กลับมาต่อกันกับอีก 1 เรื่องราวที่มาอยากนำมาเล่าให้ฟังกันสนุกๆนะครับ เรื่องราวของคนไข้แบบนี้ จุดจุดจุด แบบไหนก็เติมกันเอาเอง อย่างที่บอกเรื่องนี้นำมาเล่าให้ฟังเป็นเหมือนการเล่าประสบการณ์การรักษาอย่างหนึ่งนะครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ยังเป็นคนไข้ที่ต้องรักษาอยู่ดี
สำหรับท่านที่ยังงงๆว่านี่ใคร เรื่องอะไร ตามกระทู้นี่ไปครับ
http://www.ppantip.com/cafe/lumpini/topic/L13074933/L13074933.html ภาคที่แล้วก็เล่าเรื่องของความเมา ไปแล้วนะครับ ความเมานี่นอกจากจะทำให้สุขภาพกายเสื่อม สุขภาพจิตเสื่อม ยังทำให้สุขภาพคนอื่นเสื่อมไปด้วยนะครับ และที่สำคัญที่บอกว่ามีปัญหาแล้วกินเหล้า (คนไข้อ้างบ่อยว่าเป็นความจำเป็น หมอไม่เป็นผมหมอไม่รู้หรอก) อันนี้ไม่ช่วยครับ เพราะปัญหาก็ยังอยู่เหมือนเดิม สมรรถภาพในการแก้ปัญหานั้นๆจะลดลงไปด้วย แถมจะไปมีโอกาสก่อปัญหาเพิ่มเติมกันต่อไปอีก เพราะฉะนั้นปีใหม่ (จริงๆก็เวลาอื่นด้วย) ก็ระวังเรื่องสุขภาพและการดื่มเหล้ากันไว้นิดหนึ่งก็ดีครับ...
และแน่นอนครับ เพื่อความอินอย่าลืมนึกว่าท่านเป็นหมอไปด้วยนะครับ เพื่อรสชาติและการเข้าใจหัวอกหมอ (โบร้ยยยยขนาดนั้น)
1. ท่านเลือกคนไข้ไม่ได้ครับ คงต้องเจอบ้าง
2. ท่านไม่สามารถบอกว่าไม่รักษาคนไข้คนนี้ ปล่อยไว้ตรงนี้ ช่างเค้าไม่สนใจไม่ได้ครับ
3. การตอบโต้ใดของท่านจะส่งผลถึงการฟ้องร้อง ร้องเรียน ทั้งต่อหน่วยงานที่สังกัด ออกสื่อ ปัญหามากมายที่จะตามมา
4. Copy paste จากภาคที่แล้วชัดๆ
เอาละๆเรามาต่อกันเลยดีกว่าเนาะ กับเรื่องราวต่อไปว่าคนไข้แบบไหน ที่.....(จุดจุดจุด)
2. คนไข้ VIP และ อยาก VIP
ประเด็นนี่ซุ่มเสี่ยงต่อการเขียนมากครับ แต่ก็นะอยากเขียนอ่ะ เอาเป็นว่าลบเลี่ยง เอาแบบฉิวๆละกัน
VIP ในที่นี้ ผมขออนุญาตหมายถึง Very Important Person ละกันนะครับ ก็คือบุคคลที่สำคัญมากกกกก สำคัญเป็นพิเศษ
หลายๆครั้งนะครับที่หมอมักจะต้องตรวจคนไข้ที่เป็นในลักษณะที่ตัวคนไข้เข้าใจเองว่าเป็น VIP และญาติหรือคนที่นำมาเป็น VIP
สำหรับหมอท่านอื่นผมไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าหมอโดยส่วนใหญ่เวลารักษาคนไข้ ก็รักษาคนไข้ทุกคนประหนึ่งว่าเป็น “คนไข้เหมือนกัน” นั่นละครับ ส่วนวิธีการรักษา ยาที่ใช้ การผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ รูปแบบการรักษา อาจมีแตกต่างกันไปบ้าง อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสิทธิคนไข้ ค่าใช้จ่าย เพราะการรักษาแต่ละแบบค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันไปนะครับ แต่โดยตัวโรค พื้นฐานการรักษา VIP ไม่ VIP ก็รักษาเหมือนกันนั่นละครับ
