MOTHEWAY: พาแม่ตะลุยฮ่องกง ตอนที่ 1: เหินฟ้าสู่ฮ่องกง
http://ppantip.com/topic/35552764
MOTHEWAY: พาแม่ตะลุยฮ่องกง ตอนที่ 2: เที่ยว Repulse bay, Ocean Park และ Victoria Peak
http://ppantip.com/topic/35554151
MOTHEWAY: พาแม่ตะลุยฮ่องกง ตอนที่ 3: เที่ยวมาเก๊า และSymphony of Lights ณ อ่าววิคทอเรีย ฮ่องกง
http://ppantip.com/topic/35557528
MOTHEWAY: พาแม่ตะลุยฮ่องกง ตอนที่ 4: นั่งกระเช้านองปิงไปไหว้พระใหญ่ลันเตา วัดโปลินก่อนกลับไทย
http://ppantip.com/topic/35558593

สวัสดีค่าาาเพื่อนๆทุกคน เราได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวฮ่องกงกับครอบครัวมาค่ะ ไปแบบไม่ง้อทัวร์ด้วยนะ อิอิ ทริปนี้เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ด้วยความคิดที่ว่า อยากจะพาคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง เลยวางแผนเซอร์ไพร์คุณนายแม่ด้วยการพาไปเที่ยวฮ่องกง 4 วัน 3 คืนซะเลย เรามีการตามดูโปรตั๋วถูกจาก facebook.com/ArPaeDotCom แล้วเจอโปรโมชั่นจากสายการบินเอมิเรตส์ที่ลดราคาหลายเส้นทาง หนึ่งในเส้นทางเหล่านั้นคือบินไป-กลับ ฮ่องกงด้วย Airbus A380 ที่ราคาเริ่มต้น 5 พันกว่าบาท ซึ่งเราก็ไม่รอช้า จัดการจองทันที แล้วเลือกช่วงวันหยุดลางานไม่ต้องเยอะ ปรากฎว่ามีและด้วยราคาที่ยังไม่สูงมากขึ้นด้วย แถมลาเพียงแค่ 2 วันก็สามาถไปเที่ยว 4 วัน 3 คืนได้สบายๆเลยน้าาา หลังจากจองตั๋วเครื่องบินไปแล้วก็ดูข้อมูลเพิ่ม เพราะตัวเรานั้นไม่เคยไปฮ่องกงมาก่อนเลย เรียกได้ว่า รอบนี้ไปแบบมั่วสุดๆ อิอิ เราเริ่มศึกษาข้อมูลจาก http://www.hongkongpackage.net  และ http://www.hongkongfanclub.com ซึ่งทำให้สามารถทำโปรแกรมออกมาได้ แบบเน้.....

DAY 1 : สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินเช๊กแลบก๊อก ฮ่องกง - เข้าที่พัก City Garden Hotel (North Point)
DAY 2 : หาด Repulse bay ไหว้เจ้าแม่กวนอิม – Ocean Park - Victoria Peak
DAY 3 : นั่งเรือไปมาเก๊า - เที่ยว Venetian Macau , City Of Dreams ,เซนาโด้ สแควร์  , ซากโบสถ์เซนต์ปอล etc. - กลับฮ่องกง  - The Symphony of Lights (SOL)
DAY 4 : กระเช้านองปิง – พระใหญ่ลันเตา(วัดโปลิน) – City Gate Outlet – สนามบินเช๊กแลบก๊อกฮ่องกง – สนามบินสุวรรณภูมิ

การจัดกระเป๋านอกจากเสื้อผ้าแล้ว ควรตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนเดินทางด้วยนะคะ
1. Passport: ตรวจสอบ Passport ของท่านว่าหมดอายุหรือยัง (บางคนลืม)
2. Airline Ticket: Print พวกเอกสารการจองตั๋วของเรามาไว้ด้วยก็ดีนะคะ
3. Hotel Confirmation: รายละเอียดการจองห้องพักที่โน่น
4. ตั๋ว Voucher สำหรับเข้าสถานที่ต่างๆที่สามารถซื้อจากเมืองไทยไปได้เลย
5. Internet: I-SIM Confirmation
6. หัวปลั๊กแปลงไฟ และปลั๊กราง (สำหรับปลั๊กรางใคร จะเอาไปหรือ ไม่เอาไปก็ได้นะคะ แต่เนื่องจากว่า เราไปกัน 3 คน มีหลาย Device เอาไปจะสะดวกกว่าค่ะ )
7. Money: อันนี้ห้ามลืมนะคะ ถ้าลืมนี่แย่แน่ๆเลย

