คบกับแฟนมาสามปีค่ะ กำลังจะขึ้นปีที่สี่ แต่เรารู้สึกว่า มันไม่ไหวยังไงไม่รู้
คบกันแรก ๆ ก็เจอเขาโกหกตั้งแต่ต้น ๆ เลย โกหกแบบตั้งใจโกหก
มีเตี้ยมกับเพื่อนอีกคน ว่าไม่ให้บอกเรา แต่เราจับได้ก่อน เพราะเพื่อนคนนั้นช่วยเรา
คือโกหกเรื่องงาน ว่ายังทำงานที่เก่าอยู่ ไม่ยอมบอกเราว่าย้ายมาทำงานอีกที่แล้ว
โกหกเราเป็นเดือน ๆ โทรไปก็พูดเหมือนแบบ ปกติ เอออยู่ทีทำงาน มีกลับมาบ่นเรื่องงานให้เราฟังด้วย
ทีนี้ความแตกช่วงเลยกุมภา เพราะเพื่อนเอ คนนี้เข้ามาโวยวายในเฟส
เรื่องที่เขายืมเงินไปแต่ไม่ยอมคืนสักที ผลัดวันประกันพรุ่ง เราถึงเริ่มคุยว่ามีอะไรกัน
เลยได้มารู้ว่า เขาไม่ได้ทำงานที่นั่นมานานแล้วนะ เราเลยโทรหาแฟน บอกให้ตอนเยนมาเจอเรา
เขาก็โยกโย้บอกมาไม่ได้ วันนี้ต้องอยู่ทำงานดึก
สักพักเพื่อนเอโทรมา บอกว่าเขาโทรหาเพื่อนเอ บอกจะเคลียร์เรื่องเงินให้ (จำนวนเงินเปนหมื่นค่ะ)
แต่ถ้าเราถามอะไร หรือถามเรื่องงานให้บอกว่า เขายังทำงานที่เก่าอยู่
เราฟังแล้วก็เคือง ว่าทำไมต้องโกหกถึงขนาดเตี้ยมกับเพื่อนเลย เห็นเราเป็นตัวอะไร
คืนนั้นเราถามตรง ๆ เขาก็ยังยืนยันว่าทำงานที่เก่าจริง ๆ เราเลยขอพิสูจน์ เขาก็อ้ำอึ้ง
เราก็ทำเป็นปล่อยเลยตามเลย จนตายใจ พอนัดเจอ เขาก็มาเจอ คงนึกว่าเราไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว
พอเจอ เราก็ไล่ต้อนเขา ถาม เค้น ขนาดมีหลักฐาน เขายังไม่วายโกหก
บอกว่า เรายังทำที่เก่า แต่แค่ย้ายแผนก พอโดนเค้นหนัก ก็พูดว่า ถึงออกมาแล้วแต่ก็ยังไปช่วยงานบ้าง
คือเราฟังก็โมโห ขนาดต้อนให้จนมุม ก็ยังพยายามจะกลบเกลื่อนโกหกเพิ่มเติม
จนที่สุดเขาก็สารภาพความจริงว่าลาออกแล้ว ที่โกหกเพราะไม่อยากให้เรารู้ว่าเขาลาออก
ถามเรือ่งที่เตี้ยมเพื่อน เขาก็ยอมรับว่าโทรไปจริง เราบอกให้เขาจัดการเรื่องเงินไปซะ
แค่เริ่มต้นก็ไม่สวย แต่เราก้ให้โอกาส ก็คบกันมาเรือย ๆ
ปันหาหลักจนถึงทุกวันนีคือ เอะอะชอบบอกเลิก นิดหน่อยก้บอกเลิก
มีปันหาทะเลาะกันก็บอกเลิก จนเราบอกไม่เอาแล้วนะ บอกเลิกก้เลิกไปเลย
เขาก็เปลี่ยนจากประโยค "เออเลิกกันเหอะ" เป็น " จะเอาไงก้ว่ามา "
เราฟังแล้วก้หงุดหงิด มันไม่ได้ต่างกับประโยคเลิกกันเหอะเลยสักนิด
คบมาได้ปี เราก็เริ่มเบื่อ เบื่อวงจรเดิม ๆ เบื่อทุกอย่าง ที่เปนแพทเทิร์น
ทุกอย่างต้องหมุนตามระบบ ถ้ามีอะไรผิดแปลกไป นี่คือมีปัญหา
เช้าโทรหาเขา ระหวางวันออนไลน์คุยตลอด กลางวันโทรหา ตอนเย็นเขาโทรมา ตกดึกออนเอ็มคุย
ทุกวันศุกร์เจอกัน ต้องมีอะไรกัน มันวนเวียนอยู่แค่นี้
เราทนไม่ไหว เลยระเบิดออกมา ว่าทำไมเจอเราทุกครั้งจะต้องมีอะไรกันตลอด
เราไม่ได้อยากมี เราทำเพราะมันคือหน้าที่ที่ต้องทำ แต่คือทำไมต้องมีทุกครั้งที่เจอ
เว้นบ้างได้ไหม มันทำให้เรารุ้สึกเหมือนเราเปนแค่ที่ระบายอารมณ์
เขาก็หาว่าเราเปลี่ยนไป ไม่อยากมีอะไรกับเขาเพราะเรามีคนอื่น ก็มีปากเสียงเรื่อยมา
ถึงจุดพีค เราหนีหายจากเค้าไปเลย ช่ว่งปีที่สอง คือหายไปดื้อ ๆ
ไม่มีการรับโทรศัพท์ ไม่ติดต่อ เราใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มีใคร แต่แค่ไม่ติดต่อเขา
เขาถึงขนาดมาหาเราที่ห้อง แต่เราไม่เปิดประตูต้อนรับ เขาก็กลับไปพร้อมเพื่อนเขา
มีครั้งนึงเราเคลียร์กับเขา แต่เราเย็นชามาก คือ ใจมันไม่อยากแล้วอ่ะ
เขาก็ร้องไห้ แต่เราก็ใจแข็งไม่หันไปมองนะ เมินหน้าหนี เขาก็เดินจากไป
จากนั้น ก็หายกันไปประมาณ สามเดือนได้ เรามารู้ว่าเขาเริ่มคุย ๆ กับผุ้หญิงคนใหม่
เราเลยกลับมาออนเอมเราปกติ คือเราคิดว่าเขาคงหาคนใหม่ได้ เริ่มต้นกะคนใหม่
ยังไงเราก้คนรุ้จักกัน เปนเพื่อนกันได้อยุ่แล้ว แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่
เขากลับมาวนเวียน ง้อเรา เลิกคุยกับผุ้หญิงคนนั้นไปโดยปริยาย เราก็ใจอ่อน
คบมาก้นาน ผูกพัน ก้เลยคืนดีด้วย คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไม่เป็นแบบเดิม
คบมาสักพัก เราเข้าไปดูเฟสเขา เลยเหนว่าเขาจีบ ผ ญ คนอื่น แล้วบอกคนอืน่ไม่มีแฟน
คือกดสถานะกับเรา แต่ปิดสถานะไม่ให้ผ ญ พวกนั้นเหน เรารู้เรื่องเลยว่าไป
เขาบอกคุยเล่น ๆ ไม่ได้มีอะไร ขอโทษ เราโกรธอยุ่สามอาทิตย์ เขาก็ตามง้อนะ
ง้อแบบหยิ่ง ๆ ง้อแบบกั๊ก ๆ ง้อแบบเหมือนว่าเขาไม่ได้ทำไรผิด
จนเขามาบอก เออ จะไม่ไหวแล้ว จะเอาไง ไม่อยากให้ที่บ้านมายุ่งนะ
เราเลยถามนี่ขู่เหรอ ผิดก้รุ้จักผิดสิ ผิดแล้วอยากดีก็ง้อไป เราจะดีไม่ดีอีกเรื่องสิ
อย่าบ่น เปนคนผิดเองทำผิดเอง จะมาโวยวายทำไม ก้มหน้ารับไปสิ
สักพักเราก็อดสงสารไม่ได้ ก้ให้อภัย คบกันมาเรื่อย ๆ
จนมาช่วงปีนี้ ปีที่สาม เราโทรไปไม่รับสาย เริ่มเป็นมาเรื่อย ๆ
เราบอกเขาตรง ๆ เราไม่ชอบ ซึ่งตั้งแต่คบแรก ๆ เราบอกไปแล้ว เวลาโทรไปให้รับ
แรก ๆ ก็รับ พอมาช่วงปีนี้ ไม่เคยรับ เขาบอกโอเคจะรับสาย แต่ก็ไม่เคยทำได้
หายยาวบ่อย ๆ ซึ่งเราบอกเขา ถ้ามีคนอื่นบอกตรง ๆ เรารับได้
เขาก็บอกว่าไม่มี เขาแค่ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
แล้วมันลุมหลายเรื่อง คือเขาโกหกไปเรื่อย โกหกเรื่องนึงเพื่อปิดอีกเรื่อง
แล้วเราจับได้ เราก็ยิ่งโมโห ทำไมไม่รับว่าเออผมโกหก แต่ทำไมกลับโกหกทับเข้าไปอีก
มันเหมือนเราถามเด็กว่า ทำอะไรน่ะ แล้วเดกจะชอบตอบว่าเปล่าไม่ได้ทำ แต่จริง ๆ ทำไรสักอย่างอยุ่
แล้วคือขนาดจับได้ว่าโกหก ก้ยังหัวชนฝาว่าไม่ได้โกหก ไม่มีการยอมรับว่าโกหกออกจากปากเขาเลย
แล้วก็เปนนิสัยที่แก้ไม่หายอีกเรื่อง ชอบสักแต่รับปาก รับปากอย่างเดียวแต่ไม่เคยทำได้
สัญญาแต่ไม่เคยทำอย่างที่สัญญาได้ เยอะมาก หลาย ๆ อย่าง เรายิ่งเกลียดคนโกหก
นานวันเข้าเราก็ไม่พอใจ ทวีคูณ ๆ เขาทำแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนเราทนไม่ไหว เราก็ระเบิด
โทรไปไม่รับสาย เราก็กระหน่ำโทร เปนร้อย ๆ รอบ เที่ยงคืนโทรกลับมา บอกว่าไม่ได้ยินเสียง
หลายครั้ง รับปากหลายอย่างทำไม่ได้ จนเราทนไม่ไหว เราเลยขอเลิก
เขาก็มาง้อ ขอโทษ พูดว่าจะเปลี่ยนแปลง จะรับโทรศัพท์ตลอด จะไม่เปนแบบนี้
เราก็ให้โอกาส แต่บอกว่านี่ครั้งสุดท้าย เราไม่เอาแล้วนะ
แล้วฟางเส้นสุดท้ายก้ขาด เร็วมาก ๆ รับปากเรือ่งโทรศัพท์ พอเราโทรไปเข้าอิหรอบเดิม
จนเราต้องโทรเข้าที่บ้านเขา ที่บ้านบอก วันนี้เขานัดทานข้าวกับพ่อแม่
เราเลยถาม แล้วเขาเข้าบ้านมาหรือยัง คุณน้าบอกว่ายังเลยนะ ตอนนั้นสองทุ่มกว่า
เราวางไป ก็โทรหาเรื่อย ๆ ผลก้คือไม่รับสาย เปนแบบเดิม จนห้าทุ่มกวา โทรมา
เขาบอกว่ากินข้าวกับพ่อแม่ เราก็อืม เขาบอก พอดีมือถือไว้บนห้องนอน ไม่ได้เอาไปด้วย
เราก็งง เลยถามว่า เข้ามาบ้านเหรอ เขาบอกใช่ เราเลยถามเข้ามากี่โมง เขาบอกสองทุ่มกว่า
คือตอนเวลาสองทุ่มกว่า เรายังคุยกะน้าเขาอยุ่ พี่แกถ้าเข้าบ้านมาจริง เราก็ต้องรู้สิ
พอฟังก้รุ้ว่าโกหก เราก้เลยโมโห ฟิวส์ขาด เราเลยว่าไป ว่าเวลานั้น เรายังคุยกับน้าเขาอยุ่เลย
เขาก็ว่าแบบ เรามีสิทธิ์อะไรโทรเข้าไปที่บ้านเขา แล้วมาซักเรา โทรไปตอนกี่โมง
