ธาตุแท้นักการเมือง...... ประโยชน์ชาติไม่เท่ากระเป๋าพรรค

กระทู้สนทนา
http://www.dailynews.co.th/politics/174886

“บิ๊กอส.”ปัดสั่งหยุดรื้อรีสอร์ทรุกป่า- ดำรงค์ขู่แจ้งจับ
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม 2555 เวลา 17:03 น.
“มโนพัศ”ปัดสั่งหยุดรื้อรีสอร์ทรุกป่า ด้านหน.ทับลานชี้ไม่มีทางออกอื่นนอกจากยึดแนวกฤษฎีกา “ดำรงค์”ฉุนจัดขู่แจ้งความจับเพื่อนละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ระบุถ้าให้เช่าป่าอธิบดีต้องติดคุกแน่ เผย “อธิบดีอุทยานฯ” สั่งเด้ง 4 หน.อุทยานฯทะเลชื่อดัง “เสม็ด-สุรินทร์-สิมิลัน-อ่าวพังงา” อ้างเพื่อความเหมาะสม

สืบเนื่องจากจากกรณีข่าวนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการรื้อถอน ทุบทิ้งรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปหาทางออกอื่น ที่ไม่ใช่แนวทางการรื้อถอนรีสอร์ท บ้านพักออกจากพื้นที่นั้น

วันนี้ (  27 ธ.ค. )  นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ไม่มีสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตนให้แนวทางการปฏิบัติงานว่าให้ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ซึ่งกรณีของอุทยานฯ ทับลาน  ในบางกรณีมีการยื่นขัดทรัพย์ หมายถึงคนที่เราไปฟ้องไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงในพื้นที่เหล่านั้น  ทำให้ต้องมีการฟ้องร้องคดีกันใหม่หมด  ส่วนการให้รื้อถอนหรือให้เช่าพื้นที่ต่อไปได้นั้น ยืนยันว่าต้องขึ้นกับผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ต้องดูว่าสิ่งที่ทำได้หรือเสียมากกว่ากัน

ขณะที่นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานฯ ทับลาน กล่าวว่า  ทุกอย่างยังต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่เวลานี้ขั้นตอนในเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังไม่จบ ซึ่งหากสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดการรื้อถอนรีสอร์ทก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่ในเรื่องวิธีการรื้อถอนอาจจะเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ครึกโครมเหมือนในยุคก่อน  ส่วนการให้หาทางออกนั้น  เวลานี้ก็ไม่ก็ไม่มีทางออกอื่นอยู่แล้ว เพราะต้องยึดตามการตีความกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ต้องรื้อถอนออกไปเท่านั้น ไม่สามารถให้เช่าหรือดำเนินการอย่างอื่นได้ และนโยบายของรัฐบาลก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร  ทั้งนี้หากไม่ดำเนินการต่อให้เป็นไปตามกฎหมายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและกรมอุทยานฯ ต้องถูกฟ้องร้องกลับแน่นอน

นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ    กล่าวว่า ท่าทีของนายมโนพัศและนายบุญชอบ ก็คงไม่มีการรื้อถอนรีสอร์ท และบ้านพักที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ต่อไปแน่ ตนไม่รู้ว่าอธิบดีทั้ง 2 กรม ถูกฝ่ายการเมืองบีบมา หรือเป็นเจตนาของทั้ง 2 คน ที่อาจจะกลัวถูกโยกย้ายหากมีการรื้อถอน เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลไม่ชอบให้มีการรื้อถอน อย่างไรก็ตามการละเว้นต่อการปฏิบัตินหน้าที่ของอธิบดีทั้ง 2 กรม คงจะปล่อยไปไม่ได้ เพราะเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ดังนั้นตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับอธิบดีทั้ง 2 กรม ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่ดำเนินการ โดยเฉพาะนายมโนพัศ ที่ระบุว่าจะเดินทางลงพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน และ วังน้ำเขียว ถ้าไม่รื้อถอนตนจะแจ้งจับแน่นอน แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม แต่เรื่องประเทศชาติสำคัญกว่า ที่สำคัญอธิบดีทั้ง 2 กรม เวลาจะสั่งเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติให้ดำเนินการหรือหยุดดำเนินการควรจะมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่สั่งปากเปล่า พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ไม่รื้อ ก็จะไปโทษเจ้าหน้าที่ หาว่าสั่งแล้วไม่ทำ อย่างนี้ใช้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้จะเปิดให้เช่าพื้นที่ที่บุกรุกแล้ว สามารถทำได้หรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า ถ้าให้เช่าอธิบดีก็ติดคุก โดยเฉพาะกรมอุทยานฯ กฎหมายอุทยานฯ ระบุห้ามเช่าเด็ดขาด ทำไม่ได้ ส่วนป่าสงวนแห่งชาติ ให้เช่าได้บางพื้นที่ แต่ให้ทำการเกษตรไม่ใช่ทำรีสอร์ท อย่างไรก็ตามหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 คงจะเห็นท่าทีของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ชัดเจน ว่าจะรื้อถอน ทุบทิ้ง รีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ และป่าสงวนหรือไม่ ถ้าไม่ดำเนินการเจอกับตนแน่นอน