เอาล่ะ!!! ทริปนี้เราไปทั้งหมด 3 คน ไปแบบไม่ได้เน้นช็อป เน้นเที่ยว และกินเล็กๆน้อยๆ เมื่อถึงวันเดินทาง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เราก็เดินมาที่ counter ของเอมิเรตส์เลยค่าาา
เนื่องจากเราทำการ Self Check In มาแล้วจากที่บ้านแล้วไม่ต้องต่อแถวยาวเหมือนปกติเพราะมี boarding pass พิมพ์มาแล้ว ทำเพียงหย่อนสัมภาระที่เคานเตอร์เท่านั้น  ทางสายการบินเอมิเรตส์เขาทำดีมากมีช่องเฉพาะเลย แถวนี้สั้นมากๆมีแค่ไม่กี่คิวเท่านั้น หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในกันเลยค่ะ ตามบอร์ดดิ้งพาสบอกเราว่า Gate E4 ลงตรงนี้เลย บอกเลยว่าไกล นั่นไง...เครื่องบินแอร์บัส A380 ลำใหญ่สุดในโลกมาจอดรอแล้ว แล้วก็ถึงเวลาบอร์ดดิ้ง ชั้นล่างเป็นที่นั่งสำหรับ economy ทั้งหมด เดินเข้าไปแล้วรู้สึกดีมาก หรูหราอลังการ แม้จะเป็นแบบประหยัดก็เถอะ พอสักพักเครื่องไต่ระดับได้ก็เริ่มเสริฟอาหารกัน ช่วงระหว่างอยู่บนเครื่องบิน  กรุณากรอกเอกสาร Hong Kong Arrival Card ไว้ให้เรียบร้อยก่อนนะค่ะ  จะได้ไม่เสียเวลาโดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ต้อนรับบนเครื่องบินจะเดินแจกนะคะ นั่งไปสักพัก 2ชั่วโมงก่าๆ เราก็มาถึงสนามบินเช๊กแล็บก๊อก ฮ่องกงแล้ว เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าไทยประมาณ 1 ชั่วโมง ดูป้าย "Immigration" ไว้น่ะค่ะ เดินตามป้ายมาเรื่อย ๆ นะค่ะ รับรองไม่หลงแน่นอน พอถึงป้ายนี้ให้ลงบันในเลื่อนตามป้าย "Immigration" ไปเลยค่ะ ระหว่างลงบันใดเลื่อน  มองลงไปก็จะเห็นแบบนี้เลยค่ะ เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อพาเราไปยังส่วนตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และรับกระเป๋า (Baggage Reclaim) ค่ะ รถไฟฟ้าจะมาทุก ๆ 2 นาที ใช้เวลาอยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ถึง 2 นาทีก็ลงแล้ว  จากนั้นขึ้นบันไดเลื่อนสูง ๆ นี้ไปตามป้าย Immigration ต่อเลยค่ะ ไปที่ Immigration เมื่อผ่านไปแล้วก็รับกระเป๋าที่สายพานได้เลยค่ะ หลังจากนั้นเราก็มารับพวก Voucher ที่เราต้องมาแลกที่สนามบินเช่น ตั๋ว Ocean Park เป็นต้น สำหรับเรื่องโทรศัพท์ ไม่ต้องกังวลเรื่องหาซื้อซิมการ์ด หรือเปิดโรมมิ่งแล้วนะคะ มีซิมแจกฟรี สำหรับนักท่องเที่ยว ใช้ได้ทั้งเน็ต 3G และโทร (ภายในฮ่องกงและจีน) แบบ unlimited ถึง 7 วันยาว ๆ สัญญาณเน็ตแรงไม่มีตก ไม่ต้องเสียเวลาหาสัญญาณ WiFi ฟรีด้วย ลงทะเบียนก่อนเดินทางไม่เกิน 100 วัน 1 Account ขอรับซิมได้ถึง 4 ซิม โดยจะมีใบจองและ QR Code แยกให้เฉพาะซิมด้วย

