คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
อย่าเพิ่งขยับตัวอะไรตอนนี้ครับ เดินไปเรื่อยๆ เรียนให้จบกลับมา สร้างฐานะการงานให้มั่นคง
แล้วถึงดำเนินการพูดคุย กับทางพ่อแม่ ซึ่งคงไม่ง่ายนัก แต่อย่างน้อยเวลาที่ผ่านมาก็พิสูจน์คุณสองคนไปขั้นหนึ่ง
ถ้าคุณมั่นคงต่อกันจริง ก็อาจต้องใช้วิธีดื้อกันละครับ เพราะหลังจากคุณอยู่ด้วยกันสักห้าปี แล้วมีความสุขดี
ท่านก็คงยอมรับได้เอง
คิดไปทีละตอนครับ วางแผน เป็นขั้นตอนไป ลองคุยปรึกษากับแฟนดู ตอนนี้เงียบๆไว้ก็ดีครับ
รอให้คุณมีกำลังพอก่อนครับ ยังไม่ถึงขั้นบันได ถ้าเราก้าวขึ้นมันก็ล้มแหลครับ จังหวะ เวลา เป็นเรื่องสำคัญครับ
แล้วถึงดำเนินการพูดคุย กับทางพ่อแม่ ซึ่งคงไม่ง่ายนัก แต่อย่างน้อยเวลาที่ผ่านมาก็พิสูจน์คุณสองคนไปขั้นหนึ่ง
ถ้าคุณมั่นคงต่อกันจริง ก็อาจต้องใช้วิธีดื้อกันละครับ เพราะหลังจากคุณอยู่ด้วยกันสักห้าปี แล้วมีความสุขดี
ท่านก็คงยอมรับได้เอง
คิดไปทีละตอนครับ วางแผน เป็นขั้นตอนไป ลองคุยปรึกษากับแฟนดู ตอนนี้เงียบๆไว้ก็ดีครับ
รอให้คุณมีกำลังพอก่อนครับ ยังไม่ถึงขั้นบันได ถ้าเราก้าวขึ้นมันก็ล้มแหลครับ จังหวะ เวลา เป็นเรื่องสำคัญครับ
แสดงความคิดเห็น
ที่บ้านดูจะไม่ยอมรับแฟนผมครับ ขอคำแนะนำหน่อยครับผม
เคยมีใครไหมครับที่ ที่บ้านยอมรับตัวแฟน (ผู้หญิง) ไม่ค่อยได้ ด้วยเพราะความแตกต่างกันในฐานะทางสังคม
สิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ผมเข้าใจในมุมของพ่อและแม่ที่ต้องการหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผม ยังเคารพในมุมมองของท่านเสมอครับ
แฟนผมปัจจุบัน ทำงานเป็นพนักงานที่คอยแนะนำมือถือให้ลูกค้า ไม่ทราบว่าจะเรียกว่า PR หรือ พริ้ตตี้ ดี จบราม มีลูกแล้ว 1คน มีลูกตอนอายุ20 ปัจจุบันเธออายุจะ 25 แล้วครับ ส่วนตัวผมเองจะ 24 ทำอาชีพเป็นที่ปรึกษากฎหมาย จบ ม.สามย่าน ขออภัยนะครับที่ต้องแจกแจงอย่างนี้ เพราะตรงส่วนนี้เองเป็นส่วนที่ทำให้ที่บ้านผมยอมรับแฟนผมไม่ได้ ด้วยความแตกต่างในฐานะทางสังคม อาชีพของแฟนผมที่ไม่ค่อยมั่นคง (อันนี้เราก็พูดกันตรงตามความจริงนะครับ) พ่อและแม่ก็คาดหวังว่าผมจะหาคนที่ดีกว่านี้ได้ อาจจะไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่าที่จบ ม.เดียวกัน เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อนาคตไกล
ผมได้ลองคุยกับท่านดูเรื่องที่ว่าผมคบกับแฟนผม อยากจะออกไปอยู่ด้วยกันบ้าง บางวัน ซึ่งผลก็เป็นปฏิเสธไม่ยอมรับตรงจุดนี้ และแม่ยังพูดอีกว่า ถ้าคบเป็นเพื่อนยังโอเค แต่ถ้าจะใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นแฟนกันคงไม่ค่อยโอเค เพราะเราก็คงจะสู้หน้าคนอื่นยาก หรือตอบคำถามคนอื่นยากว่าทำไมถึงหาได้แค่นี้ แต่ผมก็ได้ขอโอกาสให้แฟนผมและผมพิสูจน์ตัวเอง นอกจากนี้ที่ท่านกังวลมากยิ่งขึ้นคงเพราะอีกประมาน 1 ปี ผมจะไปเรียนต่อแล้วด้วยครับ กลัวว่าจะทำให้เป้าหมายผมไขว้เขวไป
เพื่อนๆพี่ๆเคยเจอเคสอย่างนี้ไหมครับ จะทำยังไง ใช้เวลานานไหมที่จะให้เขายอมรับ (ตอนนี้ที่บ้านยังไม่ทราบเรื่องที่แฟนผมมีลูกแล้วนะครับ)
ผมได้คุยกับแฟนผม แฟนผมก็พร้อมที่จะสู้ไปกับผม
สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมเลือกแฟนผม เพราะผมอยู่กับเค้าแล้วผมมีความสุข เข้าใจกัน ใช้ชีวิตด้วยกันได้ ผมไม่ได้คาดหวังให้แฟนผมจบนอก เรียนเก่ง ฐานะดี แต่ก็เข้าใจในมุมมองของพ่อกับแม่ นอกจากนี้แล้วตอนนี้ที่ผมมองในแง่ดีได้บ้าง ก็กลายเป็นแรงขับดันที่ผมตั้งใจทำงาน เก็บเงิน ตั้งใจหาทุนไปเรียนต่อทุ่มเทตรงจุดนั้นเพิ่มมากขึ้น จะพิสูจน์ให้เ้ค้าเห็นว่าผมมีแฟนผมเค้าก็ไม่ได้ทำให้ผมแย่ลง (ในจุดนี้พี่ๆเพื่อนๆคิดว่าผมคิดถูกไหมครับ)
แล้วมีพี่ๆเพื่อนๆคนไหนที่เคยตกอยู่ในฐานะเดียวกับแฟนผมไหมครับ อยากรู้ว่าต้องทำยังไง เพราะตอนนี้เราก็พยายามกันอย่างเต็มที่ครับ
(ผมยังให้แฟนทำงานที่เดิมเหมือนเดิม เพราะผมก็คิดว่า แฟนผมไม่ได้ทำงานไม่สุจริต เธอยังส่งบ้านให้พ่อให้แม่ เลี้ยงลูกด้วยตัวเธอเองเสมอ)
ขอบพระคุณทุกความเห็นมากๆนะครับ ถ้าจุดไหนที่เขียนแล้วไม่เข้าใจจะรีบมาตอบในทันทีนะครับ