เราบอก ทำไมเราจะโทรไม่ได้ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยก้าวก่าย แต่เขาทำตัวมีปันหาเองนะ
จะโกหกทำไม สักพักเขาก็บอก เขาคงจำเวลาเข้าบ้านผิด อาจจะไม่ใช่เวลานั้น เรายิ่งฟังก้ยิ่งโมโห
คือทำไมไม่คิดจะยอมรับเลย ว่าตัวเองโกหก เสร็จ เราถามทำไมไม่เปิดเสียง
เราบอกกี่ทีแล้ว ให้เปิดเสียงโทรศัพท์ เขาบอก เปิดนะ แต่โทสับที่ไม่ได้รับเพราะไม่ได้ยิน
เขาวางมือถือไว้ใกล้ทีวี น้าเขาดูทีวีอยุ่ข้างล่างไง เสียงทีวีมันกลบ เลยไม่ได้ยิน เขาว่างี้
เราเลยถาม ไหนเมื่อกี้บอกวางมือถือไว้ที่นอน เราก้ไม่ไหวละ เลยว่าไป แล้วตัดสาย
มันโมโหมาก ๆ โกหกซ้ำซ้อน เราบอก พอทีเหอะ ไม่เอาแล้ว
วันถัดมาเขาก้โทรมาง้อ เราก้ให้โอกาสอีก
ซึ่งเราเคยย้ำหลายทีแล้ว ติดธุระหรือยังไง ให้รับขึนมาแล้วบอกเรา เออติดธุระอยุ่ ไว้ค่อยคุย
แล้ววางไป เราไม่เคยว่า อย่างน้อยให้เรารุ้ว่า ติดต่อได้ รับปากแต่ก้เปนแบบเดิม
จนเมื่อผ่านเรื่องล่าสุดนั่นไป ทไวไลท์เข้า เขาอยากดู เราเลยนัดไปดูด้วยกัน
อ้อ .. เรื่องหนังก็หนึ่งปัญหา เราชอบดูหนัง มันคือการฆ่าเวลาของเรา
พอเราไปดูคนเดียว เขาก็โวยวาย ทำไมไม่รอดูพร้อมเขา
แต่ทุกเรือ่งที่เรารอดูพร้อมเขา เราไม่เคยได้ดู เขาผลัดจนหนังมันออกโรง
แล้วเขาก็มาบอก เดี๋ยวรอดีวีดีดูด้วยกัน จนสุดท้ายดีวีดีออก เราก็ไม่ได้ดูตามที่เขาบอก
เราก็ต้องซื้อและดูเองที่บ้าน เราเคยว่า บอกรอดูพร้อมเขา เดี๋ยวเราก้ไม่ได้ดูอีก
เขาก้บอก ไม่เปนแบบนั้นแล้ว ดูจริง ๆ สุดท้ายก้แบบเดิม
วันศุกร์ ตอนเช้าเราโทรไป ไม่รับสายแบบเดิม เราส่งแมสเสจไปว่า
ถามว่ารอบนี้จะอ้างว่าอะไรอีก พอดีตื่นสาย พอดีรีบจนไม่ได้ดูมือถือ บลา ๆ
ตอนเที่ยงเขาโทรมา แล้วบอกเขารีบ แล้วพูดวา แค่นี้นิด ๆ หน่อย ๆ
เราฟังแล้วขาดผึง มันไม่นิด ๆ หน่อย ๆ เลยสำหรับเรา ใช่มันอาจจะเล็ก
แต่มันหลายครั้ง แล้วนี่เขาก้รับปาก จะรับทุกครั้ง แต่ก้เปนแบบเดิม
เราโมโห ตัดสายทิ้ง แล้วก้เงียบหายไป
แต่เรารับปากไว้ว่าจะดูหนังกับเขา เพราะเขาบอกอยากดูทไวไลท์
ตอนเยนเราขับรถไปรอเขาที่ห้าง ที่ใกล้บ้าน + ที่ทำงานเขา
รอจนสองทุ่มกว่า ทั้งรอทั้งโทร เขาก็ไม่รับสาย เราตัดสินใจ ไม่เอาอีกแล้ว
เราขับรถไปบ้านเขา ไหว้คนที่บ้านเขา นั่งรอเขาเงียบ ๆ
สามทุ่มกว่า เขากลับมา เราถามว่า ทำไมเราโทรไปไม่รับสาย ไม่เหนเหรอ
แล้วทำไมไม่โทรกลับ เขาบอกว่า แบตจะหมด
แล้วบอก เออ เดี๋ยวมาคุย แล้วก้ขึนข้างบน เราเดินตามขึ้นไป
เราบอกถ้าเหนโทรศัพท์ ทำไมไม่โทรกลับ เขาตอบว่า เขารุ้วาเรารออยุ่ น้าเขาโทรบอก
แล้วเขาากำลังกลับเข้ามา ทำไมต้องโทรหาเราอีก ในเมื่อกลับมาก้ต้องเจอเรา
เราเลยบอก คุนรุ้ฝ่ายเดียว แต่ฉันไม่รุ้ คุณเหนว่าฉันโทรไป คุณควรจะโทรมาบอก
เออนี่กำลังกลับ รอก่อนนะ อะไรก้ว่าไป เขาถามจะเอาไง
เราบอก เราไม่เอาแล้ว คุนไม่ได้รุ้สึกผิดไรเลย เขาเงียบ ไม่พูดอะไร
เราบอกว่า เราไปรอเขาเพื่อจะดูหนัง โทรหาเปนร้อย ๆ รอบ (ร้อยๆ รอบจริงๆ )
เขาบอก เราจะไปรอดูหนังทำไม ในเมื่อเราไม่ได้นัดกันไว้
เราโมโห ฟิวส์ขาด เราบอก ก้คุนบอกเองว่าจะดู เขาบอกตอนกลางวันเราตัดสายเขา
นั่นคือยังไม่ได้นัด และเขาไม่ชอบให้ตัดสาย เขาจึงไม่รับสายเรา
ฟังแล้วเลยรุ้ แปลว่าเขารับรุ้ตลอดว่าเราโทร แต่เขาตั้งใจไม่รับ
เราบอก ที่เราไปรอดูหนัง เพราะเรารักษาคำพูดที่เราพูด เราสัญญากับเขา
ว่าเราจะไปดูกับเขาวันนี้ เราจึงมา ถ้าไม่สัญญา เราคงไม่มา