วิธีการใช้: ขั้นตอนก่อนเดินทาง
ดาวน์โหลด i-Sim App มีทั้ง Android และ iOS และไปลงทะเบียนจองซิมกัน
จะเจอหน้านี้ คลิกที่ i-Sim Card Reservation กันเลย จะเข้ามาที่หน้ากรอกข้อมูล ซิมใครซิมมันนะคะ เลือกวันและเวลาที่จะไปรับซิมที่สนามบินฮ่องกง (บวกจากเวลาเครื่องลงซัก 1 ชั่วโมง)
เรื่องเวลาไม่ซีเรียสค่ะ ถึงเมื่อไหร่ก็รับเมื่อนั้น เคาน์เตอร์รับซิมเปิด 8.30 - 24.00 น. รับทันแน่นอน กรอกชื่อเหมือนกับพาสปอร์ต เลขพาสปอร์ต (5ตัวแรก) อีเมลที่จะรับจดหมายยืนยันและ QR Code และไฟลท์บิน เลือกซิมตามโทรศัพท์ของเรา จากนั้นกด Submit ทำซ้ำแบบนี้ได้รวม 4 ครั้ง กรอกข้อมูลของผู้รับซิมตามจริง เพราะถึงวันไปรับต้องแสดงพาสปอร์ตเพื่อรับแต่ละซิมด้วย รอซักนิด ก็จะได้ใบยืนยันการขอรับซิม โดยจะส่งไปที่ e-mail ของเรานะคะ เราควรจะ print เป็นกระดาษเก็บไว้ หรือจะ save ใส่มือถือเลยก็ได้นะคะ เอาตามที่สะดวกเลยค่ะ เมื่อออกมาด้านของสนามบินฮ่องกง มองหาเคาน์เตอร์ A08 ออกมาจนถึงโถงกลาง Terminal 1 Arrival Hall A ก็จะเจอค่ะ เห็นชัดเจน อยู่ถัดไปจากเคาน์เตอร์ขายบัตร Octopus ที่เราต้องซื้ออยู่แล้ว แวะทีเดียวได้ 2 อย่างเลย ไปถึงยื่น QR Code พร้อมพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่เค้าจะเปลี่ยนซิมให้เรา ทำทุกอย่างให้ อธิบายนิดหน่อย สิ่งที่ควรรู้ สำหรับการใช้ซิมนี้ก็คือ เน็ตฟรีไม่จำกัด แต่ต้องเติมเน็ตตลอดอย่าให้ขาด วิธีการเข้าหน้านี้คือ ที่หน้าจอหลัก จิ้มไปที่ไอคอนเติมเน็ต จะเห็นว่าเรามีเน็ตเหลือกี่เปอร์เซนต์ รวมถึงมีวันหมดอายุซิมระบุอยู่
วิธีการเติมเน็ต ง่ายมากกกกก แค่คลิกดูโฆษณาที่แบนเนอร์ด้านล่างสุด จะมีป๊อปอัพโฆษณาขึ้นมา รอจนวงกลมด้านบนวิ่งจนเต็ม ก็คลิกปิดได้ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเน็ตเต็ม 100 % ข้อดีอีกอย่างของซิมนี้ มีเบอร์โทรด้วยนะคะ โทรหากันเองระหว่างซิมได้ด้วย ทีนี้แยกกันได้สบายใจเลยจ้า หลงก็โทรหากันด้วยน้าาา เมื่อเราทำการรับซิม และแลกตั๋วเข้า Ocean Park เรียบร้อยแล้ว ด้านขวามือจะมี Counter ขายบัตร Octopus Card และบัตร Airport Express สำหรับคนที่จะนั่งรถไฟเข้าเมืองนะคะ หากใครสนใจก็สามารถหาซื้อกันได้ตรงนี้เลย