เรียนรู้อิสลาม สำหรับผู้ไม่เป็นมุสลิม ๖

กระทู้สนทนา
ต่อเนื่องมาจาก  http://www.ppantip.com/cafe/religious/topic/Y13096087/Y13096087.html

-----------------------------------------------------------------------------------

การอ่านและเรียนรู้วันปรโลก (อะคิเราะฮ์)

พระบัญชาให้อ่านครั้งที่สามที่ระบุไว้ในอัลกุรอาน คืออัลลอฮ์  ตรัสความว่า

“เจ้าจงอ่านบันทึกของพวกเจ้า พอเพียงแก่พวกเจ้าแล้ววันนี้ที่จะเป็นผู้ชำระบัญชีของตัวเจ้าเอง”  (อัลกุรอาน 17:14)

          คำสั่ง “จงอ่าน”จะปรากฏในอัลกุรอานเพียงสามครั้งเท่านั้น สองครั้งใน 5 โองการแรกใน ซูเราะฮ์อัลอะลัก ส่วนครั้งที่สามจะปรากฏในซูเราะฮ์อัลอิสรออ์ สองครั้งที่กล่าวถึงในซูเราะฮ์อัลอะลักเป็นประโยคคำสั่งที่ไม่เจาะจงว่าต้องอ่านอะไร ซึ่งเป็นการให้ความหมายที่กว้างและครอบคลุมถึงสรรพสิ่งต่างๆที่เป็นสัญญาณ (อายาต) ของอัลลอฮ์   ในขณะที่ “จงอ่าน” ที่กล่าวในซูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ จะมีการบ่งบอกถึงสิ่งที่จะต้องอ่าน คือ “สมุดบันทึกของเจ้า”  คือสมุดบันทึกการปฏิบัติของมนุษย์ที่ถูกนำเสนอในวันแห่งการตัดสิน (วันอาคิเราะฮ์) เพื่อเปิดเผยถึงการงานและการปฏิบัติต่างๆที่ได้กระทำมาบนโลกนี้ เป็นการตัดสินขั้นสุดท้ายที่มนุษย์พึงได้รับ เพื่อกำหนดว่าเขาควรได้รับสวนสวรรค์หรือขุมนรก

          เป็นที่น่าเสียดายยิ่งที่พระบัญชา “จงอ่าน” ของอัลลอฮ์  ทั้งสองครั้งที่พระองค์ทรงใช้ให้มนุษย์ทำความเข้าใจในวิถีชีวิตและเข้าถึงศาสนาอิสลามนั้น มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ อาจเป็นเพราะถูกอิทธิพลการปฏิเสธถึงการมีอยู่ของพระเจ้าเข้าครอบงำ หรือเพราะความเกียจคร้าน ซึ่งมนุษย์กลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ปฏิเสธการอ่านแต่ยังปฏิเสธการรับฟังด้วย ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้เป็นคุณลักษณะของผู้อธรรมและงมงาย อัลลอฮ์  ตรัสไว้ความว่า

“แท้จริง (มนุษย์) เป็นผู้อธรรมและงมงาย”   (อัลกุรอาน33 : 72)

         อิสลามอาจยินยอมให้มุสลิมเป็นกลุ่มปุถุชน  (อะวาม)ซึ่งอาจไม่มีความรู้ในอิสลาม แต่อิสลามไม่อนุญาตให้มุสลิมเป็นคนที่งมงายโดยเด็ดขาด

          ส่วนคำสั่งที่ว่า “จงอ่านสมุดบันทึกของเจ้า” ที่อัลลอฮ์  ทรงบัญชาในวันอาคิเระฮ์นั้น มนุษย์ทุกคนไม่มีทางเลือก เว้นแต่ต้องน้อมรับและปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นบ่าวผู้ภักดีหรือผู้ปฏิเสธ ซึ่งการอ่านครั้งนี้จะทำให้มนุษย์รู้อย่างชัดแจ้งถึงสาเหตุของการได้รับผลตอบแทน โดยเฉพาะผลตอบแทนจากไฟนรก จงรับฟังคำสารภาพของบรรดาชาวนรกซึ่งอัลลอฮ์  ตรัสไว้ความว่า

“และพวกเขา (ชาวนรก) กล่าวอีกว่า หากพวกเราฟังและใช้สติปัญญาใคร่ครวญ พวกเราก็จะมิได้มาอยู่เป็นชาวนรกอย่างนี้ดอก”    (อัลกุรอาน 67 : 10)


สรุป

          ความรู้ในทัศนะอัลกุรอาน เปรียบเสมือนแสงประทีปที่ส่องนำทางสู่ความจำเริญในโลกนี้และความสงบสุขในวันปรโลก (อาคิเราะฮ์)  เป็นรัศมีที่มาจากอัลลอฮ์  ผ่านคำบัญชามาสู่บรรดานะบี โดยเฉพาะ นะบีและเราะซูลท่านสุดท้ายมุฮัมมัด  และผ่านความคิดสติปัญญา นอกจากนี้ยังมีความรู้ที่ได้มาด้วยวิธีการพิเศษ ที่อัลลอฮ์  ทรงมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ซึ่งเรียกว่า “การดลใจ” ทั้งหมดนี้คือแก่นแท้ของความรู้ในทัศนะอิสลามที่มาจากท่านนะบีมุฮัมมัด

          อิสลามเป็นศาสนาของอัลลอฮ์ ซึ่งทรงประทานความรู้ที่เที่ยงแท้แก่บ่าวของพระองค์ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่เป็นความจริงมันคือความรู้จากอัลลอฮ์ คือแก่นแท้ของศาสนาอิสลามที่มีอัลกุรอานเป็นรากฐานและซุนนะฮ์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ดังนั้นความรู้คืออิสลามและอิสลามคือความรู้ และความรู้หรือประสบการณ์ที่ไม่ขัดกับอิสลามนั้นคือคำบัญชาจากอัลลอฮ์ นั่นเอง

          ทั้งหมดนี้คือภาพลักษณ์ความรู้ตามทัศนะอัลกุรอาน ที่ประมวลจากหลักคำสอนของโองการแรกความว่า “จงอ่าน” ซึ่งเป็นกุญแจเปิดประตูสู่ความรู้ ไม่ว่าจะมีเป้าหมายเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในโลกนี้หรือความผาสุกในวันปรโลก (อะคิเราะฮ์) ก็ตาม มนุษย์จะต้องดำเนินชีวิตภายใต้กรอบคำสั่ง “จงอ่าน” ในโลกนี้ และ “จงอ่าน” ในวันปรโลก(อาคิเราะฮ์) ทั้งนี้เพราะชีวิตในโลกนี้และในวันปรโลก (อะคิเราะฮ์) ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสัจธรรมแห่งความรู้เท่านั้น

          หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราทั้งหลายจะยึดมั่นอิสลามเป็นวิถีชีวิตด้วยความรู้และความเข้าใจบนพื้นฐานคำบัญชาของอัลลอฮ์ อย่างถูกต้องถาวรและยั่งยืน

หนังสือวิถีชีวิตอิสลาม

الكاتب : مرسلان محمد

โดย อ.มัสลัน มาหะมะ

.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่