ผ่าบทสรุป เก็งกำไรทองคำ ของ โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง ผอ.ช่อง 8 ณ อาร์เอส เจ๊จง จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด ทั้งปี เก็บ "กำไร" จุ๋มจิ๋ม
ราคาทองคำ ที่ทะยานขึ้นต่อเนื่อง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2551-2555) จากบาทละ 12,000 บาท มาทะลุบาทละ 26,000 บาท แถมยังมีแนวโน้มไต่ไปยืนระดับบาทละ 28,000 ในปี 2556 กลายเป็น จุดกำเนิด ของ นักลงทุนหน้าใหม่ ที่นิยม การเก็งกำไร เป็นชีวิตจิตใจ โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและการตลาดฝ่ายภาพยนตร์และสถานีช่อง 8 บมจ.อาร์เอส (RS) และ เจ๊จง จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด หลัง เทสโก้โลตัส สาขาพระราม 4 เป็น 2 คน ที่ หลงใหล สีทองสุกใสของทองคำยิ่งนัก
โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง ในวัย 41 ปี เริ่มรักการออมเงินมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เขาเคยรับจ้างคัดรายชื่อคนใช้โทรศัพท์ทั่วประเทศไทยด้วยลายมือ ได้เงินมาหลักหมื่นบาท ก็นำไปให้แม่ปล่อยเงินกู้แม่ค้าในตลาด ปล่อยเงินกู้นาน 4-5 ปี ก็มีเงินเก็บหลายแสนบาท เขาต่อยอดเงินด้วยการนำไปซื้อที่ดิน 1 ไร่ ติดถนนจังหวัดนครนายก ราคาแสนกว่าบาท จากนั้นก็ซื้อที่ดินเพิ่มเรื่อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า ก่อนจะหันมา เก็งกำไรทองคำ เมื่อปลายปี 2554 เขาใช้เงิน 2.5 ล้านบาท ซื้อทองคำ 100 บาท ราคาบาทละ 23,650 บาท และขายบางส่วนตอนบาทละ 25,000 บาท ได้กำไรมาประมาณ 5% กลยุทธ์การลงทุนเน้นเล่นเป็นช็อตๆ ทุกครั้งที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นบาทละ 50-100 บาท เขาจะขายออก เล่นแบบนั้นได้กำไรวันละ 10,000 บาท
โด่ง สายตรงเล่าให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek แบบ เซ็งๆ ว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำในปี 2555 ไม่เข้าเป้าหมายเลย (ถอนหายใจเฮือกใหญ่) ตอนแรกๆ ผม ปักธง อยากได้ผลตอบแทนประมาณ 40-50% แต่สุดท้ายทำได้เพียง 10% เท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ (หัวเราะ)
เมื่อช่วงต้นปี 2555 ได้ ยกพอร์ตทองคำ ให้คุณแม่ช่วยดูแลชั่วคราว เพราะกำลังยุ่งกับการบริหารงานในช่อง 8 ซึ่งวิธีการตัดสินใจซื้อ-ขาย ของคุณแม่ผิดพลาดมาก ท่านมองเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ผมมองเป็นการทำธุรกิจ ฉะนั้นคุณแม่ย่อมอยากได้กำไรมากๆ แต่ผมขอแค่ได้กำไรนิดหน่อย ก็พร้อมจะปล่อยของออกแล้ว
ต้นปี 2555 มี ทองคำ ประมาณ 400 บาท ช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา บอกคุณแม่ให้ขายทองคำออกทั้งหมด ถ้าขายตอนนั้นได้กำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 40-50% แต่ท่านขายเพียง 200 บาท ทำให้ได้กำไรเพียง 10% คุณแม่ กั๊ก ทองคำไว้อีก 200 บาท กะจะขายทำกำไรวันหลัง เพราะคิดว่าราคาจะขึ้นอีก สุดท้ายราคาปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ช่วงนั้นพูดไม่ออกเลย เพราะกว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นมาต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน ผมตั้งใจจะขได้กำไร 20% ก็เอาแล้ว (หัวเราะ)
ถามถึงกลยุทธ์การลงทุนในปี 2556 โด่ง บอกว่า ปีหน้าผมจะดึงพอร์ตลงทุนทั้งหมดกลับมาดูแลเองเหมือนเดิม และจะลดตำแหน่งคุณแม่จากคนบริหารทองคำมาเป็นโบรกเกอร์ (หัวเราะ) เรียกง่ายๆว่า มีหน้าที่ไปซื้อขายทองคำเท่านั้น ส่วนตัวมองว่าปี 2556 ราคาทองคงปรับตัวขึ้นไม่มาก แต่คงไม่เหมือนต้นปีที่ผ่านมาที่แทบไม่มีที่ให้ขาเกี่ยว กว่าจะได้กำไร เหนื่อยแทบตาย
เขาเงียบคิด ก่อนพูดต่อว่า หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 5% จะขายทำกำไรทันที และถ้าราคาปรับตัวลดลง 20% ก็จะซื้อทันทีเช่นกัน ถามว่าทำไมตัวเลขซื้อและขายไม่สมดุลกัน ทุกครั้งที่ขายเราจะขาดทุนบาทละ100 ฉะนั้นต้องทำให้ช่องว่างการขายห่างๆ แบบนี้ถูกต้องแล้ว
วิธีการลงทุนอย่างหนึ่งที่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทุกครั้งที่ลงทุนเราต้องใช้ "เงินเย็น" เท่านั้น ห้ามกู้เงินมาซื้อเด็ดขาด ถ้าคุณทำแบบนั้นไม่มีทาง กำไร แน่นอน ผมเห็นจากคนใกล้ตัวแล้ว เพราะคุณต้องนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ย วันหนึ่งหันกลับมาดูอีกทีกำไรฉันไหนเนี่ย (หัวเราะ)
เซียนเก็งกำไร ยังเล่าถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ดินให้ฟังว่า ในปี 2556 ตั้งใจจะขายที่ดินย่านคลอง 16 และ 33 รังสิต-นครนายก ที่มีอยู่ประมาณ 10 ไร่ ผมซื้อมาเมื่อ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นราคาไร่ละ 5 ล้านบาท หากขายช่วงนี้คงได้ไร่ละประมาณ 8 ล้านบาท ตั้งใจจะนำเงินสดไปซื้อเก็งกำไรคอนโดมิเนียม ย่านรัชดา ประมาณ 3 ยูนิต แถวนั้นความต้องการสูงมาก คาดว่าจะได้กำไรจากการลงทุนประมาณ 20%
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ยังมีแผนจะขายที่ดินประมาณ 10 ไร่ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะขายได้ไร่ละประมาณ 8 ล้านบาท จากราคาต้นทุน 5 ล้านบาท ล่าสุดไปซื้อที่ดิน 20 ตารางวา เพื่อทำเป็นทางออก ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่ดินผืนนั้น ตอนนี้ก็มีคนมีติดต่อของซื้อหลายเจ้าแล้ว
เมื่อก่อนตอนอายุน้อยๆเคยคิดว่าซื้อคอนโดมิเนียมมาปล่อยดีที่สุด เพราะมีเงินเข้ามาทุกเดือน แต่เมื่อโตขึ้นทำให้รู้ว่าการมีเงินสดอยู่ในมือถือเป็นเรื่องดีที่สุด เราคิดจะลงทุนอะไรก็สามารถทำได้เลย
ทุกวันนี้ผมมีคอนโดมิเนียมให้เช่าเหลือเพียง 1 แห่ง คือ แฮปปี้ คอนโดมิเนียม แถวรัชดา 18 จำนวน 6 ยูนิต ราคาเช่าเฉลี่ย 8,000 บาทต่อเดือน ซื้อมาราคา 1 ล้านบาทต่อยูนิต ถามว่าจะซื้อคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าอีกหรือไม่ คงไม่ซื้อแล้วขอเปลี่ยนเป็นซื้อมาแล้วขาย เก็งกำไร ดีกว่า ได้กำไรมากกว่าหลายเท่าตัว
การลงทุนทองคำและที่ดินมีข้อดีแตกต่างกันไป จุดเด่น ของการลงทุนทองคำ คือ เราสามารถผันเป็นเงินสดได้ทันทีหากต้องกดีของการลงทุนที่ดิน คือ สามารถกำหนดราคาขายได้เอง แต่ทองคำต้องขายตามราคาตลาดโลกเท่านั้น
ด้าน เจ๊จง จงใจ กิจแสวง เจ้าของฉายา หมูทอดเศรษฐี เจ้าของร้านหมูทอดขายดี ตั้งอยู่หลัง เทสโก้โลตัส สาขาพระราม 4 ที่เพิ่งหันมา เก็งกำไรทอง เมื่อ 3-4 ปีก่อน เธอเคยซื้อทองคำมากที่สุด 80 บาท และยังเคยได้กำไรมากสุด 500 บาท ต่อทองคำ 1 บาทมาแล้ว
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 ราคาทองคำดูท่าทางจะไม่ขึ้น ทำให้ตัดสินใจขายออกไปก่อน ถ้าจำไม่ผิดได้กำไรนิดหน่อย จากนั้นก็ไม่ได้ซื้ออีก เพราะมีเหตุต้องนำเงินไปใช้เรื่องอื่น แต่ก็จะคอยบอกเพื่อนๆหรือคนรู้จักเกี่ยวกับสถานการณ์ทองคำ เจ๊จง เล่าให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟัง
ตอนแรกเจ๊ตัดสินใจจะขายทองคำ แล้วค่อยกลับไปซื้อใหม่ แต่บังเอิญมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปนั่งดูกราฟทองคำเหมือนเคย อีกเหตุผลที่เจ๊ยังไม่อยากลงทุน มีช่วงหนึ่งกรมสรรพากรโทรศัพท์มาเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกับเจ๊ เขาถือหนังสือพิมพ์มายืนยันเลย (หัวเราะ) เจ๊ก็จ่ายย้อนหลังไปหลายหมื่นบาท แต่ไม่เป็นไรหรอก เสียเงินแล้วเดี๋ยวดวงจะ เฮง
เจ๊จง ทิ้งท้ายว่า แม้ที่ผ่านมาจะไม่ได้ซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ แต่ก็ได้ทยอยซื้อทองรูปพรรณตอนราคาบาทละ 24,000 บาท เผื่อขายทำกำไรได้ในอนาคต เจ๊ตั้งใจว่าปี 2556 จะกลับมาลงทุนในทองคำอีกครั้ง หากมีเงินก้อน เจ๊ ชอบสนุกดี แถมได้ความรู้อีกต่างหาก ส่วนเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น อย่างที่เคยบอก ตัน ภาสกรนที เจ้าของ อิชิตัน กรุ๊ป แกห้ามไว้ กลัวเจ๊จะขาดทุนหนัก ไม่อยากมานั่งปลอบ (หัวเราะ)
ที่มา :
http://goo.gl/0mlcR
2 นักเก็งกำไรทองคำ เซ็ง!! ผลตอบแทนพลาดเป้า
ราคาทองคำ ที่ทะยานขึ้นต่อเนื่อง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2551-2555) จากบาทละ 12,000 บาท มาทะลุบาทละ 26,000 บาท แถมยังมีแนวโน้มไต่ไปยืนระดับบาทละ 28,000 ในปี 2556 กลายเป็น จุดกำเนิด ของ นักลงทุนหน้าใหม่ ที่นิยม การเก็งกำไร เป็นชีวิตจิตใจ โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและการตลาดฝ่ายภาพยนตร์และสถานีช่อง 8 บมจ.อาร์เอส (RS) และ เจ๊จง จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด หลัง เทสโก้โลตัส สาขาพระราม 4 เป็น 2 คน ที่ หลงใหล สีทองสุกใสของทองคำยิ่งนัก
โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง ในวัย 41 ปี เริ่มรักการออมเงินมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เขาเคยรับจ้างคัดรายชื่อคนใช้โทรศัพท์ทั่วประเทศไทยด้วยลายมือ ได้เงินมาหลักหมื่นบาท ก็นำไปให้แม่ปล่อยเงินกู้แม่ค้าในตลาด ปล่อยเงินกู้นาน 4-5 ปี ก็มีเงินเก็บหลายแสนบาท เขาต่อยอดเงินด้วยการนำไปซื้อที่ดิน 1 ไร่ ติดถนนจังหวัดนครนายก ราคาแสนกว่าบาท จากนั้นก็ซื้อที่ดินเพิ่มเรื่อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า ก่อนจะหันมา เก็งกำไรทองคำ เมื่อปลายปี 2554 เขาใช้เงิน 2.5 ล้านบาท ซื้อทองคำ 100 บาท ราคาบาทละ 23,650 บาท และขายบางส่วนตอนบาทละ 25,000 บาท ได้กำไรมาประมาณ 5% กลยุทธ์การลงทุนเน้นเล่นเป็นช็อตๆ ทุกครั้งที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นบาทละ 50-100 บาท เขาจะขายออก เล่นแบบนั้นได้กำไรวันละ 10,000 บาท
