ผลกระทบจากที่ DSI แจ้งข้อกล่าวหา กทม และชี้ว่าจะมีผลให้สัญญาจ้าง BTS เป็นโมฆะ

กระทู้สนทนา
แล้วจะมีผลถึงกองทุนอินฟรา ที่ BTS ตั้งใจจะเอาสัญญาจ้าง 30 ปี นี้ไปแปลงเป็นเงินสดหรือเปล่า

ตามข่าว

พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษ ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการทำสัญญาจ้างเดินรถระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกรุงเทพมหานคร ( กทม.) กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ว่า หลังพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและเรียกผู้ต้องหา 11 ราย มารับทราบข้อกล่าวหา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีพร้อมหลักฐานให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษตรวจสอบโดยละเอียดซึ่งอัยการใช้เวลาตรวจสอบสำนวนนานถึง 2 สัปดาห์ เนื่องจากเกรงว่าการแจ้งข้อกล่าวหาอาจเป็นการก้าวก่ายอำนาจสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แต่สุดท้ายอัยการได้เห็นชอบให้เรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากเป็นการกระทำที่ถือว่าขัดกับประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่58 ข้อ 3 และข้อ 11 เกี่ยวกับกรณีที่ให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการการรถราง การประปา การไฟฟ้าฯ การกระทำของกทม.จึงถือว่าไม่มีอำนาจ เมื่อไม่มีหน้าที่จึงไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่คดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรมว.มหาดไทย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84 และมาตรา 86 ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58

"สำหรับคดีดังกล่าวโทษไม่หนัก แต่ผลกระทบจากสัญญามีผลมหาศาล เพราะสัญญาที่เซ็นไปจะกลายเป็นโมฆะ ซึ่งจะส่งผลถึงบริษัท บีทีเอส ที่นำหุ้นไปขายหลังการเซ็นสัญญา" พ.ต.ท.ถวัล กล่าว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่