27 ธ.ค. 2555 เวลา 13:12:15 น.
คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย สกุณา ประยูรศุข
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เหลือ อีกไม่กี่วัน ปีงูใหญ่จะโบกมืออำลาเพื่อเปิดทางให้ "งูเล็ก" เข้ามาเปลี่ยนผ่าน เป็นสัญลักษณ์ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ พ.ศ. 2556 หรือ ค.ศ. 2013
ว่ากันว่าพอเห็นเลข "13" ลงท้ายปี คำทำนายทายทักเรื่องดวงเมืองก็ปรากฏออกมา ก้ำกึ่งบวกและลบ แต่ดูเหมือนจะค่อนไปทาง "ลบ" มากกว่า ด้วยเหตุว่าเลข 13 เป็นเลขอัปมงคลตามตำราโหราศาสตร์
โหรเจ้าแรกที่ออกมาทำนายทายทัก "โสรัจจะ นวลอยู่" ฉายา "นอสตราดามุสเมืองไทย" ทำนายดวงเมืองว่า
ปี นี้ถึงคราวประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง มีการต่อสู้เพื่อให้ประเทศอยู่รอด โดยการต่อสู้นั้นจะพัฒนารูปแบบไปในทิศทางใดก็สุดจะคาดการณ์ได้ ที่แน่ ๆ ไม่มีใครจะควบคุมหรือบอกใครได้
ส่วนคำทำนายเรื่องเศรษฐกิจนั้น โหรนอสตราดามุสเมืองไทยระบุว่า ไทยจะได้รับผลกระทบจากกรณี "ยูโรโซน" อย่างรุนแรง อาจจะต้องเดินซ้ำรอยเท้ากรีซ เกิดฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์
ฟังแล้วก็ขนลุกขนพองกับการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2556
ใคร ได้อ่านได้ฟังแล้วอาจเกิดอาการ "สติแตก" โดยไม่รู้ตัว เพราะสังคมไทยเดี๋ยวนี้เป็น "สังคมเซนซิทีฟ" มีความเปราะบางอย่างยิ่ง กระทบนิดกระทบหน่อยอาจแตกร้าวได้ง่าย ๆ
มีตัวอย่างให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ถึงเรื่องสติแตก โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดในเมืองไทย แต่เป็นที่ฮ่องกง
เมื่อ ชายผู้หนึ่งฟังข่าวเรื่อง "วันสิ้นโลก" คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ก็เกิดอาการควบคุมความคิดไม่ได้ ถึงขั้นไปลาออกจากงานแล้วไปเบิกเงินที่เก็บไว้ในธนาคารออกมาใช้จ่ายจนหมด สิ้น เท่านั้นยังไม่หนำใจ ยังใช้บัตรเครดิตกดเงินสดออกมาใช้เต็มวงเงินทุกใบ เพื่อหาความสุขให้ตัวเองในวาระสุดท้าย ครั้นพอถึงวันที่ทำนายว่าโลกจะแตกผ่านไป โดยโลกก็ยังไม่แตก ยังเป็นของมันอย่างเดิม ป่านนี้เลยไม่รู้ว่าชะตาของหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างไรไปแล้วบ้าง !!!
ถ้า หากละวางเรื่องของโหราศาสตร์ หันมาฟังตรรกะที่เป็นจริงของผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง "คุณสมชัย สัจจพงษ์" ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งออกมาให้ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2556 ว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ที่ร้อยละ 5.2
เหตุ เพราะอุปสงค์ภาครัฐและอุปสงค์จากต่างประเทศคงจะขยายตัวได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเบิกจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐ ที่มีวงเงินลงทุนสูงถึง 3.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามก็ยังมีภาพที่ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงอยู่ คืออุปสงค์ภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอลง ภายหลังที่มีการเร่งการบริโภคและการลงทุนเพื่อฟื้นฟูภายหลังเหตุการณ์น้ำ ท่วมไปมากแล้วในปี 2555
สำหรับอัตราเงินเฟ้อปี 2556 คุณสมชัยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ตามอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชีย
ขณะที่ กูรูทางเศรษฐศาสตร์ "ดร.โกร่ง-วีรพงษ์ รามางกูร" เห็นว่า เศรษฐกิจปีงูเล็กไม่สาหัสอย่างที่เข้าใจกัน โดยอิงจากเศรษฐกิจของประเทศจีนเป็นหลัก เศรษฐกิจของจีนยังเดินหน้าต่อไป ซึ่งทำให้ไทยน่าจะได้เปรียบที่สุด อีกประการคือราคาน้ำมันในปีหน้ามีทีท่าลดลง ก็น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจของพลโลกดีขึ้น
แต่ทั้งหมดเป็นเพียงคำทำนาย ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังมี "ตัวแปร" และ "ปัจจัยเสี่ยง" อีกหลายสิ่ง อาทิ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะเป็นไปตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด
ความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน หรือสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง เป็นต้น
ดัง นั้นเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นไปอย่างไร อยู่ที่ตัวคนเราต้องดำเนินไปกับมันอย่างมี "สติ" คือระลึกรู้ทันปัจจุบันว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเรา
อยู่อย่างมีสติ
คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย สกุณา ประยูรศุข
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เหลือ อีกไม่กี่วัน ปีงูใหญ่จะโบกมืออำลาเพื่อเปิดทางให้ "งูเล็ก" เข้ามาเปลี่ยนผ่าน เป็นสัญลักษณ์ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ พ.ศ. 2556 หรือ ค.ศ. 2013
ว่ากันว่าพอเห็นเลข "13" ลงท้ายปี คำทำนายทายทักเรื่องดวงเมืองก็ปรากฏออกมา ก้ำกึ่งบวกและลบ แต่ดูเหมือนจะค่อนไปทาง "ลบ" มากกว่า ด้วยเหตุว่าเลข 13 เป็นเลขอัปมงคลตามตำราโหราศาสตร์
โหรเจ้าแรกที่ออกมาทำนายทายทัก "โสรัจจะ นวลอยู่" ฉายา "นอสตราดามุสเมืองไทย" ทำนายดวงเมืองว่า
ปี นี้ถึงคราวประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง มีการต่อสู้เพื่อให้ประเทศอยู่รอด โดยการต่อสู้นั้นจะพัฒนารูปแบบไปในทิศทางใดก็สุดจะคาดการณ์ได้ ที่แน่ ๆ ไม่มีใครจะควบคุมหรือบอกใครได้
ส่วนคำทำนายเรื่องเศรษฐกิจนั้น โหรนอสตราดามุสเมืองไทยระบุว่า ไทยจะได้รับผลกระทบจากกรณี "ยูโรโซน" อย่างรุนแรง อาจจะต้องเดินซ้ำรอยเท้ากรีซ เกิดฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์
ฟังแล้วก็ขนลุกขนพองกับการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2556
ใคร ได้อ่านได้ฟังแล้วอาจเกิดอาการ "สติแตก" โดยไม่รู้ตัว เพราะสังคมไทยเดี๋ยวนี้เป็น "สังคมเซนซิทีฟ" มีความเปราะบางอย่างยิ่ง กระทบนิดกระทบหน่อยอาจแตกร้าวได้ง่าย ๆ
มีตัวอย่างให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ถึงเรื่องสติแตก โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดในเมืองไทย แต่เป็นที่ฮ่องกง
เมื่อ ชายผู้หนึ่งฟังข่าวเรื่อง "วันสิ้นโลก" คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ก็เกิดอาการควบคุมความคิดไม่ได้ ถึงขั้นไปลาออกจากงานแล้วไปเบิกเงินที่เก็บไว้ในธนาคารออกมาใช้จ่ายจนหมด สิ้น เท่านั้นยังไม่หนำใจ ยังใช้บัตรเครดิตกดเงินสดออกมาใช้เต็มวงเงินทุกใบ เพื่อหาความสุขให้ตัวเองในวาระสุดท้าย ครั้นพอถึงวันที่ทำนายว่าโลกจะแตกผ่านไป โดยโลกก็ยังไม่แตก ยังเป็นของมันอย่างเดิม ป่านนี้เลยไม่รู้ว่าชะตาของหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างไรไปแล้วบ้าง !!!
ถ้า หากละวางเรื่องของโหราศาสตร์ หันมาฟังตรรกะที่เป็นจริงของผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง "คุณสมชัย สัจจพงษ์" ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งออกมาให้ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2556 ว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ที่ร้อยละ 5.2
เหตุ เพราะอุปสงค์ภาครัฐและอุปสงค์จากต่างประเทศคงจะขยายตัวได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเบิกจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐ ที่มีวงเงินลงทุนสูงถึง 3.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามก็ยังมีภาพที่ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงอยู่ คืออุปสงค์ภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอลง ภายหลังที่มีการเร่งการบริโภคและการลงทุนเพื่อฟื้นฟูภายหลังเหตุการณ์น้ำ ท่วมไปมากแล้วในปี 2555
สำหรับอัตราเงินเฟ้อปี 2556 คุณสมชัยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ตามอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชีย
ขณะที่ กูรูทางเศรษฐศาสตร์ "ดร.โกร่ง-วีรพงษ์ รามางกูร" เห็นว่า เศรษฐกิจปีงูเล็กไม่สาหัสอย่างที่เข้าใจกัน โดยอิงจากเศรษฐกิจของประเทศจีนเป็นหลัก เศรษฐกิจของจีนยังเดินหน้าต่อไป ซึ่งทำให้ไทยน่าจะได้เปรียบที่สุด อีกประการคือราคาน้ำมันในปีหน้ามีทีท่าลดลง ก็น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจของพลโลกดีขึ้น
แต่ทั้งหมดเป็นเพียงคำทำนาย ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังมี "ตัวแปร" และ "ปัจจัยเสี่ยง" อีกหลายสิ่ง อาทิ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะเป็นไปตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด
ความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน หรือสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง เป็นต้น
ดัง นั้นเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นไปอย่างไร อยู่ที่ตัวคนเราต้องดำเนินไปกับมันอย่างมี "สติ" คือระลึกรู้ทันปัจจุบันว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเรา