ผมมีเรื่องราวที่เกิดกับตัวเองวันนี้ บ่ายสามโมง สถานีรถไฟดอนเมือง อยากให้เป็นอุธาหรณ์กับนักเดินทางทุกคน
หรือแม้กระทั่ง ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์ทำให้ต้องช่วยเหลือคน
ก็จะเล่าโดยปราศจากรูปภาพแล้วกันนะครับ มันมีรูปกองเลือดกับผู้บาดเจ็บอยู่ อาจจะไม่สวยงามนักเท่าไหร่
คือวันนี้ผมออกจาก รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติมา แล้วก็กลับบ้านไปเอาของเพื่อจะกลับมา รพ.ธรรมศาสตร์ฯอีกรอบ เพราะคุณย่าล้มสะโพกหัก เพิ่งจะผ่าตัดไป
ทีนี้รู้ว่าพหลโยธิน (อนุสาวรีย์ - ห้าแยกลาดพร้าว) รถติดชิหัยวายวอด ก็เลยจะเลี่ยงเส้นทาง อะไรมาดลใจให้หิวแมคโดนัลไม่รู้ เลยไปซื้อแมคกินที่ ปตท.วิภาวดี แล้วนั่งรถเมล์สาย 69 จะไปสถานีรถไฟบางเขน เพื่อจะต่อรถไฟขบวน 207 (กรุงเทพ-นครสวรรค์) ไปลงที่สถานีเชียงราก เพื่อจะเข้าไป ม.ธรรมศาสตร์รังสิต
แต่ด้วยบุญกรรมอันใด ขบวน 207 ที่มันก็ตรงเวลาเป็นเรื่องปกติของมันอยู่แล้ว ดันก่อนเวลาในวันนี้เล็กน้อย ประกอบกับอีคุณรถเมล์สาย 69 ขับได้ลมโชยมาก ผลคือเมื่อถึงบางเขน ผมตกรถไฟครับ ไปไม่ทัน เห็นตูดขบวน 207 ข้ามสะพานไปลิบๆ ก็เลยต้องนั่งรอขบวน 211(กรุงเทพ-ตะพานหิน) ที่ตามหลังมาไปลงที่ดอนเมืองแล้วต่อรถเมล์510
พอรถมาปั๊บ ก็ขึ้นนั่งเลยจ้า คันแรกติดหัวรถจักร (ทั้งตู้มี 2 คน) พอถึงดอนเมือง ก็จะข้ามไปป้ายรถเมล์ แต่ขบวน 234(สุรินทร์-กรุงเทพ)มันวิ่งสวนมา ผมเลยเดินไปข้ามสะพานลอย เป็นจังหวะที่ขบวน 211 ออกจากดอนเมืองพอดี แล้วผมก็สังเกตเห็นว่า ทำไมคนบนขบวน 234 ชี้ไม้ชี้มืออะไร ก็เลยมองตรงไปตรงตีนสะพาน เห็นร่างคนคนนึงนอนกองอยู่บนชานชาลา กระเป๋ากระเด็นกระจายไปข้างๆ และมีตำรวจรถไฟกำลังวิทยุประสานอยู่
ก็เลยเข้าไปดู เห็นว่าเป็นผู้หญิงนอนคว่ำหน้าตะแคงซ้าย ผมปิดหน้า มีร่องรอยบาดเจ็บคือเลือดสดๆสีแดงไหลตามศีรษะและนองบนชานชาลา ด้วยความกลัวเลือดและกลัวแผล และเห็นว่าตำรวจรถไฟเอย พนักงานสถานีดอนเมืองเอย (และแม่ค้า CNN เอย) กำลังช่วยผู้บาดเจ็บอยู่ ผมก็เลยจะไปขึ้นรถเมล์
แต่ไอ้ตาเจ้ากรรมดันมองไปเห็น tag ติดกระเป๋าเป็น คาเธ่ย์ แปซิฟิค
ผมเลยตะโกนถามกับตำรวจรถไฟว่า คนไทยหรือต่างชาติ
ตำรวจท่านนั้นเลยตะโกนกลับว่า คนจีน น้องพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ผมก็บอกว่าได้ เลยไปเป็นล่ามให้ตำรวจ
ตอนนั้นสภาพผู้หญิงคนนึ้คือ ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองบาดเจ็บ เค้าถามว่า why i'm here. what happen to me