เขาเอ่ยปากไล่ บอกให้เรากลับไปเถอะ เขาไม่มีอะไรจะคุย เราเปนใคร ถือวิสาสะมาบ้านเขา
เราเลยบอก โอเค ไม่ต้องไล่ เรามาเพื่อเคลียร์ให้เข้าใจแล้วจะได้จบ ๆ
ตอนกำลังจะกลับ เขาบอก เออ ๆ เอาไว้คราวหน้าจะรับสายละกัน
เขาพูดเหมือนมันเปนเรื่องเล็ก ๆ เราฟังแล้วสุด ๆ มันพอแล้วจริง ๆ
ความรุสึก ความไว้ใจ ทุกอย่าง มันหมด มันติดลบ
เราบอก ไม่ต้องหรอก เราจบกันตรงนี้แหละ เราขึนรถ ขับออกมา กลับบ้าน
ไม่ร้องไห้ ไม่อะไรนะ เฉย ๆ ผ่านไปสองวัน เขาก้หายไปเลย
เราก้คิดว่าเออคงเคลียร์จบจริง ๆ เพราะปกติพอเลิก ก้ต้องมีโทรมา
ปรากฎว่าวันจันทร์ เขาโทรมา ถามเราเปนไงบ้าง เขาบอกที่หายไปแค่ไปคิดทบทวน
แล้วก็มาขอเราคืนดี เขาบอกจะปรับปรุง จะไม่ทำแบบนั้นอีก จะรับสาย
เราไม่ได้ตกปากรับคำอะไร เราบอกก้ทำให้เหนละกัน
นี่ทุกวันนี้ เขาก้ยังมาวนเวียน เรารุ้สึกวา เราตัดไม่ขาด ตัดกันไม่ขาด ไม่เข้าใจ ทำไม
ถามว่าดีไหม เขาก็ดี ทุกเทศกาลมีช่อดอกไม้ให้เสมอ เขาบอกว่าเขาเปนพวกบ้าเทศกาล
ยิ่งวาเลนไทน์ ช่อดอกไม้เขาจะใหญ่มาก แล้วต้องลากเราเดินขึ้นลงห้าง เพื่ออวดดออกไม้
ซึ่งเราเหนื่อยอ่ะ ใส่ส้นสูง ถือดอกไม้ใหญ่ ๆ ต้องเดินอวดคนอื่น ให้เขา
เขาบอกว่าเหนคนอืนมองเราถือดอกไม้ช่อโต ๆ แล้วทำหน้าเหมือนอิจฉา เขามีความสุข
เขาบอกว่าเขาทำให้เรา เพราะรักเรา เราก็ไม่รุ้เขาทำเพราะรักหรือแค่อยากอวด
ไปทานข้าวก้คือ เราจ่ายค่าดูหนัง เขาจ่ายค่าข้าว เปนแบบนี้มาปกติ
ทุกวันคุยกัน มีแต่ถาม ทำอะไร ๆ ไม่มีเรื่องจะคุยเหรอ ๆ วนเวียนอยุ่แบบนี้
ทุกอย่างที่เราไม่ชอบ เราบอกเขาตลอด เขาสวนว่า เราก้เปลี่ยน เราไม่ใส่ใจเขา
เราบอก เพราะที่เขาทำพฤติกรรมแบบนีแหละ เราเลยค่อย ๆ หมดใจไง
เขาก้บอกให้ทำดีต่อกัน ๆ ๆ ๆ แต่สุดท้ายก้เปนแบบเดิม ตอนนี้เขาพยายามปรับปรุงตัว
แต่ใจเรามันหมดไปแล้ว เรากลัวว่า แรก ๆ ก้ดี เด่วสุดท้ายก้เข้าอิหรอบเดิมอีก
เราไม่อยากไปเสียความรุสึก หรือหงุดหงิด โมโห เสียสุขภาพจิตตัวเองอีกแล้ว
คราวนี้เขามาขอเราคุย เขาบอกอยากให้เราใจเยนลง
เขาจะพยายามปรับปรุง แต่อยากให้เราใจเยนลงบ้าง ใจเยนกับการกระทำของเขา
แล้วเดี๋ยวเขาก็จะปรังปรุง ให้ดีขึน อยากให้เราหยุดว่า หรือโมโห
เราบอก เราเยนมามากพอแล้ว เพราะเมื่อก่อน เราเยน เราไม่ว่า เราคิดว่าเขาจะปรับปรุงได้เอง
ผลเลยลงแบบนี้ไง เขาก้เปนแบบเดิม ขนาดเราตอกย้ำ ด่าตลอด เขาก้ยังเปนแบบเดิม
ถ้าเราไม่พูดไรเลย มีเหรอเขาจะเปลี่ยนแปลงได้
เราบอก ความรุ้สึกเราติดลบ เราไม่ไว้วางใจว่าเขาจะกลับมาดีแบบเดิมได้
เขาบอกเขาจะพยายาม
ตอนนี้ ก้คืออยุ่แบบนี้ เขาโทรมาเราก้คุย บางทีเราก้โทรไป
เราไม่รุ้จะเอาไงดี ใจนึงก้อยากตัด ๆ อีกใจก้ไม่รุ้จะเอาไง เสียดาย
พูดแบบเลว ๆ ตรง ๆ ถ้าเราเจอคนทีดีกว่า คือเข้ากันกับเราได้ เหมือนที่เขาเข้ากับเราได้ในเรื่องอืน
เราก้ไป เราอยุ่แบบนี้ อาจเพราะยังไม่เจอคนอื่น เซ็ง
ที่เรายังอยุ่ อาจเพราะ ทุกอย่างมันลงลอค สำหรับคนนี้มั้ง
บ้านไม่ไกลกันมาก ไลฟ์สไตล์ การกิน คล้าย ๆ กัน สรุปคือเราเหนแก่ตัวเราเอง
คือถ้าให้แต่งกับคนนี้ ก้คงได้ แต่พอคิดไปคิดมา ต้องมาทนพฤติกรรมแบบนี้ มันนรกชัด ๆ
เราเข้าไปอ่านกระทุ้นี้มา
http://topicstock.ppantip.com/lumpini/topicstock/L3935535/L3935535.html
นิสัยเหมือนแฟนเรามาก ความรุ้สึกเดียวกันเลย
ถ้าแต่งไปเราคงต้องเจอแบบนี้ แต่ก้ยังไม่อยากตัดไป
อย่างน้อยก้มีบางอย่างเข้ากันได้ ไม่รุ้จะเอาไงดี
จากคุณ ถอดลอคอินมาโพส ( Ticket ID : 385942)
