หลายวันวานที่ผ่านมาประเทศเรามีแล้วมีอีกกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย.......
น่าภูมิใจที่เรา "เคยมี" รัฐธรรมนูญ ที่เข้าถึงวิถีทางแห่งประชาธิปไตยมากที่สุด อยู่ฉบับหนึ่ง
ด้วยความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนเพรียกหา เราได้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาใช้อย่างสง่างาม
หลายมาตราในกฎหมายฉบับนี้มีปัญหา แต่ก็อาจนำมาสู่การแก้ไขได้อย่างสง่างามเช่นกัน หากเราจะเดินไปบนวิถีของประชาธิปไตยจริงๆ
โดยไม่มีตัวประหลาดกลุ่มหนึ่ง "บุ่มบ่าม" ใช้วิธีฉีกทิ้ง แล้วใช้อำนาจแฝงแห่งเผด็จการเขียนขึ้นมาใหม่โดยติดป้ายชื่อว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จนหลายคนมองไปว่า เขียนขึ้นมาเพียงเพราะ ต้องการกำจัด "คนๆเดียว"และพวกพ้อง....!!!!!
ก่อนประกาศใช้ เราได้ยินเสียงตีฆ้องร้องประกาศจาก ทีมงานผู้ต้องการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า "ขอให้รับไปก่อน การแก้ไม่ใช่เรื่องยาก"
แม้แต่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่เว้นที่มีความคิดเห็นไปในแนวทางนี้
แต่เมื่อถึงวันนี้ และเมื่อย้อนมองกลับหลังไปถึงวันที่ได้ยินเสียงพูดเหล่านั้นแล้ว ..ถ้าไม่เรียกการกระทำเช่นว่านั้นว่าเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์แบบดราม่า ตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน...... แล้วเราจะเรียกว่าอะไร
คนเหล่าอย่างนี้ เชื่อถือได้จริงๆแล้วหรือ??????????????
หลักใหญ่ที่ทำให้หลายคนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไข มันจะด้วยเหตุอันใดก็ตาม แต่อย่างหนึ่งที่ตอบได้ในวันนี้ก็คือ รัฐธรรมนูญ ทุกฉบับ มันต้องแก้ไขได้ ....เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันไหนไม่เหมาะไม่ควร ก็ต้องแก้ จะแก้แบบไหนก็ต้องแก้????
อย่าลืมซิว่า.........!!!!!
หลังฉีกรัฐธรรมนูญปี 40 ทิ้ง และเมื่อผ่านไปในช่วงเวลาหนึ่งจนเข้าสู่โหมดแห่งการเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายๆพรรคกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 นี้ ถึงขนาดเอามาเป็นนโยบายในการหาเสียงเลยทีเดียว
และเมื่อมาถึงวันนี้ พรรคการเมืองที่เขาเสนอนโยบายให้ประชาชนเลือก ได้รับการยอมรับ ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาลทำหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง
รัฐบาลจะทำตามนโยบาย ก็คือ การทำงานให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย.......แต่สิ่งที่เห็นคือการคัดค้าน..
การคัดค้าน มีได้ หากเป็นไปด้วยหลักการและเหตุผล และยอมรับในความคิดเห็นซึ่งกันและกัน แต่วันนี้การ"คัดค้าน"มันได้กลายเป็นการ"ต่อต้าน"ไปแล้ว
การคัดค้านอย่างมีหลักการและเหตุผล มีอยู่จริงหรือ????
เท่าที่เห็นคือการต่อต้านแบบหัวชนฝา กล่าวหากันด้วยตรรกะแปลกประหลาด จริงหรือไม่จริง หาหลักฐานอ้างอิงพิสูจน์ไม่ได้เลย
ใช้ทุกวิธีการในการต่อต้าน ใช้ทุกองค์กรทั้งที่เป็นองค์กรในระบบ หรือนอกระบบ เป็นเครื่องมือในการต่อต้าน ต่อต้านทั้งบนดินและใต้ดิน
ทำมันทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดผล
ไม่ได้ด้วยเลห์ ก็จะเอาด้วยกล ถึงขั้นประกาศรณรงค์ไม่ให้ประชาชนร่วมลงมติการแก้ไข ก็ยังกล้าที่จะทำ
ไม่สนใจเสียงของมวลประชาชนที่เขาต้องการความเหลี่ยนแปลงให้ดีกว่าเดิมแต่อย่างใด
ลืมหมดทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งตัวเองนั่นแหละ เคยแก้เพื่อประโยชน์ตนก็ทำมาแล้ว......
โดยหลักการแล้ว ถือได้ว่ารัฐบาลนี้มิสิทธิอันชอบธรรม ในอันที่จะเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
จะด้วยขอมติประชาชนก่อนหรือการณ์ใดก็ตาม ที่สุดคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ควรได้รับการแก้ไข..???
ประเทศเราจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ไปอีกนานกี่ปีก็ตาม
มันจะไม่มีทางสำเร็จได้เลย....หากว่าไม่มีการยอมรับในกฎ กติกา ที่มาจากการกำหนด โดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนของประเทศ เป็นปฐม
เหตุผลคือ
กติกาที่กำหนดขึ้นจากคนส่วนน้อย แล้วนำไปใช้กับคนส่วนใหญ่ เราเรียกมันว่า "กติกาของเผด็จการ"
ดังนั้น..!!
สำหรับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ใครจะรับมันอยู่ต่อไปก็รับได้ สำหรับผม...."ไม่"..!!!!
และหากเสียง "ไม่" มันมากกว่าเสียง"รับ"
สิ่งที่จะต้องทำตามวิถีประชาธิปไตย ต่อไป...คืออะไร..ถ้าไม่ใช่คำว่า "แก้"
เว้นซะแต่ว่า คุณๆ......
"ไม่ใช่" ประชาชน ผู้ฝักใฝ่ในประชาธิปไตย.....จึงใช้วิธี "ต่อต้าน"
มากกว่าคัดค้านตามครรลองประชาธิปไตย..???
คัดค้าน หรือ ต่อต้าน..!!!
น่าภูมิใจที่เรา "เคยมี" รัฐธรรมนูญ ที่เข้าถึงวิถีทางแห่งประชาธิปไตยมากที่สุด อยู่ฉบับหนึ่ง
ด้วยความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนเพรียกหา เราได้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาใช้อย่างสง่างาม
หลายมาตราในกฎหมายฉบับนี้มีปัญหา แต่ก็อาจนำมาสู่การแก้ไขได้อย่างสง่างามเช่นกัน หากเราจะเดินไปบนวิถีของประชาธิปไตยจริงๆ
โดยไม่มีตัวประหลาดกลุ่มหนึ่ง "บุ่มบ่าม" ใช้วิธีฉีกทิ้ง แล้วใช้อำนาจแฝงแห่งเผด็จการเขียนขึ้นมาใหม่โดยติดป้ายชื่อว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จนหลายคนมองไปว่า เขียนขึ้นมาเพียงเพราะ ต้องการกำจัด "คนๆเดียว"และพวกพ้อง....!!!!!
ก่อนประกาศใช้ เราได้ยินเสียงตีฆ้องร้องประกาศจาก ทีมงานผู้ต้องการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า "ขอให้รับไปก่อน การแก้ไม่ใช่เรื่องยาก"
แม้แต่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่เว้นที่มีความคิดเห็นไปในแนวทางนี้
แต่เมื่อถึงวันนี้ และเมื่อย้อนมองกลับหลังไปถึงวันที่ได้ยินเสียงพูดเหล่านั้นแล้ว ..ถ้าไม่เรียกการกระทำเช่นว่านั้นว่าเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์แบบดราม่า ตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน...... แล้วเราจะเรียกว่าอะไร
คนเหล่าอย่างนี้ เชื่อถือได้จริงๆแล้วหรือ??????????????