คนไข้ที่(ว่ากันว่าและเข้าใจกันไปเองว่า)เป็น VIP เนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคม ตำแหน่งใหญ่โต รวยมาก สื่อ ผู้มีอิทธิพล อะไรประมาณนี้ หรือรู้จักสนิทกับบุคคลเหล่านี้ รู้จักคนดัง สนิทเป็นพิเศษ ญาติสื่อมวลชน รู้จักกับอาจารย์หมอดังๆ ซึ่งขออนุญาตและละไว้ในฐานที่เข้าใจ (หรือไม่ก็ตาม) ละกันนะครับ
ทีนี้คนไข้เหล่านี้ ทำไม จุดจุดจุดละ ในคนไข้เหล่านี้บางคน (ย้ำนะครับบางคน) มักจะใช้ความเป็น VIP ในทางไม่ถูกไม่ควร และปัญหาคือแพทย์เอง บางครั้งก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ เอาเหตุการณ์เล่ากันเลยแล้วกัน
ตัวอย่างเหตุการณ์
หมอหนุ่มคนหนึ่ง ขณะออกตรวจ ผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คนไข้ก็นอนรอคิวเรียงตรวจเป็น 10 คนละครับ ต้องอธิบายและชี้แจงก่อนนะครับ ว่าการตรวจคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินเนี่ย เราจะเรียงคิวตาม “ความเร่งด่วนที่ต้องรักษา” เช่นถ้าคนไข้มาด้วยปวดท้องโรคกระเพาะ แม้จะเข้ามาตรวจก่อนแต่ถ้ามีคนไข้หัวใจหยุดเต้นเข็นเข้ามา หมอก็ต้องไปดูคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นก่อนเพราะห้องฉุกเฉินจะเน้นคนไข้ที่ฉุกเฉินและต้องรักษาก่อนตามความเห็นแพทย์ และพื้นฐานของโรคนะครับ (จะมีจุดคัดกรองที่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปห้องฉุกเฉิน) ไม่ใช่ความฉุกเฉินของญาติ เพราะผมเชื่อและเข้าใจว่าคนไข้ที่มาโรงพยาบาลก็จะมีความเชื่อว่าโรคของตัวเองเร่งด่วนและฉุกเฉิน อยากรักษาเร็วๆทุกคนนั่นแหละครับ
ประเด็นก็คือในวันนั้นมีหมอที่ห้องฉุกเฉินประมาณ 3-4 คนครับก็มีคนไข้เข้ามาตรวจเยอะจริงๆประมาณ 20-25 คนได้ ดังนั้นก็ต้องมีการจัดเรียงคิวตรวจตามความเร่งด่วน
ชายหนุ่มอายุ 40 ต้นๆ คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหมอแล้วโวยวายครับ
“ทำไม หลานผมยังไม่ได้ตรวจซะที!!!”
“คิวที่ 10 สีเขียวนะครับ อาจจะต้องรอสักครู่ เป็นไรมาครับ”
“ปวดท้องมา”
หมอหันไปดูก็เห็นคนไข้เป็นเด็กอายุประมาณ 15 ปีครับ นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ท่าทางไม่ได้ปวดมากครับ
“ครับเดี๋ยวผมไปดูให้ ต้องขอโทษด้วยคนไข้เยอะมาก ผมอาจจะต้องไปดูคนไข้ที่แย่กว่าก่อน”
“รอๆๆๆๆๆ จะให้รอไปถึงเมื่อไร จะเป็นชั่วโมงอยู่แล้วนะ”
“ครับ เดี๋ยวไปดูให้ครับ”
“หมอ !!! ผมมีญาติเป็นนักข่าวนะหมอรู้ใช่ไหม สื่อเนี่ยกว้างขวางนะ สงสัยจะต้องเขียนซะแล้วว่าโรงพยาบาลชุ่ย ให้คนไข้รอนาน”
อึ้งครับ............
