่างไรกับ Lytar ตัวน้องของชายชู้ที่ยังออกแบบโดย Angénieux เหมือนตัวพี่ กล้องที่ใช้ยังเป็นอีปู่ GH1 ตัวโปรดสบายตาอยู่เหมือนเดิม ภาพที่ได้มาไม่มีการแต่งเติมเพิ่ม ย่อแล้ว USM ถือว่าจบเท่านั้น ขนาดของ File ผมยังเอาเท่าเดิมคือ 180-200K ไม่เล่นขนาดใหญ่โตมโหระทึกตามหน้าเว็บใหม่แต่อย่างไร