คบกับแฟนมาสามปีค่ะ กำลังจะขึ้นปีที่สี่ แต่เรารู้สึกว่า มันไม่ไหวยังไงไม่รู้ เครียดมาก
คบกันแรก ๆ ก็เจอเขาโกหกตั้งแต่ต้น ๆ เลย โกหกแบบตั้งใจโกหก
มีเตี้ยมกับเพื่อนอีกคน ว่าไม่ให้บอกเรา แต่เราจับได้ก่อน เพราะเพื่อนคนนั้นช่วยเรา
คือโกหกเรื่องงาน ว่ายังทำงานที่เก่าอยู่ ไม่ยอมบอกเราว่าย้ายมาทำงานอีกที่แล้ว
โกหกเราเป็นเดือน ๆ โทรไปก็พูดเหมือนแบบ ปกติ เอออยู่ทีทำงาน มีกลับมาบ่นเรื่องงานให้เราฟังด้วย
ทีนี้ความแตกช่วงเลยกุมภา เพราะเพื่อนเอ คนนี้เข้ามาโวยวายในเฟส
เรื่องที่เขายืมเงินไปแต่ไม่ยอมคืนสักที ผลัดวันประกันพรุ่ง เราถึงเริ่มคุยว่ามีอะไรกัน
เลยได้มารู้ว่า เขาไม่ได้ทำงานที่นั่นมานานแล้วนะ เราเลยโทรหาแฟน บอกให้ตอนเยนมาเจอเรา
เขาก็โยกโย้บอกมาไม่ได้ วันนี้ต้องอยู่ทำงานดึก
สักพักเพื่อนเอโทรมา บอกว่าเขาโทรหาเพื่อนเอ บอกจะเคลียร์เรื่องเงินให้ (จำนวนเงินเปนหมื่นค่ะ)
แต่ถ้าเราถามอะไร หรือถามเรื่องงานให้บอกว่า เขายังทำงานที่เก่าอยู่
เราฟังแล้วก็เคือง ว่าทำไมต้องโกหกถึงขนาดเตี้ยมกับเพื่อนเลย เห็นเราเป็นตัวอะไร
คืนนั้นเราถามตรง ๆ เขาก็ยังยืนยันว่าทำงานที่เก่าจริง ๆ เราเลยขอพิสูจน์ เขาก็อ้ำอึ้ง
เราก็ทำเป็นปล่อยเลยตามเลย จนตายใจ พอนัดเจอ เขาก็มาเจอ คงนึกว่าเราไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว
พอเจอ เราก็ไล่ต้อนเขา ถาม เค้น ขนาดมีหลักฐาน เขายังไม่วายโกหก
บอกว่า เรายังทำที่เก่า แต่แค่ย้ายแผนก พอโดนเค้นหนัก ก็พูดว่า ถึงออกมาแล้วแต่ก็ยังไปช่วยงานบ้าง
คือเราฟังก็โมโห ขนาดต้อนให้จนมุม ก็ยังพยายามจะกลบเกลื่อนโกหกเพิ่มเติม
จนที่สุดเขาก็สารภาพความจริงว่าลาออกแล้ว ที่โกหกเพราะไม่อยากให้เรารู้ว่าเขาลาออก
ถามเรือ่งที่เตี้ยมเพื่อน เขาก็ยอมรับว่าโทรไปจริง เราบอกให้เขาจัดการเรื่องเงินไปซะ
แค่เริ่มต้นก็ไม่สวย แต่เราก้ให้โอกาส ก็คบกันมาเรือย ๆ
ปันหาหลักจนถึงทุกวันนีคือ เอะอะชอบบอกเลิก นิดหน่อยก้บอกเลิก
มีปันหาทะเลาะกันก็บอกเลิก จนเราบอกไม่เอาแล้วนะ บอกเลิกก้เลิกไปเลย
เขาก็เปลี่ยนจากประโยค "เออเลิกกันเหอะ" เป็น " จะเอาไงก้ว่ามา "
เราฟังแล้วก้หงุดหงิด มันไม่ได้ต่างกับประโยคเลิกกันเหอะเลยสักนิด
คบมาได้ปี เราก็เริ่มเบื่อ เบื่อวงจรเดิม ๆ เบื่อทุกอย่าง ที่เปนแพทเทิร์น
ทุกอย่างต้องหมุนตามระบบ ถ้ามีอะไรผิดแปลกไป นี่คือมีปัญหา
เช้าโทรหาเขา ระหวางวันออนไลน์คุยตลอด กลางวันโทรหา ตอนเย็นเขาโทรมา ตกดึกออนเอ็มคุย
ทุกวันศุกร์เจอกัน ต้องมีอะไรกัน มันวนเวียนอยู่แค่นี้
เราทนไม่ไหว เลยระเบิดออกมา ว่าทำไมเจอเราทุกครั้งจะต้องมีอะไรกันตลอด
เราไม่ได้อยากมี เราทำเพราะมันคือหน้าที่ที่ต้องทำ แต่คือทำไมต้องมีทุกครั้งที่เจอ
เว้นบ้างได้ไหม มันทำให้เรารุ้สึกเหมือนเราเปนแค่ที่ระบายอารมณ์
เขาก็หาว่าเราเปลี่ยนไป ไม่อยากมีอะไรกับเขาเพราะเรามีคนอื่น ก็มีปากเสียงเรื่อยมา
ถึงจุดพีค เราหนีหายจากเค้าไปเลย ช่ว่งปีที่สอง คือหายไปดื้อ ๆ
ไม่มีการรับโทรศัพท์ ไม่ติดต่อ เราใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มีใคร แต่แค่ไม่ติดต่อเขา
เขาถึงขนาดมาหาเราที่ห้อง แต่เราไม่เปิดประตูต้อนรับ เขาก็กลับไปพร้อมเพื่อนเขา
มีครั้งนึงเราเคลียร์กับเขา แต่เราเย็นชามาก คือ ใจมันไม่อยากแล้วอ่ะ
เขาก็ร้องไห้ แต่เราก็ใจแข็งไม่หันไปมองนะ เมินหน้าหนี เขาก็เดินจากไป
จากนั้น ก็หายกันไปประมาณ สามเดือนได้ เรามารู้ว่าเขาเริ่มคุย ๆ กับผุ้หญิงคนใหม่