ผมก็ตอบไปว่า you're falling down from train and you hurt. นางก็แสดงอาการตกใจประมาณว่า กูเนี่ยนะตกมาจากรถไฟ
แล้วเธอก็ชี้ไปที่กองเลือดถามว่า is it my blood? (ในใจก็คิด หล่อนไม่เจ็บเลยรึไงวะ) เราก็พยายามทำให้เค้าหายตกใจ และยอมให้ปอเต๊กตึ๊งมาทำแผลให้
ตอนนั้นผมก็ถามว่า where u go. เธอบอกเพียงแค่ว่า i don't know why i'm here
what time is it
what date is today
i think my head is broken
Maybe someone push me from the train
ซ้ำๆ ซ้ำๆ แบบนี้ตลอด
และที่สำคัญ เธอไม่สามารถจำเรื่องราวในช่วง 1 อาทิตย์นี้ได้เลยแม้แต่เหตุการณ์เดียว ซึ่งแน่นอน ยากมากครับที่จะถามเธอว่า ทำไมหล่อนถึงได้มานอนกองอยู่บนชานชาลานี้...
สุดท้ายแล้ว ทางสถานีรถไฟก็ประสานงานกับปอเต๊กตึ๊ง และนำส่ง รพ.ภูมิพล โดยทันที เพราะเสียเลือดเยอะ และ ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างแรง
เมื่ออยู่บนรถ เธอก็ยังคงถามคำถามเดิม ผมก็ได้แค่พูดกับเธอว่า Sally (ชื่อนาง) calm down, you're safe, we're helping you. Look at me you're safe i'll be at your side, we will go to hospital don't worry
(เชื่อมะ ผมพูดคำนี้ตั้งแต่สถานีรถไฟยันโรงพยาบาล)
เมื่อถึงโรงพยาบาลก็มีการสอบถามผมเล็กน้อย และตอนนี้เธอดีขึ้นมาบ้างแล้ว เราขอดูเอกสารเธอ พบว่ามีเพียงแค่
1. passport ซึ่งประทับตราเข้ามาจากทางเชียงใหม่
2. ตั๋วรถทัวร์ เชียงใหม่ - สุโขทัย
3. ตั๋วรถทัวร์ สุโขทัย - กรุงเทพ
4. ตั๋วรถไฟ กรุงเทพ - ดอนเมือง
แต่เธอก็ยังจำไม่ได้อยู่ดีว่า เธอมาอยู่ทีนี่ได้ยังไง จนเราขอดูกล้องถ่ายรูป พบว่าก่อนหน้าที่เธอจะขึ้นรถไฟมา เธอได้ไปวัดโพธิ์ และ วัดอรุณ คาดว่าคงจะเหนื่อยและหลับบนรถไฟมา พอรู้สึกตัวอีกทีก็ถึงดอนเมือง และรีบร้อนจะกระโดดลง
แต่!!!!
หูของกระเป๋าเป้ ไปเกี่ยวกับราวบันได แล้วคงพลาดตกลงมาหัวกระแทกพื้นชานชาลา ผมก็เลยอ๋อเลยว่า ทำไมเธอถึงพูดว่า Someone push me from the train (มีคนผลักฉันตกรถไฟ)
ซึ่งก็ตรงกันกับภาพที่เราเห็นจาก CCTV ของสถานีรถไฟครับ
เรื่องก็มีเท่านี้
จึงอยากฝากให้ทุกคนที่เดินทาง ระมัดระวังกันด้วยนะครับ และไม่ต้องรีบร้อน ถ้าหากติดไปกับขบวนรถจริงให้แจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟโดยเร็วที่สุดครับ
ปล.
1. Sally อาการปลอดภัย พ้นขีดอันตรายแล้ว และเท่าที่ติดต่อไปก็จำเรื่องราวได้มากขึ้นแล้วครับ แต่คงต้องแอดมิทเพื่อตรวจสมองด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นทางสถานฑูตฮ่องกงจะเป็นผู้รับผิดชอบส่วนนี้ครับ
2. กลายเป็นหายกลัวเลือดไปเลยวันนี้.....