โด่ง สายตรงเล่าให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek แบบ เซ็งๆ ว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำในปี 2555 ไม่เข้าเป้าหมายเลย (ถอนหายใจเฮือกใหญ่) ตอนแรกๆ ผม ปักธง อยากได้ผลตอบแทนประมาณ 40-50% แต่สุดท้ายทำได้เพียง 10% เท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ (หัวเราะ)
เมื่อช่วงต้นปี 2555 ได้ ยกพอร์ตทองคำ ให้คุณแม่ช่วยดูแลชั่วคราว เพราะกำลังยุ่งกับการบริหารงานในช่อง 8 ซึ่งวิธีการตัดสินใจซื้อ-ขาย ของคุณแม่ผิดพลาดมาก ท่านมองเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ผมมองเป็นการทำธุรกิจ ฉะนั้นคุณแม่ย่อมอยากได้กำไรมากๆ แต่ผมขอแค่ได้กำไรนิดหน่อย ก็พร้อมจะปล่อยของออกแล้ว
ต้นปี 2555 มี ทองคำ ประมาณ 400 บาท ช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา บอกคุณแม่ให้ขายทองคำออกทั้งหมด ถ้าขายตอนนั้นได้กำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ 40-50% แต่ท่านขายเพียง 200 บาท ทำให้ได้กำไรเพียง 10% คุณแม่ กั๊ก ทองคำไว้อีก 200 บาท กะจะขายทำกำไรวันหลัง เพราะคิดว่าราคาจะขึ้นอีก สุดท้ายราคาปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ช่วงนั้นพูดไม่ออกเลย เพราะกว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นมาต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน ผมตั้งใจจะขได้กำไร 20% ก็เอาแล้ว (หัวเราะ)
ถามถึงกลยุทธ์การลงทุนในปี 2556 โด่ง บอกว่า ปีหน้าผมจะดึงพอร์ตลงทุนทั้งหมดกลับมาดูแลเองเหมือนเดิม และจะลดตำแหน่งคุณแม่จากคนบริหารทองคำมาเป็นโบรกเกอร์ (หัวเราะ) เรียกง่ายๆว่า มีหน้าที่ไปซื้อขายทองคำเท่านั้น ส่วนตัวมองว่าปี 2556 ราคาทองคงปรับตัวขึ้นไม่มาก แต่คงไม่เหมือนต้นปีที่ผ่านมาที่แทบไม่มีที่ให้ขาเกี่ยว กว่าจะได้กำไร เหนื่อยแทบตาย
เขาเงียบคิด ก่อนพูดต่อว่า หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 5% จะขายทำกำไรทันที และถ้าราคาปรับตัวลดลง 20% ก็จะซื้อทันทีเช่นกัน ถามว่าทำไมตัวเลขซื้อและขายไม่สมดุลกัน ทุกครั้งที่ขายเราจะขาดทุนบาทละ100 ฉะนั้นต้องทำให้ช่องว่างการขายห่างๆ แบบนี้ถูกต้องแล้ว
วิธีการลงทุนอย่างหนึ่งที่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทุกครั้งที่ลงทุนเราต้องใช้ "เงินเย็น" เท่านั้น ห้ามกู้เงินมาซื้อเด็ดขาด ถ้าคุณทำแบบนั้นไม่มีทาง กำไร แน่นอน ผมเห็นจากคนใกล้ตัวแล้ว เพราะคุณต้องนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ย วันหนึ่งหันกลับมาดูอีกทีกำไรฉันไหนเนี่ย (หัวเราะ)
เซียนเก็งกำไร ยังเล่าถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ดินให้ฟังว่า ในปี 2556 ตั้งใจจะขายที่ดินย่านคลอง 16 และ 33 รังสิต-นครนายก ที่มีอยู่ประมาณ 10 ไร่ ผมซื้อมาเมื่อ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นราคาไร่ละ 5 ล้านบาท หากขายช่วงนี้คงได้ไร่ละประมาณ 8 ล้านบาท ตั้งใจจะนำเงินสดไปซื้อเก็งกำไรคอนโดมิเนียม ย่านรัชดา ประมาณ 3 ยูนิต แถวนั้นความต้องการสูงมาก คาดว่าจะได้กำไรจากการลงทุนประมาณ 20%