เราเลยกลับมาออนเอมเราปกติ คือเราคิดว่าเขาคงหาคนใหม่ได้ เริ่มต้นกะคนใหม่
ยังไงเราก้คนรุ้จักกัน เปนเพื่อนกันได้อยุ่แล้ว แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่
เขากลับมาวนเวียน ง้อเรา เลิกคุยกับผุ้หญิงคนนั้นไปโดยปริยาย เราก็ใจอ่อน
คบมาก้นาน ผูกพัน ก้เลยคืนดีด้วย คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไม่เป็นแบบเดิม
คบมาสักพัก เราเข้าไปดูเฟสเขา เลยเหนว่าเขาจีบ ผ ญ คนอื่น แล้วบอกคนอืน่ไม่มีแฟน
คือกดสถานะกับเรา แต่ปิดสถานะไม่ให้ผ ญ พวกนั้นเหน เรารู้เรื่องเลยว่าไป
เขาบอกคุยเล่น ๆ ไม่ได้มีอะไร ขอโทษ เราโกรธอยุ่สามอาทิตย์ เขาก็ตามง้อนะ
ง้อแบบหยิ่ง ๆ ง้อแบบกั๊ก ๆ ง้อแบบเหมือนว่าเขาไม่ได้ทำไรผิด
จนเขามาบอก เออ จะไม่ไหวแล้ว จะเอาไง ไม่อยากให้ที่บ้านมายุ่งนะ
เราเลยถามนี่ขู่เหรอ ผิดก้รุ้จักผิดสิ ผิดแล้วอยากดีก็ง้อไป เราจะดีไม่ดีอีกเรื่องสิ
อย่าบ่น เปนคนผิดเองทำผิดเอง จะมาโวยวายทำไม ก้มหน้ารับไปสิ
สักพักเราก็อดสงสารไม่ได้ ก้ให้อภัย คบกันมาเรื่อย ๆ
จนมาช่วงปีนี้ ปีที่สาม เราโทรไปไม่รับสาย เริ่มเป็นมาเรื่อย ๆ
เราบอกเขาตรง ๆ เราไม่ชอบ ซึ่งตั้งแต่คบแรก ๆ เราบอกไปแล้ว เวลาโทรไปให้รับ
แรก ๆ ก็รับ พอมาช่วงปีนี้ ไม่เคยรับ เขาบอกโอเคจะรับสาย แต่ก็ไม่เคยทำได้
หายยาวบ่อย ๆ ซึ่งเราบอกเขา ถ้ามีคนอื่นบอกตรง ๆ เรารับได้
เขาก็บอกว่าไม่มี เขาแค่ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
แล้วมันลุมหลายเรื่อง คือเขาโกหกไปเรื่อย โกหกเรื่องนึงเพื่อปิดอีกเรื่อง
แล้วเราจับได้ เราก็ยิ่งโมโห ทำไมไม่รับว่าเออผมโกหก แต่ทำไมกลับโกหกทับเข้าไปอีก
มันเหมือนเราถามเด็กว่า ทำอะไรน่ะ แล้วเดกจะชอบตอบว่าเปล่าไม่ได้ทำ แต่จริง ๆ ทำไรสักอย่างอยุ่
แล้วคือขนาดจับได้ว่าโกหก ก้ยังหัวชนฝาว่าไม่ได้โกหก ไม่มีการยอมรับว่าโกหกออกจากปากเขาเลย
แล้วก็เปนนิสัยที่แก้ไม่หายอีกเรื่อง ชอบสักแต่รับปาก รับปากอย่างเดียวแต่ไม่เคยทำได้
สัญญาแต่ไม่เคยทำอย่างที่สัญญาได้ เยอะมาก หลาย ๆ อย่าง เรายิ่งเกลียดคนโกหก
นานวันเข้าเราก็ไม่พอใจ ทวีคูณ ๆ เขาทำแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนเราทนไม่ไหว เราก็ระเบิด
โทรไปไม่รับสาย เราก็กระหน่ำโทร เปนร้อย ๆ รอบ เที่ยงคืนโทรกลับมา บอกว่าไม่ได้ยินเสียง
หลายครั้ง รับปากหลายอย่างทำไม่ได้ จนเราทนไม่ไหว เราเลยขอเลิก
เขาก็มาง้อ ขอโทษ พูดว่าจะเปลี่ยนแปลง จะรับโทรศัพท์ตลอด จะไม่เปนแบบนี้
เราก็ให้โอกาส แต่บอกว่านี่ครั้งสุดท้าย เราไม่เอาแล้วนะ
แล้วฟางเส้นสุดท้ายก้ขาด เร็วมาก ๆ รับปากเรือ่งโทรศัพท์ พอเราโทรไปเข้าอิหรอบเดิม
จนเราต้องโทรเข้าที่บ้านเขา ที่บ้านบอก วันนี้เขานัดทานข้าวกับพ่อแม่
เราเลยถาม แล้วเขาเข้าบ้านมาหรือยัง คุณน้าบอกว่ายังเลยนะ ตอนนั้นสองทุ่มกว่า
เราวางไป ก็โทรหาเรื่อย ๆ ผลก้คือไม่รับสาย เปนแบบเดิม จนห้าทุ่มกวา โทรมา
เขาบอกว่ากินข้าวกับพ่อแม่ เราก็อืม เขาบอก พอดีมือถือไว้บนห้องนอน ไม่ได้เอาไปด้วย
เราก็งง เลยถามว่า เข้ามาบ้านเหรอ เขาบอกใช่ เราเลยถามเข้ามากี่โมง เขาบอกสองทุ่มกว่า
คือตอนเวลาสองทุ่มกว่า เรายังคุยกะน้าเขาอยุ่ พี่แกถ้าเข้าบ้านมาจริง เราก็ต้องรู้สิ
พอฟังก้รุ้ว่าโกหก เราก้เลยโมโห ฟิวส์ขาด เราเลยว่าไป ว่าเวลานั้น เรายังคุยกับน้าเขาอยุ่เลย
เขาก็ว่าแบบ เรามีสิทธิ์อะไรโทรเข้าไปที่บ้านเขา แล้วมาซักเรา โทรไปตอนกี่โมง