“ผมจำเป็นครับ คนไข้ที่มาที่นี่ก็รีบด่วนกันทุกคนแต่เราก็ต้องตรวจตามความเร่งด่วนของโรค ที่จุดคัดกรองเค้าคัดมาแล้วว่าหลานคุณ อาการไม่ได้รีบด่วนมาก(สีเขียว) เพราะฉะนั้นผมต้องไปตรวจคนไข้ที่รีบด่วนกว่าก่อน (สีแดงหรือสีเหลือง) เพราะผมเองก็ต้องทำตามหน้าที่ และต้องให้คนไข้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ตามทรัพยากรที่เรามีอยู่”
จากนั้นหมอหนุ่มก็ไปตรวจคนไข้ที่รีบด่วนกว่าเหมือนเดิมครับ ปล่อยให้ญาติ โวยวายงุบงิบๆ ไปสักพักแล้วก็ค่อยไปตรวจเมื่อถึงคิว สรุปเด็กเป็นประมาณท้องอืดครับ ไปกินบุฟเฟต์มา กินเยอะแล้วก็นอนเลย เลยเหมือนอืดๆท้อง ประมาณนั้น
ผมได้มีโอกาสคุยกับหมอคนนี้ครับ
“ไม่กลัวโดนเหรอพี่”
“พี่ว่าพี่ทำในสิ่งที่ถูกนะ คนไข้ในวันนั้น ก็รักษาดีทุกคนไม่มีคนไข้คนไหนมีปัญหา เราทำตามหน้าที่ ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกและเหมาะสมที่สุด ด้วยทรัพยากรแค่นี้ คนแค่นี้ กับคนไข้เท่านี้พี่ว่าพี่ก็ทำเต็มที่ได้เท่านี้แหละ ถ้าเค้าอยากจะเขียนหรืออยากจะทำอะไรก็ทำไป พี่ทำแล้วคนไข้รอดหมด ดีหมด ทำดีที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกมั้ง”
“พี่หล่อวะ”
“พี่รู้”
จบการสนทนา........
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
หรือในบางกรณีก็จะมีคนไข้ที่อยาก VIP แบบไม่ทราบสาเหตุครับและเข้าใจว่าตัวเองหรือญาติเป็นคนไข้ VIP แบบเหตุผลงงๆ
ตัวอย่างเหตุการณ์
หมอหนุ่มคนหนึ่งตรวจผู้ป่วยนอกอยู่ครับ คนไข้รอตรวจบานตะไท ประมาณ 100-120 คนละครับ ตรวจกันไปคนที่รออยู่ข้างนอก ก็รอไป แพทย์ก็ตรวจอัดเต็มสปีดไป ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาครับอายุ ประมาณ 30 ปลายๆ พาลูกชายอายุประมาณ 8 ปี มาตรวจด้วยเรื่องเหมือนเป็นหวัดมีน้ำมูกไหล เจ็บคอประมาณนี้
“คนไข้คนต่อไปเชิญเลยครับ”
ชายคนนี้ก็พาลูกเดินตรงเข้ามาในห้องตรวจเลยครับ แซงคิวต่อไปเข้ามาดื้อๆ
“เอ่อ.... ผมหมายถึงคิวถัดไปนะครับ ตามคิวครับ”
“ขอผมก่อนได้ไหม เนี่ยลูกผมน้ำมูกไหลมา 3-4 วันแล้วสงสารมัน มันงอแงไม่ค่อยอยากรอแล้วด้วย”
“ก็ต้องตามคิวอ่ะครับ (คิวต่อไปเป็นเด็ก 5 ขวบไม่อยากจะพูด)”
ชายคนนั้นก็เหลือบมาเห็นตราที่หน้าอกเสื้อกาวน์ของแพทย์ครับ
“อ้าวหมอจบ ......(โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง)ใช่ไหม”
“ครับ”
“หมอรู้จักอาจารย์.........หรือเปล่า”
“ครับรู้จักครับ”
“เนี่ย ลูกผมทำคลอดที่นั่นนะเป็นคนไข้พิเศษของอาจารย์............. หมอจบจากที่นั่นใช่ไหม งั้นก็ลูกศิษย์อาจารย์.........นะสิ”
“ครับ”
พอตอบ “ครับ” เท่านั้นละครับ
ลูกพี่ก็พาลูกมานั่งเลยครับ แล้วก็จะเริ่มเล่าอาการ
“เนี่ยลูกผม.....”
