ความเดิมตอนที่แล้ว
จาก link นี้ครับ :
เล่าเรื่องการเดินทาง 2,200 กิโลเมตร 3 แผ่นดิน ไทย-พม่า-ลาว ตอนที่ 4. เดินทางวันที่ 4..อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (1/2)
ปาดเหงื่อแทบไม่ทัน จากการเล่าเรื่องตอนที่ 4. (1/2) พิมพ์บรรทัดสุดท้ายว่า "...โอ้มายก็อด (Oh my God!) ฝรั่งที่อยู่ข้าง ๆ อุทานเบา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้า เราก็อุทานบ้าง..โอ้มายบุ๊ดด้า Oh my Buddha!) พระองค์นี้เป็นของคนไทย (เว้ยเฮ้ย) ไม่ใช่องค์พระของเธอ..." ข้อความที่พิมพ์ครบ 1 หมื่นตัวอักษรพอดิบพอดี พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!
ไม่พูดพล่ามทำเพลง เชิญชมภาพครับ :

ดูไกล ๆ เป็นวัดเรียบ ๆ ไม่ใหญ่โตอะไรเลย:

แต่พอเดินเข้าไปใกล้ กลับพบองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านในมณฑปแคบ ๆ นั้น:

ภายในมณฑปมีองค์พระอจนะปางมารวิชัยองค์ใหญ่สวยงามมาก (เครดิตภาพจากกล้อง 650D ใช้เลนส์ Sigma 10-20 มม. f1:4-5.6):

ด้านข้างมณฑป มีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ อยู่ด้วย:
มีใครรู้บ้างไหมครับว่า องค์พระอจนะนี้มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของเราอย่างไร เอ้าใบ้ให้นิดนึง "พระพุทธรูปพูดได้" ที่เหลือไปสืบค้นเอาเองนะครับ
ออกจากวัดศรีชุม ก็ขับรถกลับไปทางเดิมจนถึงหน้าอุทยานฯ จอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปเสียค่าเข้าชม (จำไม่ได้อีกแล้วว่าเท่าไร แต่ก็ไม่แพง) และเดินไปเช่าจักรยานแถวนั้น ซึ่งมีอยู่หลายร้าน ก็เลือกเอาร้านที่อยู่ไกล้ที่สุด รู้สึก 30 บาททั้งวันมั๊ง แต่ตอนนั้น ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว ก็ช่างมันเถอะ เขาก็ยึดบัตรประชาชนไว้ จ่ายตัง เลือกจักรยาน ได้แล้วก็ขี่เข้าไปในอุทยาน ก่อนอื่น ก็แวะสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงที่อยู่ทางด้านขวามือ เชิญชมภาพครับ :