3. ชีวิตนี้จะจดจำไว้ว่าได้นั่งรถ first aid ของปอเต๊กตึ๊ง ซึ่งเปิดไซเรนได้แสบแก้วหูม๊ากกก
บอกได้ตรงๆว่า วันนี้อิ่มใจจริงๆครับเจอเหตุการณ์แนวๆนี้บ่อยมาก ตั้งแต่มีน้องทำบีบีหล่นบนแท๊กซี่ที่หัวลำโพง ช่วยคนจีนที่ตกรถไฟเพราะมาผิดสถานี ฯลฯ และทุกครั้งผมก็จะเต็มใจช่วยเหลือนะครับ ไม่รู้เพราะอะไรชีวิตถึงได้เจออะไรแบบนี้บ่อยๆ
ท้ายที่สุด(อีกที)อยากจะบอกคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ จงอย่าอายที่จะช่วยเหลือใครครับ นอกจากคุณจะอิ่มใจแล้ว คนที่คุณช่วยเหลือก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย และคุณจะเป็นที่จดจำของเขาไปอีกนาน
สุดท้ายผมต้องขอขอบคุณ พี่ๆตำรวจรถไฟที่ประจำการสถานีดอนเมือง นายสถานีดอนเมือง ผู้ช่วยนายสถานีดอนเมือง รวมถึงพี่ๆมูลนิธิปอเต๊กตึ๊งของละแวกดอนเมือง โดยเฉพาะพี่โยนะครับ
ขอเสียงปรบมือดังๆให้กับคนรถไฟ และ อาสาสมัครมูลนิธิเหล่านี้ด้วยครับ
--------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม ณ วันที่ 28 ธันวาคม
ผู้ป่วยมีอาการเลือดออกในสมองครับ กำลังประเมินเรื่องการผ่าตัดอยู่ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เธอด้วยนะครับ เธอจำได้แล้วว่าวันนั้นไปดอนเมืองเพราะจะต่อเครื่องไปกัมพูชาครับ
วันนี้ ที่สถานีรถไฟดอนเมือง ขอแชร์เหตุการณ์ครับ(เรื่องโค-ตะ-ระ บังเอิญ)
หรือแม้กระทั่ง ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์ทำให้ต้องช่วยเหลือคน
ก็จะเล่าโดยปราศจากรูปภาพแล้วกันนะครับ มันมีรูปกองเลือดกับผู้บาดเจ็บอยู่ อาจจะไม่สวยงามนักเท่าไหร่
คือวันนี้ผมออกจาก รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติมา แล้วก็กลับบ้านไปเอาของเพื่อจะกลับมา รพ.ธรรมศาสตร์ฯอีกรอบ เพราะคุณย่าล้มสะโพกหัก เพิ่งจะผ่าตัดไป
ทีนี้รู้ว่าพหลโยธิน (อนุสาวรีย์ - ห้าแยกลาดพร้าว) รถติดชิหัยวายวอด ก็เลยจะเลี่ยงเส้นทาง อะไรมาดลใจให้หิวแมคโดนัลไม่รู้ เลยไปซื้อแมคกินที่ ปตท.วิภาวดี แล้วนั่งรถเมล์สาย 69 จะไปสถานีรถไฟบางเขน เพื่อจะต่อรถไฟขบวน 207 (กรุงเทพ-นครสวรรค์) ไปลงที่สถานีเชียงราก เพื่อจะเข้าไป ม.ธรรมศาสตร์รังสิต
แต่ด้วยบุญกรรมอันใด ขบวน 207 ที่มันก็ตรงเวลาเป็นเรื่องปกติของมันอยู่แล้ว ดันก่อนเวลาในวันนี้เล็กน้อย ประกอบกับอีคุณรถเมล์สาย 69 ขับได้ลมโชยมาก ผลคือเมื่อถึงบางเขน ผมตกรถไฟครับ ไปไม่ทัน เห็นตูดขบวน 207 ข้ามสะพานไปลิบๆ ก็เลยต้องนั่งรอขบวน 211(กรุงเทพ-ตะพานหิน) ที่ตามหลังมาไปลงที่ดอนเมืองแล้วต่อรถเมล์510
พอรถมาปั๊บ ก็ขึ้นนั่งเลยจ้า คันแรกติดหัวรถจักร (ทั้งตู้มี 2 คน) พอถึงดอนเมือง ก็จะข้ามไปป้ายรถเมล์ แต่ขบวน 234(สุรินทร์-กรุงเทพ)มันวิ่งสวนมา ผมเลยเดินไปข้ามสะพานลอย เป็นจังหวะที่ขบวน 211 ออกจากดอนเมืองพอดี แล้วผมก็สังเกตเห็นว่า ทำไมคนบนขบวน 234 ชี้ไม้ชี้มืออะไร ก็เลยมองตรงไปตรงตีนสะพาน เห็นร่างคนคนนึงนอนกองอยู่บนชานชาลา กระเป๋ากระเด็นกระจายไปข้างๆ และมีตำรวจรถไฟกำลังวิทยุประสานอยู่
ก็เลยเข้าไปดู เห็นว่าเป็นผู้หญิงนอนคว่ำหน้าตะแคงซ้าย ผมปิดหน้า มีร่องรอยบาดเจ็บคือเลือดสดๆสีแดงไหลตามศีรษะและนองบนชานชาลา ด้วยความกลัวเลือดและกลัวแผล และเห็นว่าตำรวจรถไฟเอย พนักงานสถานีดอนเมืองเอย (และแม่ค้า CNN เอย) กำลังช่วยผู้บาดเจ็บอยู่ ผมก็เลยจะไปขึ้นรถเมล์
แต่ไอ้ตาเจ้ากรรมดันมองไปเห็น tag ติดกระเป๋าเป็น คาเธ่ย์ แปซิฟิค
ผมเลยตะโกนถามกับตำรวจรถไฟว่า คนไทยหรือต่างชาติ
ตำรวจท่านนั้นเลยตะโกนกลับว่า คนจีน น้องพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ผมก็บอกว่าได้ เลยไปเป็นล่ามให้ตำรวจ
ตอนนั้นสภาพผู้หญิงคนนึ้คือ ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองบาดเจ็บ เค้าถามว่า why i'm here. what happen to me
ผมก็ตอบไปว่า you're falling down from train and you hurt. นางก็แสดงอาการตกใจประมาณว่า กูเนี่ยนะตกมาจากรถไฟ
แล้วเธอก็ชี้ไปที่กองเลือดถามว่า is it my blood? (ในใจก็คิด หล่อนไม่เจ็บเลยรึไงวะ) เราก็พยายามทำให้เค้าหายตกใจ และยอมให้ปอเต๊กตึ๊งมาทำแผลให้
ตอนนั้นผมก็ถามว่า where u go. เธอบอกเพียงแค่ว่า i don't know why i'm here
what time is it
what date is today
i think my head is broken
Maybe someone push me from the train
ซ้ำๆ ซ้ำๆ แบบนี้ตลอด
และที่สำคัญ เธอไม่สามารถจำเรื่องราวในช่วง 1 อาทิตย์นี้ได้เลยแม้แต่เหตุการณ์เดียว ซึ่งแน่นอน ยากมากครับที่จะถามเธอว่า ทำไมหล่อนถึงได้มานอนกองอยู่บนชานชาลานี้...