“ขอโทษนะครับ ผมตรวจตามคิวนะครับ”
“เอ่อ....ลูกผมเป็นคนไข้พิเศษอาจารย์................”
“ทราบครับ แต่ยังไม่ถึงคิวครับ”
“นิดๆหน่อยๆนะหมอ ครูลูกศิษย์กัน น้ำใจ.............”
“ตามคิวละกันนะครับ เชิญรอข้างนอกละกันนะ”
ก็ต้องออกไปรอข้างนอกกันตามระเบียบละครับ
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
คนนี้เล่นเอางงเหมือนกันครับ การรู้จักอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียง เคยเป็นคนไข้มาก่อน เป็นคนไข้พิเศษ ไม่พิเศษ ใส่ไข่ เพิ่มเส้นอะไรก็ตามแต่ บางครั้งคนไข้ก็จะเข้าใจว่าตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษใดๆที่จะไปตรวจกับหมอท่านอื่นที่อาจจะเป็นลูกศิษย์ เด็กกว่า จบจากสถาบันเดียวกันได้แบบงงๆ ซึ่งจริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันนะครับ
ในทางกลับกัน คนไข้บางส่วน (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ก็น่ารักนะครับ ไม่ได้แสดงหรือโชว์กร่างใดๆเวลามาโรงพยาบาลรักษากติกาทุกอย่าง
ผมยังเคยเจอคนไข้คนหนึ่งที่บริจาคสร้างตึกโรงพยาบาล 1 ตึกเลยนะครับ (งบประมาณหลายสิบล้านอยู่) มานั่งรอตรวจอยู่หน้าห้องเลยครับ ไม่ได้มาโชว์กร่างหรือแสดงว่าตัวเองจะขอตรวจก่อนแต่อย่างใด จนเข้ามาในห้องตรวจละครับถึงได้รู้ว่ามารอตรวจ
“ผมบริจาคให้โรงพยาบาลไปแล้ว ก็เป็นของโรงพยาบาล จะมาทวงบุญคุณหาสิทธิพิเศษ ไม่ใช่นิสัยผม คนไข้ที่มาตรวจเค้าก็เจ็บป่วยกันทุกคนนะแหละ คนเราต้องรักษากติกา ถ้าผมมาตรวจ อาการไม่ได้จะตายแล้ว มันมีคิวอยู่ ผมมาช้ากว่าผมก็ต้องรอสังคมมันถึงจะอยู่ได้” เค้าว่างั้นนะฮะ
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนะครับ ของคนไข้ที่ VIP และ พยายามจะ VIP ที่นำมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ ซึ่งอย่างที่ผมเรียนให้ทราบในตอนต้นครับว่า หมอส่วนใหญ่ก็จะรักษาและปฏิบัติกับคนไข้เสมอกัน เพราะโรคภัยไข้เจ็บมันก็ไม่ค่อยได้เลือกหรอกครับว่าจะเกิดใน VIP หรือ ไม่ VIP (แม้ในบางโรคจะมีปัจจัยด้านสังคมและความเป็นอยู่เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง)
ซึ่งทุกอย่างก็จะมีกฎ กติกา ระเบียบของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ในคนไข้ที่ฉุกเฉิน อาการแย่มาก ไม่รีบตรวจจะแย่แน่ ก็ต้องรีบตรวจก่อน คนไข้ที่อาการพอรอได้ ไม่ได้แย่ ก็ต้องรอตามคิว เป็นหลักการทั่วไปละครับ
ไว้มาต่อกันคราวหน้านะครับ