หลักใหญ่ที่ทำให้หลายคนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไข มันจะด้วยเหตุอันใดก็ตาม แต่อย่างหนึ่งที่ตอบได้ในวันนี้ก็คือ รัฐธรรมนูญ ทุกฉบับ มันต้องแก้ไขได้ ....เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันไหนไม่เหมาะไม่ควร ก็ต้องแก้ จะแก้แบบไหนก็ต้องแก้????
อย่าลืมซิว่า.........!!!!!
หลังฉีกรัฐธรรมนูญปี 40 ทิ้ง และเมื่อผ่านไปในช่วงเวลาหนึ่งจนเข้าสู่โหมดแห่งการเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายๆพรรคกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 นี้ ถึงขนาดเอามาเป็นนโยบายในการหาเสียงเลยทีเดียว
และเมื่อมาถึงวันนี้ พรรคการเมืองที่เขาเสนอนโยบายให้ประชาชนเลือก ได้รับการยอมรับ ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาลทำหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง
รัฐบาลจะทำตามนโยบาย ก็คือ การทำงานให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย.......แต่สิ่งที่เห็นคือการคัดค้าน..
การคัดค้าน มีได้ หากเป็นไปด้วยหลักการและเหตุผล และยอมรับในความคิดเห็นซึ่งกันและกัน แต่วันนี้การ"คัดค้าน"มันได้กลายเป็นการ"ต่อต้าน"ไปแล้ว
การคัดค้านอย่างมีหลักการและเหตุผล มีอยู่จริงหรือ????
เท่าที่เห็นคือการต่อต้านแบบหัวชนฝา กล่าวหากันด้วยตรรกะแปลกประหลาด จริงหรือไม่จริง หาหลักฐานอ้างอิงพิสูจน์ไม่ได้เลย
ใช้ทุกวิธีการในการต่อต้าน ใช้ทุกองค์กรทั้งที่เป็นองค์กรในระบบ หรือนอกระบบ เป็นเครื่องมือในการต่อต้าน ต่อต้านทั้งบนดินและใต้ดิน
ทำมันทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดผล
ไม่ได้ด้วยเลห์ ก็จะเอาด้วยกล ถึงขั้นประกาศรณรงค์ไม่ให้ประชาชนร่วมลงมติการแก้ไข ก็ยังกล้าที่จะทำ
ไม่สนใจเสียงของมวลประชาชนที่เขาต้องการความเหลี่ยนแปลงให้ดีกว่าเดิมแต่อย่างใด
ลืมหมดทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งตัวเองนั่นแหละ เคยแก้เพื่อประโยชน์ตนก็ทำมาแล้ว......
โดยหลักการแล้ว ถือได้ว่ารัฐบาลนี้มิสิทธิอันชอบธรรม ในอันที่จะเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
จะด้วยขอมติประชาชนก่อนหรือการณ์ใดก็ตาม ที่สุดคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ควรได้รับการแก้ไข..???
ประเทศเราจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ไปอีกนานกี่ปีก็ตาม
มันจะไม่มีทางสำเร็จได้เลย....หากว่าไม่มีการยอมรับในกฎ กติกา ที่มาจากการกำหนด โดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนของประเทศ เป็นปฐม
เหตุผลคือ
กติกาที่กำหนดขึ้นจากคนส่วนน้อย แล้วนำไปใช้กับคนส่วนใหญ่ เราเรียกมันว่า "กติกาของเผด็จการ"
ดังนั้น..!!
สำหรับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ใครจะรับมันอยู่ต่อไปก็รับได้ สำหรับผม...."ไม่"..!!!!
และหากเสียง "ไม่" มันมากกว่าเสียง"รับ"
สิ่งที่จะต้องทำตามวิถีประชาธิปไตย ต่อไป...คืออะไร..ถ้าไม่ใช่คำว่า "แก้"
เว้นซะแต่ว่า คุณๆ......
"ไม่ใช่" ประชาชน ผู้ฝักใฝ่ในประชาธิปไตย.....จึงใช้วิธี "ต่อต้าน"
มากกว่าคัดค้านตามครรลองประชาธิปไตย..???