เราบอก ทำไมเราจะโทรไม่ได้ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยก้าวก่าย แต่เขาทำตัวมีปันหาเองนะ
จะโกหกทำไม สักพักเขาก็บอก เขาคงจำเวลาเข้าบ้านผิด อาจจะไม่ใช่เวลานั้น เรายิ่งฟังก้ยิ่งโมโห
คือทำไมไม่คิดจะยอมรับเลย ว่าตัวเองโกหก เสร็จ เราถามทำไมไม่เปิดเสียง
เราบอกกี่ทีแล้ว ให้เปิดเสียงโทรศัพท์ เขาบอก เปิดนะ แต่โทสับที่ไม่ได้รับเพราะไม่ได้ยิน
เขาวางมือถือไว้ใกล้ทีวี น้าเขาดูทีวีอยุ่ข้างล่างไง เสียงทีวีมันกลบ เลยไม่ได้ยิน เขาว่างี้
เราเลยถาม ไหนเมื่อกี้บอกวางมือถือไว้ที่นอน เราก้ไม่ไหวละ เลยว่าไป แล้วตัดสาย
มันโมโหมาก ๆ โกหกซ้ำซ้อน เราบอก พอทีเหอะ ไม่เอาแล้ว
วันถัดมาเขาก้โทรมาง้อ เราก้ให้โอกาสอีก
ซึ่งเราเคยย้ำหลายทีแล้ว ติดธุระหรือยังไง ให้รับขึนมาแล้วบอกเรา เออติดธุระอยุ่ ไว้ค่อยคุย
แล้ววางไป เราไม่เคยว่า อย่างน้อยให้เรารุ้ว่า ติดต่อได้ รับปากแต่ก้เปนแบบเดิม
จนเมื่อผ่านเรื่องล่าสุดนั่นไป ทไวไลท์เข้า เขาอยากดู เราเลยนัดไปดูด้วยกัน
อ้อ .. เรื่องหนังก็หนึ่งปัญหา เราชอบดูหนัง มันคือการฆ่าเวลาของเรา
พอเราไปดูคนเดียว เขาก็โวยวาย ทำไมไม่รอดูพร้อมเขา
แต่ทุกเรือ่งที่เรารอดูพร้อมเขา เราไม่เคยได้ดู เขาผลัดจนหนังมันออกโรง
แล้วเขาก็มาบอก เดี๋ยวรอดีวีดีดูด้วยกัน จนสุดท้ายดีวีดีออก เราก็ไม่ได้ดูตามที่เขาบอก
เราก็ต้องซื้อและดูเองที่บ้าน เราเคยว่า บอกรอดูพร้อมเขา เดี๋ยวเราก้ไม่ได้ดูอีก
เขาก้บอก ไม่เปนแบบนั้นแล้ว ดูจริง ๆ สุดท้ายก้แบบเดิม
วันศุกร์ ตอนเช้าเราโทรไป ไม่รับสายแบบเดิม เราส่งแมสเสจไปว่า
ถามว่ารอบนี้จะอ้างว่าอะไรอีก พอดีตื่นสาย พอดีรีบจนไม่ได้ดูมือถือ บลา ๆ
ตอนเที่ยงเขาโทรมา แล้วบอกเขารีบ แล้วพูดวา แค่นี้นิด ๆ หน่อย ๆ
เราฟังแล้วขาดผึง มันไม่นิด ๆ หน่อย ๆ เลยสำหรับเรา ใช่มันอาจจะเล็ก
แต่มันหลายครั้ง แล้วนี่เขาก้รับปาก จะรับทุกครั้ง แต่ก้เปนแบบเดิม
เราโมโห ตัดสายทิ้ง แล้วก้เงียบหายไป
แต่เรารับปากไว้ว่าจะดูหนังกับเขา เพราะเขาบอกอยากดูทไวไลท์
ตอนเยนเราขับรถไปรอเขาที่ห้าง ที่ใกล้บ้าน + ที่ทำงานเขา
รอจนสองทุ่มกว่า ทั้งรอทั้งโทร เขาก็ไม่รับสาย เราตัดสินใจ ไม่เอาอีกแล้ว
เราขับรถไปบ้านเขา ไหว้คนที่บ้านเขา นั่งรอเขาเงียบ ๆ
สามทุ่มกว่า เขากลับมา เราถามว่า ทำไมเราโทรไปไม่รับสาย ไม่เหนเหรอ
แล้วทำไมไม่โทรกลับ เขาบอกว่า แบตจะหมด
แล้วบอก เออ เดี๋ยวมาคุย แล้วก้ขึนข้างบน เราเดินตามขึ้นไป
เราบอกถ้าเหนโทรศัพท์ ทำไมไม่โทรกลับ เขาตอบว่า เขารุ้วาเรารออยุ่ น้าเขาโทรบอก
แล้วเขาากำลังกลับเข้ามา ทำไมต้องโทรหาเราอีก ในเมื่อกลับมาก้ต้องเจอเรา
เราเลยบอก คุนรุ้ฝ่ายเดียว แต่ฉันไม่รุ้ คุณเหนว่าฉันโทรไป คุณควรจะโทรมาบอก
เออนี่กำลังกลับ รอก่อนนะ อะไรก้ว่าไป เขาถามจะเอาไง
เราบอก เราไม่เอาแล้ว คุนไม่ได้รุ้สึกผิดไรเลย เขาเงียบ ไม่พูดอะไร
เราบอกว่า เราไปรอเขาเพื่อจะดูหนัง โทรหาเปนร้อย ๆ รอบ (ร้อยๆ รอบจริงๆ )
เขาบอก เราจะไปรอดูหนังทำไม ในเมื่อเราไม่ได้นัดกันไว้
เราโมโห ฟิวส์ขาด เราบอก ก้คุนบอกเองว่าจะดู เขาบอกตอนกลางวันเราตัดสายเขา
นั่นคือยังไม่ได้นัด และเขาไม่ชอบให้ตัดสาย เขาจึงไม่รับสายเรา
ฟังแล้วเลยรุ้ แปลว่าเขารับรุ้ตลอดว่าเราโทร แต่เขาตั้งใจไม่รับ
เราบอก ที่เราไปรอดูหนัง เพราะเรารักษาคำพูดที่เราพูด เราสัญญากับเขา
ว่าเราจะไปดูกับเขาวันนี้ เราจึงมา ถ้าไม่สัญญา เราคงไม่มา