และเนื่องในโอกาสปีใหม่ที่จะมาถึง ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณผู้อ่านทุกท่าน (โดยเฉพาะ fanpage หมอใหม่หัวใจแนว จบช่วงโฆษณา) มีความสุข และสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ตลอดไปนะครับ
สวัสดีปีใหม่ เจอกันปีหน้าครับ
คนไข้แบบนี้.....(ภาค 2 )
สำหรับท่านที่ยังงงๆว่านี่ใคร เรื่องอะไร ตามกระทู้นี่ไปครับ
http://www.ppantip.com/cafe/lumpini/topic/L13074933/L13074933.html
ภาคที่แล้วก็เล่าเรื่องของความเมา ไปแล้วนะครับ ความเมานี่นอกจากจะทำให้สุขภาพกายเสื่อม สุขภาพจิตเสื่อม ยังทำให้สุขภาพคนอื่นเสื่อมไปด้วยนะครับ และที่สำคัญที่บอกว่ามีปัญหาแล้วกินเหล้า (คนไข้อ้างบ่อยว่าเป็นความจำเป็น หมอไม่เป็นผมหมอไม่รู้หรอก) อันนี้ไม่ช่วยครับ เพราะปัญหาก็ยังอยู่เหมือนเดิม สมรรถภาพในการแก้ปัญหานั้นๆจะลดลงไปด้วย แถมจะไปมีโอกาสก่อปัญหาเพิ่มเติมกันต่อไปอีก เพราะฉะนั้นปีใหม่ (จริงๆก็เวลาอื่นด้วย) ก็ระวังเรื่องสุขภาพและการดื่มเหล้ากันไว้นิดหนึ่งก็ดีครับ...
และแน่นอนครับ เพื่อความอินอย่าลืมนึกว่าท่านเป็นหมอไปด้วยนะครับ เพื่อรสชาติและการเข้าใจหัวอกหมอ (โบร้ยยยยขนาดนั้น)
1. ท่านเลือกคนไข้ไม่ได้ครับ คงต้องเจอบ้าง
2. ท่านไม่สามารถบอกว่าไม่รักษาคนไข้คนนี้ ปล่อยไว้ตรงนี้ ช่างเค้าไม่สนใจไม่ได้ครับ
3. การตอบโต้ใดของท่านจะส่งผลถึงการฟ้องร้อง ร้องเรียน ทั้งต่อหน่วยงานที่สังกัด ออกสื่อ ปัญหามากมายที่จะตามมา
4. Copy paste จากภาคที่แล้วชัดๆ
เอาละๆเรามาต่อกันเลยดีกว่าเนาะ กับเรื่องราวต่อไปว่าคนไข้แบบไหน ที่.....(จุดจุดจุด)
2. คนไข้ VIP และ อยาก VIP
ประเด็นนี่ซุ่มเสี่ยงต่อการเขียนมากครับ แต่ก็นะอยากเขียนอ่ะ เอาเป็นว่าลบเลี่ยง เอาแบบฉิวๆละกัน
VIP ในที่นี้ ผมขออนุญาตหมายถึง Very Important Person ละกันนะครับ ก็คือบุคคลที่สำคัญมากกกกก สำคัญเป็นพิเศษ
หลายๆครั้งนะครับที่หมอมักจะต้องตรวจคนไข้ที่เป็นในลักษณะที่ตัวคนไข้เข้าใจเองว่าเป็น VIP และญาติหรือคนที่นำมาเป็น VIP
สำหรับหมอท่านอื่นผมไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าหมอโดยส่วนใหญ่เวลารักษาคนไข้ ก็รักษาคนไข้ทุกคนประหนึ่งว่าเป็น “คนไข้เหมือนกัน” นั่นละครับ ส่วนวิธีการรักษา ยาที่ใช้ การผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ รูปแบบการรักษา อาจมีแตกต่างกันไปบ้าง อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสิทธิคนไข้ ค่าใช้จ่าย เพราะการรักษาแต่ละแบบค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันไปนะครับ แต่โดยตัวโรค พื้นฐานการรักษา VIP ไม่ VIP ก็รักษาเหมือนกันนั่นละครับ