นายวินัย ทรัพย์รุ่งเรือง นายกสมาคมศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก ถ้าคนไม่ตั้งใจทำงานตามกฎเกณฑ์โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำองค์กรถือว่าทรยศต่อวิชาชีพ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอธิบดีทั้ง 2 กรม น่าจะถูกแรงบีบจากฝ่ายการเมือง ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรีสอร์ท นายทุน เจ้าของบ้านพักที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ  ขณะที่อธิบดีทั้ง 2 คนก็คงไม่อยากทำ เพราะต้องการอยู่รอดในตำแหน่งมากกว่า แต่การปฏิบัติตัวแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง และไม่รู้จักหน้าที่ ทำให้ป่าไม้ของชาติเสียหาย โดยสมาคมศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์ จะประชุมเพื่อกำหนดท่าที ในวันที่ 9 ม.ค. 2556 ต่อไป และอาจจะทำหนังสือคัดค้านการให้เช่าอุทยานฯ ป่าสงวนฯ และจี้ให้อธิบดีทั้ง 2 กรมปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วย ว่า นายมโนพัศ ได้ลงนามคำสั่งโยกย้าย ให้ข้าราชการ ของกรมอุทยานแห่งชาติ จำนวน 14 ราย ไปปฏิบัติงานดังนี้ 1.นายสุเมธ สายทอง เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2(จ.ชลบุรี) ไปเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 2.นายก้องเกียรติ เต็มชำนาญ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโสส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ไปเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 3.นายณัฐ โก่งเกษร เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารอนุรักษ์ พื้นที่ 6 (จ.สงขลา) เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิมิลัน 4.นายพุทธพจน์ คูประสิทธิ์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ไปประจำ ที่สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพรรณพืช 5.นายรัตนชาติ น้อยคนดี เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 9(อุบลราชธานี) เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

6.นายชัยยันต์ น้อยคำป้อ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13(แพร่) เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน 7.นายมานะ เพิ่มพูล นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิมิลัน ไปประจำสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ 8.นายพรชัย วนัสรุจน์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ไปประจำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2  9.นายนุกูลกิจ วิชกูล นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2 ไปเป็น หัวหน้า อุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฏ 10.นายณัฐนันท์ ด่านอนุพันธ์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ไปประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3 (บ้านโป่ง) 11.นายโพธิเศรษฐ์ อรุณโรจน์ เจ้าพนักงานป่าไม้ปฏิบัติงาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 ไปประจำ สำนักอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากรสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 10(อุดรธานี) 12.นายวิทยา นุ่มนวลเจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ส่วนอนุรักษ์และป้องกัน  ไปประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13(แพร่) 13.นายปัญญา เนื่องจ้อย นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 ไปประจำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 และ 14.นายอาคม น้ำคำ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ   หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ไปประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 14 (ตราด)

นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว กล่าวว่า การโยกย้ายครั้งนี้เพื่อความเหมาะสม อย่างเช่นบางแห่งโดยเฉพาะเกาะเสม็ด อยากจะให้การรื้อ ถอนทุบทิ้งเดินหน้า เนื่องจากหัวหน้าอุทยานฯ เกาะเสม็ดคนเดิมมีศักยภาพไม่เพียงพอ การเปลี่ยนตัวเพื่อให้การรื้อถอนเดินหน้าต่อไปได้ ยืนยันว่าหัวหน้าอุทยานฯ คนใหม่จะเดินหน้ารื้อถอนรีสอร์ต 3 แห่งได้แน่นอน   ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร เมื่อถามว่าอุทยานฯ ทางทะเลทั้ง 4 แห่งที่มีการโยกย้ายล้วนทำรายได้สูงทั้งสิ้น มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ นายมโนพัศ กล่าวว่า ไม่มี เป็นการสลับสับเปลี่ยนด้วยความเหมาะสม ส่วนที่เกาะสิมิลัน นั้นได้ย้ายนายณัฐ ซึ่งเป็นหน้าห้องของตนและ มาจากโรงเรียนป่าไม้แพร่ เพราะอยากให้คนที่ตนไว้ใจไปทำงานในพื้นที่สำคัญอย่างอุทยานแห่งชาติสิมิลัน.

............................................................

หลังจากรัฐบาลเพื่อไทย ลากดึง ตำแหน่งอธิบดีเป็นเดือนๆ  สรุปได้ว่า คนใหม่ทำตาม "ใบสั่ง" นายเสียแล้ว (ไม่งั้นคงไม่ได้มาเป็นอธิบดี)

มาแนวแบะท่า "หาแนวทางอื่น"  "ฟ้องร้องคดีใหม่"   .....แนวนี้เปิดกระเป๋ารอคนมาหย่อนเก๋าเจี๊ยะเสียแล้ว  

ยิ่งดึงให้นานเป็นสิบปี ยิ่งได้เงินดี  .....ราชการ ป่า 555  ชั่งหัวมันไปซิ

คุณดำรง พิเดช แกจะไปประท้วงอะไรได้   ....ฟ้องเขาไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งตำรวจ อัยการ รัฐบาล นักการเมือง ของเขาไปเสียทั้งหมด  

นี่พอหมดประโยชน์ กลายเป็นพวกอื่น ก็เริ่มขบวนการแซะชื่อเสียงแล้ว

......เหลือแต่ไปยิงตัวตาย  แบบสืบ นาคะเสถียรที่หน้าทำเนียบรัฐบาล !
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่