เขาเอ่ยปากไล่ บอกให้เรากลับไปเถอะ เขาไม่มีอะไรจะคุย เราเปนใคร ถือวิสาสะมาบ้านเขา
เราเลยบอก โอเค ไม่ต้องไล่ เรามาเพื่อเคลียร์ให้เข้าใจแล้วจะได้จบ ๆ
ตอนกำลังจะกลับ เขาบอก เออ ๆ เอาไว้คราวหน้าจะรับสายละกัน
เขาพูดเหมือนมันเปนเรื่องเล็ก ๆ เราฟังแล้วสุด ๆ มันพอแล้วจริง ๆ
ความรุสึก ความไว้ใจ ทุกอย่าง มันหมด มันติดลบ
เราบอก ไม่ต้องหรอก เราจบกันตรงนี้แหละ เราขึนรถ ขับออกมา กลับบ้าน
ไม่ร้องไห้ ไม่อะไรนะ เฉย ๆ ผ่านไปสองวัน เขาก้หายไปเลย
เราก้คิดว่าเออคงเคลียร์จบจริง ๆ เพราะปกติพอเลิก ก้ต้องมีโทรมา
ปรากฎว่าวันจันทร์ เขาโทรมา ถามเราเปนไงบ้าง เขาบอกที่หายไปแค่ไปคิดทบทวน
แล้วก็มาขอเราคืนดี เขาบอกจะปรับปรุง จะไม่ทำแบบนั้นอีก จะรับสาย
เราไม่ได้ตกปากรับคำอะไร เราบอกก้ทำให้เหนละกัน
นี่ทุกวันนี้ เขาก้ยังมาวนเวียน เรารุ้สึกวา เราตัดไม่ขาด ตัดกันไม่ขาด ไม่เข้าใจ ทำไม
ถามว่าดีไหม เขาก็ดี ทุกเทศกาลมีช่อดอกไม้ให้เสมอ เขาบอกว่าเขาเปนพวกบ้าเทศกาล
ยิ่งวาเลนไทน์ ช่อดอกไม้เขาจะใหญ่มาก แล้วต้องลากเราเดินขึ้นลงห้าง เพื่ออวดดออกไม้
ซึ่งเราเหนื่อยอ่ะ ใส่ส้นสูง ถือดอกไม้ใหญ่ ๆ ต้องเดินอวดคนอื่น ให้เขา
เขาบอกว่าเหนคนอืนมองเราถือดอกไม้ช่อโต ๆ แล้วทำหน้าเหมือนอิจฉา เขามีความสุข
เขาบอกว่าเขาทำให้เรา เพราะรักเรา เราก็ไม่รุ้เขาทำเพราะรักหรือแค่อยากอวด
ไปทานข้าวก้คือ เราจ่ายค่าดูหนัง เขาจ่ายค่าข้าว เปนแบบนี้มาปกติ
ทุกวันคุยกัน มีแต่ถาม ทำอะไร ๆ ไม่มีเรื่องจะคุยเหรอ ๆ วนเวียนอยุ่แบบนี้
ทุกอย่างที่เราไม่ชอบ เราบอกเขาตลอด เขาสวนว่า เราก้เปลี่ยน เราไม่ใส่ใจเขา
เราบอก เพราะที่เขาทำพฤติกรรมแบบนีแหละ เราเลยค่อย ๆ หมดใจไง
เขาก้บอกให้ทำดีต่อกัน ๆ ๆ ๆ แต่สุดท้ายก้เปนแบบเดิม ตอนนี้เขาพยายามปรับปรุงตัว
แต่ใจเรามันหมดไปแล้ว เรากลัวว่า แรก ๆ ก้ดี เด่วสุดท้ายก้เข้าอิหรอบเดิมอีก
เราไม่อยากไปเสียความรุสึก หรือหงุดหงิด โมโห เสียสุขภาพจิตตัวเองอีกแล้ว
คราวนี้เขามาขอเราคุย เขาบอกอยากให้เราใจเยนลง
เขาจะพยายามปรับปรุง แต่อยากให้เราใจเยนลงบ้าง ใจเยนกับการกระทำของเขา
แล้วเดี๋ยวเขาก็จะปรังปรุง ให้ดีขึน อยากให้เราหยุดว่า หรือโมโห
เราบอก เราเยนมามากพอแล้ว เพราะเมื่อก่อน เราเยน เราไม่ว่า เราคิดว่าเขาจะปรับปรุงได้เอง
ผลเลยลงแบบนี้ไง เขาก้เปนแบบเดิม ขนาดเราตอกย้ำ ด่าตลอด เขาก้ยังเปนแบบเดิม
ถ้าเราไม่พูดไรเลย มีเหรอเขาจะเปลี่ยนแปลงได้
เราบอก ความรุ้สึกเราติดลบ เราไม่ไว้วางใจว่าเขาจะกลับมาดีแบบเดิมได้
เขาบอกเขาจะพยายาม
ตอนนี้ ก้คืออยุ่แบบนี้ เขาโทรมาเราก้คุย บางทีเราก้โทรไป
เราไม่รุ้จะเอาไงดี ใจนึงก้อยากตัด ๆ อีกใจก้ไม่รุ้จะเอาไง เสียดาย
พูดแบบเลว ๆ ตรง ๆ ถ้าเราเจอคนทีดีกว่า คือเข้ากันกับเราได้ เหมือนที่เขาเข้ากับเราได้ในเรื่องอืน
เราก้ไป เราอยุ่แบบนี้ อาจเพราะยังไม่เจอคนอื่น เซ็ง
ที่เรายังอยุ่ อาจเพราะ ทุกอย่างมันลงลอค สำหรับคนนี้มั้ง
บ้านไม่ไกลกันมาก ไลฟ์สไตล์ การกิน คล้าย ๆ กัน สรุปคือเราเหนแก่ตัวเราเอง
คือถ้าให้แต่งกับคนนี้ ก้คงได้ แต่พอคิดไปคิดมา ต้องมาทนพฤติกรรมแบบนี้ มันนรกชัด ๆ
เราเข้าไปอ่านกระทุ้นี้มา
http://topicstock.ppantip.com/lumpini/topicstock/L3935535/L3935535.html
นิสัยเหมือนแฟนเรามาก ความรุ้สึกเดียวกันเลย
ถ้าแต่งไปเราคงต้องเจอแบบนี้ แต่ก้ยังไม่อยากตัดไป
อย่างน้อยก้มีบางอย่างเข้ากันได้ ไม่รุ้จะเอาไงดี
จากคุณ ถอดลอคอินมาโพส ( Ticket ID : 385942)