คนไข้ที่(ว่ากันว่าและเข้าใจกันไปเองว่า)เป็น VIP เนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคม ตำแหน่งใหญ่โต รวยมาก สื่อ ผู้มีอิทธิพล อะไรประมาณนี้ หรือรู้จักสนิทกับบุคคลเหล่านี้ รู้จักคนดัง สนิทเป็นพิเศษ ญาติสื่อมวลชน รู้จักกับอาจารย์หมอดังๆ ซึ่งขออนุญาตและละไว้ในฐานที่เข้าใจ (หรือไม่ก็ตาม) ละกันนะครับ
ทีนี้คนไข้เหล่านี้ ทำไม จุดจุดจุดละ ในคนไข้เหล่านี้บางคน (ย้ำนะครับบางคน) มักจะใช้ความเป็น VIP ในทางไม่ถูกไม่ควร และปัญหาคือแพทย์เอง บางครั้งก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ เอาเหตุการณ์เล่ากันเลยแล้วกัน
ตัวอย่างเหตุการณ์
หมอหนุ่มคนหนึ่ง ขณะออกตรวจ ผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คนไข้ก็นอนรอคิวเรียงตรวจเป็น 10 คนละครับ ต้องอธิบายและชี้แจงก่อนนะครับ ว่าการตรวจคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินเนี่ย เราจะเรียงคิวตาม “ความเร่งด่วนที่ต้องรักษา” เช่นถ้าคนไข้มาด้วยปวดท้องโรคกระเพาะ แม้จะเข้ามาตรวจก่อนแต่ถ้ามีคนไข้หัวใจหยุดเต้นเข็นเข้ามา หมอก็ต้องไปดูคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นก่อนเพราะห้องฉุกเฉินจะเน้นคนไข้ที่ฉุกเฉินและต้องรักษาก่อนตามความเห็นแพทย์ และพื้นฐานของโรคนะครับ (จะมีจุดคัดกรองที่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปห้องฉุกเฉิน) ไม่ใช่ความฉุกเฉินของญาติ เพราะผมเชื่อและเข้าใจว่าคนไข้ที่มาโรงพยาบาลก็จะมีความเชื่อว่าโรคของตัวเองเร่งด่วนและฉุกเฉิน อยากรักษาเร็วๆทุกคนนั่นแหละครับ
ประเด็นก็คือในวันนั้นมีหมอที่ห้องฉุกเฉินประมาณ 3-4 คนครับก็มีคนไข้เข้ามาตรวจเยอะจริงๆประมาณ 20-25 คนได้ ดังนั้นก็ต้องมีการจัดเรียงคิวตรวจตามความเร่งด่วน
ชายหนุ่มอายุ 40 ต้นๆ คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหมอแล้วโวยวายครับ
“ทำไม หลานผมยังไม่ได้ตรวจซะที!!!”
“คิวที่ 10 สีเขียวนะครับ อาจจะต้องรอสักครู่ เป็นไรมาครับ”
“ปวดท้องมา”
หมอหันไปดูก็เห็นคนไข้เป็นเด็กอายุประมาณ 15 ปีครับ นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ท่าทางไม่ได้ปวดมากครับ
“ครับเดี๋ยวผมไปดูให้ ต้องขอโทษด้วยคนไข้เยอะมาก ผมอาจจะต้องไปดูคนไข้ที่แย่กว่าก่อน”
“รอๆๆๆๆๆ จะให้รอไปถึงเมื่อไร จะเป็นชั่วโมงอยู่แล้วนะ”
“ครับ เดี๋ยวไปดูให้ครับ”
“หมอ !!! ผมมีญาติเป็นนักข่าวนะหมอรู้ใช่ไหม สื่อเนี่ยกว้างขวางนะ สงสัยจะต้องเขียนซะแล้วว่าโรงพยาบาลชุ่ย ให้คนไข้รอนาน”
อึ้งครับ............