สุดท้ายแล้ว ทางสถานีรถไฟก็ประสานงานกับปอเต๊กตึ๊ง และนำส่ง รพ.ภูมิพล โดยทันที เพราะเสียเลือดเยอะ และ ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างแรง
เมื่ออยู่บนรถ เธอก็ยังคงถามคำถามเดิม ผมก็ได้แค่พูดกับเธอว่า Sally (ชื่อนาง) calm down, you're safe, we're helping you. Look at me you're safe i'll be at your side, we will go to hospital don't worry
(เชื่อมะ ผมพูดคำนี้ตั้งแต่สถานีรถไฟยันโรงพยาบาล)
เมื่อถึงโรงพยาบาลก็มีการสอบถามผมเล็กน้อย และตอนนี้เธอดีขึ้นมาบ้างแล้ว เราขอดูเอกสารเธอ พบว่ามีเพียงแค่
1. passport ซึ่งประทับตราเข้ามาจากทางเชียงใหม่
2. ตั๋วรถทัวร์ เชียงใหม่ - สุโขทัย
3. ตั๋วรถทัวร์ สุโขทัย - กรุงเทพ
4. ตั๋วรถไฟ กรุงเทพ - ดอนเมือง
แต่เธอก็ยังจำไม่ได้อยู่ดีว่า เธอมาอยู่ทีนี่ได้ยังไง จนเราขอดูกล้องถ่ายรูป พบว่าก่อนหน้าที่เธอจะขึ้นรถไฟมา เธอได้ไปวัดโพธิ์ และ วัดอรุณ คาดว่าคงจะเหนื่อยและหลับบนรถไฟมา พอรู้สึกตัวอีกทีก็ถึงดอนเมือง และรีบร้อนจะกระโดดลง
แต่!!!!
หูของกระเป๋าเป้ ไปเกี่ยวกับราวบันได แล้วคงพลาดตกลงมาหัวกระแทกพื้นชานชาลา ผมก็เลยอ๋อเลยว่า ทำไมเธอถึงพูดว่า Someone push me from the train (มีคนผลักฉันตกรถไฟ)
ซึ่งก็ตรงกันกับภาพที่เราเห็นจาก CCTV ของสถานีรถไฟครับ
เรื่องก็มีเท่านี้
จึงอยากฝากให้ทุกคนที่เดินทาง ระมัดระวังกันด้วยนะครับ และไม่ต้องรีบร้อน ถ้าหากติดไปกับขบวนรถจริงให้แจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟโดยเร็วที่สุดครับ
ปล.
1. Sally อาการปลอดภัย พ้นขีดอันตรายแล้ว และเท่าที่ติดต่อไปก็จำเรื่องราวได้มากขึ้นแล้วครับ แต่คงต้องแอดมิทเพื่อตรวจสมองด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นทางสถานฑูตฮ่องกงจะเป็นผู้รับผิดชอบส่วนนี้ครับ
2. กลายเป็นหายกลัวเลือดไปเลยวันนี้.....
3. ชีวิตนี้จะจดจำไว้ว่าได้นั่งรถ first aid ของปอเต๊กตึ๊ง ซึ่งเปิดไซเรนได้แสบแก้วหูม๊ากกก
บอกได้ตรงๆว่า วันนี้อิ่มใจจริงๆครับเจอเหตุการณ์แนวๆนี้บ่อยมาก ตั้งแต่มีน้องทำบีบีหล่นบนแท๊กซี่ที่หัวลำโพง ช่วยคนจีนที่ตกรถไฟเพราะมาผิดสถานี ฯลฯ และทุกครั้งผมก็จะเต็มใจช่วยเหลือนะครับ ไม่รู้เพราะอะไรชีวิตถึงได้เจออะไรแบบนี้บ่อยๆ
ท้ายที่สุด(อีกที)อยากจะบอกคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ จงอย่าอายที่จะช่วยเหลือใครครับ นอกจากคุณจะอิ่มใจแล้ว คนที่คุณช่วยเหลือก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย และคุณจะเป็นที่จดจำของเขาไปอีกนาน
สุดท้ายผมต้องขอขอบคุณ พี่ๆตำรวจรถไฟที่ประจำการสถานีดอนเมือง นายสถานีดอนเมือง ผู้ช่วยนายสถานีดอนเมือง รวมถึงพี่ๆมูลนิธิปอเต๊กตึ๊งของละแวกดอนเมือง โดยเฉพาะพี่โยนะครับ
ขอเสียงปรบมือดังๆให้กับคนรถไฟ และ อาสาสมัครมูลนิธิเหล่านี้ด้วยครับ
--------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม ณ วันที่ 28 ธันวาคม
ผู้ป่วยมีอาการเลือดออกในสมองครับ กำลังประเมินเรื่องการผ่าตัดอยู่ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เธอด้วยนะครับ เธอจำได้แล้วว่าวันนั้นไปดอนเมืองเพราะจะต่อเครื่องไปกัมพูชาครับ