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ยังมีแผนจะขายที่ดินประมาณ 10 ไร่ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะขายได้ไร่ละประมาณ 8 ล้านบาท จากราคาต้นทุน 5 ล้านบาท ล่าสุดไปซื้อที่ดิน 20 ตารางวา เพื่อทำเป็นทางออก ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่ดินผืนนั้น ตอนนี้ก็มีคนมีติดต่อของซื้อหลายเจ้าแล้ว
เมื่อก่อนตอนอายุน้อยๆเคยคิดว่าซื้อคอนโดมิเนียมมาปล่อยดีที่สุด เพราะมีเงินเข้ามาทุกเดือน แต่เมื่อโตขึ้นทำให้รู้ว่าการมีเงินสดอยู่ในมือถือเป็นเรื่องดีที่สุด เราคิดจะลงทุนอะไรก็สามารถทำได้เลย
ทุกวันนี้ผมมีคอนโดมิเนียมให้เช่าเหลือเพียง 1 แห่ง คือ แฮปปี้ คอนโดมิเนียม แถวรัชดา 18 จำนวน 6 ยูนิต ราคาเช่าเฉลี่ย 8,000 บาทต่อเดือน ซื้อมาราคา 1 ล้านบาทต่อยูนิต ถามว่าจะซื้อคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าอีกหรือไม่ คงไม่ซื้อแล้วขอเปลี่ยนเป็นซื้อมาแล้วขาย เก็งกำไร ดีกว่า ได้กำไรมากกว่าหลายเท่าตัว
การลงทุนทองคำและที่ดินมีข้อดีแตกต่างกันไป จุดเด่น ของการลงทุนทองคำ คือ เราสามารถผันเป็นเงินสดได้ทันทีหากต้องกดีของการลงทุนที่ดิน คือ สามารถกำหนดราคาขายได้เอง แต่ทองคำต้องขายตามราคาตลาดโลกเท่านั้น
ด้าน เจ๊จง จงใจ กิจแสวง เจ้าของฉายา หมูทอดเศรษฐี เจ้าของร้านหมูทอดขายดี ตั้งอยู่หลัง เทสโก้โลตัส สาขาพระราม 4 ที่เพิ่งหันมา เก็งกำไรทอง เมื่อ 3-4 ปีก่อน เธอเคยซื้อทองคำมากที่สุด 80 บาท และยังเคยได้กำไรมากสุด 500 บาท ต่อทองคำ 1 บาทมาแล้ว
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 ราคาทองคำดูท่าทางจะไม่ขึ้น ทำให้ตัดสินใจขายออกไปก่อน ถ้าจำไม่ผิดได้กำไรนิดหน่อย จากนั้นก็ไม่ได้ซื้ออีก เพราะมีเหตุต้องนำเงินไปใช้เรื่องอื่น แต่ก็จะคอยบอกเพื่อนๆหรือคนรู้จักเกี่ยวกับสถานการณ์ทองคำ เจ๊จง เล่าให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟัง
ตอนแรกเจ๊ตัดสินใจจะขายทองคำ แล้วค่อยกลับไปซื้อใหม่ แต่บังเอิญมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปนั่งดูกราฟทองคำเหมือนเคย อีกเหตุผลที่เจ๊ยังไม่อยากลงทุน มีช่วงหนึ่งกรมสรรพากรโทรศัพท์มาเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกับเจ๊ เขาถือหนังสือพิมพ์มายืนยันเลย (หัวเราะ) เจ๊ก็จ่ายย้อนหลังไปหลายหมื่นบาท แต่ไม่เป็นไรหรอก เสียเงินแล้วเดี๋ยวดวงจะ เฮง
เจ๊จง ทิ้งท้ายว่า แม้ที่ผ่านมาจะไม่ได้ซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ แต่ก็ได้ทยอยซื้อทองรูปพรรณตอนราคาบาทละ 24,000 บาท เผื่อขายทำกำไรได้ในอนาคต เจ๊ตั้งใจว่าปี 2556 จะกลับมาลงทุนในทองคำอีกครั้ง หากมีเงินก้อน เจ๊ ชอบสนุกดี แถมได้ความรู้อีกต่างหาก ส่วนเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น อย่างที่เคยบอก ตัน ภาสกรนที เจ้าของ อิชิตัน กรุ๊ป แกห้ามไว้ กลัวเจ๊จะขาดทุนหนัก ไม่อยากมานั่งปลอบ (หัวเราะ)
ที่มา : http://goo.gl/0mlcR