“ผมจำเป็นครับ คนไข้ที่มาที่นี่ก็รีบด่วนกันทุกคนแต่เราก็ต้องตรวจตามความเร่งด่วนของโรค ที่จุดคัดกรองเค้าคัดมาแล้วว่าหลานคุณ อาการไม่ได้รีบด่วนมาก(สีเขียว) เพราะฉะนั้นผมต้องไปตรวจคนไข้ที่รีบด่วนกว่าก่อน (สีแดงหรือสีเหลือง) เพราะผมเองก็ต้องทำตามหน้าที่ และต้องให้คนไข้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ตามทรัพยากรที่เรามีอยู่”
จากนั้นหมอหนุ่มก็ไปตรวจคนไข้ที่รีบด่วนกว่าเหมือนเดิมครับ ปล่อยให้ญาติ โวยวายงุบงิบๆ ไปสักพักแล้วก็ค่อยไปตรวจเมื่อถึงคิว สรุปเด็กเป็นประมาณท้องอืดครับ ไปกินบุฟเฟต์มา กินเยอะแล้วก็นอนเลย เลยเหมือนอืดๆท้อง ประมาณนั้น
ผมได้มีโอกาสคุยกับหมอคนนี้ครับ
“ไม่กลัวโดนเหรอพี่”
“พี่ว่าพี่ทำในสิ่งที่ถูกนะ คนไข้ในวันนั้น ก็รักษาดีทุกคนไม่มีคนไข้คนไหนมีปัญหา เราทำตามหน้าที่ ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกและเหมาะสมที่สุด ด้วยทรัพยากรแค่นี้ คนแค่นี้ กับคนไข้เท่านี้พี่ว่าพี่ก็ทำเต็มที่ได้เท่านี้แหละ ถ้าเค้าอยากจะเขียนหรืออยากจะทำอะไรก็ทำไป พี่ทำแล้วคนไข้รอดหมด ดีหมด ทำดีที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกมั้ง”
“พี่หล่อวะ”
“พี่รู้”
จบการสนทนา........
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
หรือในบางกรณีก็จะมีคนไข้ที่อยาก VIP แบบไม่ทราบสาเหตุครับและเข้าใจว่าตัวเองหรือญาติเป็นคนไข้ VIP แบบเหตุผลงงๆ
ตัวอย่างเหตุการณ์
หมอหนุ่มคนหนึ่งตรวจผู้ป่วยนอกอยู่ครับ คนไข้รอตรวจบานตะไท ประมาณ 100-120 คนละครับ ตรวจกันไปคนที่รออยู่ข้างนอก ก็รอไป แพทย์ก็ตรวจอัดเต็มสปีดไป ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาครับอายุ ประมาณ 30 ปลายๆ พาลูกชายอายุประมาณ 8 ปี มาตรวจด้วยเรื่องเหมือนเป็นหวัดมีน้ำมูกไหล เจ็บคอประมาณนี้
“คนไข้คนต่อไปเชิญเลยครับ”
ชายคนนี้ก็พาลูกเดินตรงเข้ามาในห้องตรวจเลยครับ แซงคิวต่อไปเข้ามาดื้อๆ
“เอ่อ.... ผมหมายถึงคิวถัดไปนะครับ ตามคิวครับ”
“ขอผมก่อนได้ไหม เนี่ยลูกผมน้ำมูกไหลมา 3-4 วันแล้วสงสารมัน มันงอแงไม่ค่อยอยากรอแล้วด้วย”
“ก็ต้องตามคิวอ่ะครับ (คิวต่อไปเป็นเด็ก 5 ขวบไม่อยากจะพูด)”
ชายคนนั้นก็เหลือบมาเห็นตราที่หน้าอกเสื้อกาวน์ของแพทย์ครับ
“อ้าวหมอจบ ......(โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง)ใช่ไหม”
“ครับ”
“หมอรู้จักอาจารย์.........หรือเปล่า”
“ครับรู้จักครับ”
“เนี่ย ลูกผมทำคลอดที่นั่นนะเป็นคนไข้พิเศษของอาจารย์............. หมอจบจากที่นั่นใช่ไหม งั้นก็ลูกศิษย์อาจารย์.........นะสิ”
“ครับ”
พอตอบ “ครับ” เท่านั้นละครับ
ลูกพี่ก็พาลูกมานั่งเลยครับ แล้วก็จะเริ่มเล่าอาการ
“เนี่ยลูกผม.....”