นี่คือความสามารถของกล้อง Panasonic FZ100 ที่สามารถซูมภาพที่อยู่ไกลมาก ๆ (ในภาพ ระยะห่างประมาณห้าหกสิบเมตรเห็นจะได้) ที่ให้ได้ภาพขนาดนี้:
เสร็จแล้ว ก็ขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ ไปทางวัดตระพังเงินด้านหลัง (ในอุทยานฯ มีถนนลาดยางโดยรอบ) ขี่ได้สบายมาก บรรยายกาศยามแดดอ่อน ๆ ตอนบ่าย ช่างสวยงามเหลือเกิน เชิญชมภาพครับ :
ตายล่ะ ขี่เพลิน ตอนนั้นพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงหน้าหนาว พระอาทิตย์ตกเร็วมาก พวกเราจึงรีบปั่นจักรยานไปจุดไฮไล้ท์ ของเรื่องนี้ นั่นก็คือ ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้านหลังอุทยานฯ โดยมีฉากหน้าเป็นวัดมหาธาตุ นี่แหละคือสาเหตุว่าทำไมถึงมาเที่ยวอุทยานฯ ตอนบ่าย เชิญชมภาพครับ :
ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยนะครับว่า พระอาทิตย์ไม่ได้ตกตรง ๆ ทางหน้าวัดมหาธาตุ แต่ตกค่อนไปทางด้านขวา พวกเราจึงต้องไปจับจองที่ตรงขอบสระน้ำน้ำด้านขวามือ ทำให้ได้ภาพอย่างที่เห็น
ได้ดื่มด่ำกับภาพที่ตั้งใจมาดูมาถ่ายภาพกันแล้ว สักพักใหญ่ ๆ ความมืดก็เริ่มคืบคลานเข้ามา พวกเราก็ออกจากอุทยานฯ คืนจักรยาน เอาบัตร ปชช. คืน ก่อนออกรถก็โบกมือล่ำลา บ๊าย บาย อุทยานฯ แห่งนี้ ไว้โอกาสหน้า ฟ้าใหม่ จะกลับมาชื่นชมความงดงามสถานที่แห่งนี้อีก ขับกลับไปยังตัวเมือง 12 กิโลเมตร ก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำยม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนข้าง ๆ แม่น้ำ วิ่งตรงไปไม่ไกลก็ไปถึงร้านอาหารเฟื่องฟ้า (ปลาแม่น้ำ) ที่จอดรถหน้าร้านค่อนข้างมีจำกัด จอดรถได้สัก 4-5 คันก็เต็มหน้าร้านแล้ว ก็โชคดีที่มีลูกค้าเพียงโต้ะเดียว ถ้ามาเมื่อวาน เต็ม (เจ้าของร้านบอก) ก็สั่งอาหารที่ชอบกันไป ระหว่างนั้น เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ต้องตะลึง วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 5 แรม 1 ค่ำ พระจันทร์ยังเต็มดวง กำลังโผล่ขึ้นมาทางขอบฟ้า สวยงามเหลือเกิน อดใจไว้ไม่อยู่ ควักกล้องออกมา ตั้งสปีดชัตเตอร์ กลั้นหายใจ กดชัตเตอร์ แช้ะ ได้รูปพระจันทร์ดวงกลมโตสมใจ เชิญชมภาพครับ :
ร้านอาหารเฟื่องฟ้า ก็มีเมนูปลาหลายชนิด แต่ที่เข็ดจากร้านเจริญทิพย์ที่สิงห์บุรี ทุกคนก็เลยเกี่ยง ๆ ก้นสั่ง สุดท้าย ได้กับข้าวมา 3-4 อย่าง มีปลาอยู่อย่างเดียวคือ ปลาม้าผัดคึ่นช่าย แต่ที่อร่อยและแปลกประหลาด คือ ต้มยำลูกชิ้นหมูเด้ง อร่อยดี ลูกชิ้นเด้งหนึบดี ราคาก็น่าคบ ทั้งหมด 670 บาท เชิญชมภาพครับ :
เสร็จจากอาหารมื้อเย็นก็กลับที่พักไปวิ่งเล่นไล่จับกันในห้อง เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็พักผ่อน นอนหลับฝันดี
ตอนหน้า ชื่อเรื่อง ตอนที่ 5. เดินทางวันที่ 5..ไหว้พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก
[CR] เล่าเรื่องการเดินทาง 2,200 กิโลเมตร 3 แผ่นดิน ไทย-พม่า-ลาว ตอนที่ 4. เดินทางวันที่ 4..อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (2/2)
จาก link นี้ครับ :
เล่าเรื่องการเดินทาง 2,200 กิโลเมตร 3 แผ่นดิน ไทย-พม่า-ลาว ตอนที่ 4. เดินทางวันที่ 4..อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (1/2)
ปาดเหงื่อแทบไม่ทัน จากการเล่าเรื่องตอนที่ 4. (1/2) พิมพ์บรรทัดสุดท้ายว่า "...โอ้มายก็อด (Oh my God!) ฝรั่งที่อยู่ข้าง ๆ อุทานเบา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้า เราก็อุทานบ้าง..โอ้มายบุ๊ดด้า Oh my Buddha!) พระองค์นี้เป็นของคนไทย (เว้ยเฮ้ย) ไม่ใช่องค์พระของเธอ..." ข้อความที่พิมพ์ครบ 1 หมื่นตัวอักษรพอดิบพอดี พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!
ไม่พูดพล่ามทำเพลง เชิญชมภาพครับ :
ดูไกล ๆ เป็นวัดเรียบ ๆ ไม่ใหญ่โตอะไรเลย:
แต่พอเดินเข้าไปใกล้ กลับพบองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านในมณฑปแคบ ๆ นั้น:
ภายในมณฑปมีองค์พระอจนะปางมารวิชัยองค์ใหญ่สวยงามมาก (เครดิตภาพจากกล้อง 650D ใช้เลนส์ Sigma 10-20 มม. f1:4-5.6):
ด้านข้างมณฑป มีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ อยู่ด้วย:
มีใครรู้บ้างไหมครับว่า องค์พระอจนะนี้มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของเราอย่างไร เอ้าใบ้ให้นิดนึง "พระพุทธรูปพูดได้" ที่เหลือไปสืบค้นเอาเองนะครับ
ออกจากวัดศรีชุม ก็ขับรถกลับไปทางเดิมจนถึงหน้าอุทยานฯ จอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปเสียค่าเข้าชม (จำไม่ได้อีกแล้วว่าเท่าไร แต่ก็ไม่แพง) และเดินไปเช่าจักรยานแถวนั้น ซึ่งมีอยู่หลายร้าน ก็เลือกเอาร้านที่อยู่ไกล้ที่สุด รู้สึก 30 บาททั้งวันมั๊ง แต่ตอนนั้น ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว ก็ช่างมันเถอะ เขาก็ยึดบัตรประชาชนไว้ จ่ายตัง เลือกจักรยาน ได้แล้วก็ขี่เข้าไปในอุทยาน ก่อนอื่น ก็แวะสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงที่อยู่ทางด้านขวามือ เชิญชมภาพครับ :
นี่คือความสามารถของกล้อง Panasonic FZ100 ที่สามารถซูมภาพที่อยู่ไกลมาก ๆ (ในภาพ ระยะห่างประมาณห้าหกสิบเมตรเห็นจะได้) ที่ให้ได้ภาพขนาดนี้:
เสร็จแล้ว ก็ขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ ไปทางวัดตระพังเงินด้านหลัง (ในอุทยานฯ มีถนนลาดยางโดยรอบ) ขี่ได้สบายมาก บรรยายกาศยามแดดอ่อน ๆ ตอนบ่าย ช่างสวยงามเหลือเกิน เชิญชมภาพครับ :
ตายล่ะ ขี่เพลิน ตอนนั้นพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงหน้าหนาว พระอาทิตย์ตกเร็วมาก พวกเราจึงรีบปั่นจักรยานไปจุดไฮไล้ท์ ของเรื่องนี้ นั่นก็คือ ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้านหลังอุทยานฯ โดยมีฉากหน้าเป็นวัดมหาธาตุ นี่แหละคือสาเหตุว่าทำไมถึงมาเที่ยวอุทยานฯ ตอนบ่าย เชิญชมภาพครับ :
ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยนะครับว่า พระอาทิตย์ไม่ได้ตกตรง ๆ ทางหน้าวัดมหาธาตุ แต่ตกค่อนไปทางด้านขวา พวกเราจึงต้องไปจับจองที่ตรงขอบสระน้ำน้ำด้านขวามือ ทำให้ได้ภาพอย่างที่เห็น
ได้ดื่มด่ำกับภาพที่ตั้งใจมาดูมาถ่ายภาพกันแล้ว สักพักใหญ่ ๆ ความมืดก็เริ่มคืบคลานเข้ามา พวกเราก็ออกจากอุทยานฯ คืนจักรยาน เอาบัตร ปชช. คืน ก่อนออกรถก็โบกมือล่ำลา บ๊าย บาย อุทยานฯ แห่งนี้ ไว้โอกาสหน้า ฟ้าใหม่ จะกลับมาชื่นชมความงดงามสถานที่แห่งนี้อีก ขับกลับไปยังตัวเมือง 12 กิโลเมตร ก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำยม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนข้าง ๆ แม่น้ำ วิ่งตรงไปไม่ไกลก็ไปถึงร้านอาหารเฟื่องฟ้า (ปลาแม่น้ำ) ที่จอดรถหน้าร้านค่อนข้างมีจำกัด จอดรถได้สัก 4-5 คันก็เต็มหน้าร้านแล้ว ก็โชคดีที่มีลูกค้าเพียงโต้ะเดียว ถ้ามาเมื่อวาน เต็ม (เจ้าของร้านบอก) ก็สั่งอาหารที่ชอบกันไป ระหว่างนั้น เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ต้องตะลึง วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 5 แรม 1 ค่ำ พระจันทร์ยังเต็มดวง กำลังโผล่ขึ้นมาทางขอบฟ้า สวยงามเหลือเกิน อดใจไว้ไม่อยู่ ควักกล้องออกมา ตั้งสปีดชัตเตอร์ กลั้นหายใจ กดชัตเตอร์ แช้ะ ได้รูปพระจันทร์ดวงกลมโตสมใจ เชิญชมภาพครับ :
ร้านอาหารเฟื่องฟ้า ก็มีเมนูปลาหลายชนิด แต่ที่เข็ดจากร้านเจริญทิพย์ที่สิงห์บุรี ทุกคนก็เลยเกี่ยง ๆ ก้นสั่ง สุดท้าย ได้กับข้าวมา 3-4 อย่าง มีปลาอยู่อย่างเดียวคือ ปลาม้าผัดคึ่นช่าย แต่ที่อร่อยและแปลกประหลาด คือ ต้มยำลูกชิ้นหมูเด้ง อร่อยดี ลูกชิ้นเด้งหนึบดี ราคาก็น่าคบ ทั้งหมด 670 บาท เชิญชมภาพครับ :
เสร็จจากอาหารมื้อเย็นก็กลับที่พักไปวิ่งเล่นไล่จับกันในห้อง เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็พักผ่อน นอนหลับฝันดี
ตอนหน้า ชื่อเรื่อง ตอนที่ 5. เดินทางวันที่ 5..ไหว้พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก