BJC เล็งจับมือพันธมิตรท้องถิ่นตั้งศูนย์กระจายสินค้า-หาช่องทางตลาดในพม่า
บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจับมือพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อรุกตลาดประเทศพม่า โดยเริ่มจากการตั้งศูนย์กระจายสินค้าและหาช่องทางการตลาดเพื่อนำสินค้าของบริษัทเข้าไปจำหน่ายโดยตรง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการขยายธุรกิจพม่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายใน 2-3 ปี โดยอาจจะเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
"ในพม่าเราจะจะไปหาโอกาส คิดว่าแรกๆเราจะทำเรื่องกระจายสินค้าว่าใช้ช่องทางอย่างไรที่กระจายสินค้าต่อไปถึงรายย่อย ตอนนี้ศึกษาเขาชอบแบบไหน สีอะไร เพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค คาดว่าใช้เวลา 2-3 ปีน่าจะเห็นตั้งโรงงานผลิตได้"นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหย่ BJC กล่าว
ขณะที่การขยายธุรกิจในเวียดนามนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการตั้งห้างสรรพสินค้าลักษณะขายส่ง เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า คาดว่าในปีหน้าน่าจะได้เห็นข้อสรุปชัดเจนว่าจะตั้งอยู่บนพื้นที่ใด ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในเวียดนาม ได้แก่ โรงงานผลิตขวดแก้ว โรงงานผลิตกระดาษเซลล็อกซ์ สบู่นกแก้ว เป็นต้น รวมถึงการสร้างแบรนด์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดอาเซียน
นอกจากนี้บริษัทยังมีการลงทุนในประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียน อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ และลาว เป็นต้น
นายอัศวิน กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดขายจากต่างประเทศจะมีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม แต่คาดว่าในปี 58 สัดส่วนยอดขายต่างประเทศจะขยายตัวขึ้นมาที่ 40% จากการเข้าไปรุกการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน และมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดอาเซียนเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)
BJC เล็งจับมือพันธมิตรท้องถิ่นตั้งศูนย์กระจายสินค้า-หาช่องทางตลาดในพม่า
บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์(BJC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจับมือพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อรุกตลาดประเทศพม่า โดยเริ่มจากการตั้งศูนย์กระจายสินค้าและหาช่องทางการตลาดเพื่อนำสินค้าของบริษัทเข้าไปจำหน่ายโดยตรง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการขยายธุรกิจพม่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายใน 2-3 ปี โดยอาจจะเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
"ในพม่าเราจะจะไปหาโอกาส คิดว่าแรกๆเราจะทำเรื่องกระจายสินค้าว่าใช้ช่องทางอย่างไรที่กระจายสินค้าต่อไปถึงรายย่อย ตอนนี้ศึกษาเขาชอบแบบไหน สีอะไร เพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค คาดว่าใช้เวลา 2-3 ปีน่าจะเห็นตั้งโรงงานผลิตได้"นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหย่ BJC กล่าว
ขณะที่การขยายธุรกิจในเวียดนามนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการตั้งห้างสรรพสินค้าลักษณะขายส่ง เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า คาดว่าในปีหน้าน่าจะได้เห็นข้อสรุปชัดเจนว่าจะตั้งอยู่บนพื้นที่ใด ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในเวียดนาม ได้แก่ โรงงานผลิตขวดแก้ว โรงงานผลิตกระดาษเซลล็อกซ์ สบู่นกแก้ว เป็นต้น รวมถึงการสร้างแบรนด์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดอาเซียน
นอกจากนี้บริษัทยังมีการลงทุนในประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียน อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ และลาว เป็นต้น
นายอัศวิน กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดขายจากต่างประเทศจะมีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม แต่คาดว่าในปี 58 สัดส่วนยอดขายต่างประเทศจะขยายตัวขึ้นมาที่ 40% จากการเข้าไปรุกการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน และมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดอาเซียนเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)