“ขอโทษนะครับ ผมตรวจตามคิวนะครับ”
“เอ่อ....ลูกผมเป็นคนไข้พิเศษอาจารย์................”
“ทราบครับ แต่ยังไม่ถึงคิวครับ”
“นิดๆหน่อยๆนะหมอ ครูลูกศิษย์กัน น้ำใจ.............”
“ตามคิวละกันนะครับ เชิญรอข้างนอกละกันนะ”
ก็ต้องออกไปรอข้างนอกกันตามระเบียบละครับ
ถ้าท่านเป็นหมอ คนไข้แบบนี้............
คนนี้เล่นเอางงเหมือนกันครับ การรู้จักอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียง เคยเป็นคนไข้มาก่อน เป็นคนไข้พิเศษ ไม่พิเศษ ใส่ไข่ เพิ่มเส้นอะไรก็ตามแต่ บางครั้งคนไข้ก็จะเข้าใจว่าตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษใดๆที่จะไปตรวจกับหมอท่านอื่นที่อาจจะเป็นลูกศิษย์ เด็กกว่า จบจากสถาบันเดียวกันได้แบบงงๆ ซึ่งจริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันนะครับ
ในทางกลับกัน คนไข้บางส่วน (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ก็น่ารักนะครับ ไม่ได้แสดงหรือโชว์กร่างใดๆเวลามาโรงพยาบาลรักษากติกาทุกอย่าง
ผมยังเคยเจอคนไข้คนหนึ่งที่บริจาคสร้างตึกโรงพยาบาล 1 ตึกเลยนะครับ (งบประมาณหลายสิบล้านอยู่) มานั่งรอตรวจอยู่หน้าห้องเลยครับ ไม่ได้มาโชว์กร่างหรือแสดงว่าตัวเองจะขอตรวจก่อนแต่อย่างใด จนเข้ามาในห้องตรวจละครับถึงได้รู้ว่ามารอตรวจ
“ผมบริจาคให้โรงพยาบาลไปแล้ว ก็เป็นของโรงพยาบาล จะมาทวงบุญคุณหาสิทธิพิเศษ ไม่ใช่นิสัยผม คนไข้ที่มาตรวจเค้าก็เจ็บป่วยกันทุกคนนะแหละ คนเราต้องรักษากติกา ถ้าผมมาตรวจ อาการไม่ได้จะตายแล้ว มันมีคิวอยู่ ผมมาช้ากว่าผมก็ต้องรอสังคมมันถึงจะอยู่ได้” เค้าว่างั้นนะฮะ
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนะครับ ของคนไข้ที่ VIP และ พยายามจะ VIP ที่นำมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ ซึ่งอย่างที่ผมเรียนให้ทราบในตอนต้นครับว่า หมอส่วนใหญ่ก็จะรักษาและปฏิบัติกับคนไข้เสมอกัน เพราะโรคภัยไข้เจ็บมันก็ไม่ค่อยได้เลือกหรอกครับว่าจะเกิดใน VIP หรือ ไม่ VIP (แม้ในบางโรคจะมีปัจจัยด้านสังคมและความเป็นอยู่เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง)
ซึ่งทุกอย่างก็จะมีกฎ กติกา ระเบียบของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ในคนไข้ที่ฉุกเฉิน อาการแย่มาก ไม่รีบตรวจจะแย่แน่ ก็ต้องรีบตรวจก่อน คนไข้ที่อาการพอรอได้ ไม่ได้แย่ ก็ต้องรอตามคิว เป็นหลักการทั่วไปละครับ
ไว้มาต่อกันคราวหน้านะครับ
และเนื่องในโอกาสปีใหม่ที่จะมาถึง ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณผู้อ่านทุกท่าน (โดยเฉพาะ fanpage หมอใหม่หัวใจแนว จบช่วงโฆษณา) มีความสุข และสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ตลอดไปนะครับ
สวัสดีปีใหม่ เจอกันปีหน้าครับ