ด้วยความที่หลุดปากไปอย่างไม่ตั้งใจ...ทำให้ฮิเดซาบูโร อูเอโนะ
ศาสตราจารย์ประจำวิชาเกษตรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิโตเกียว (มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน)
ได้รับของขวัญจากลูกศิษย์เป็นสุนัขพันธุ์อากิตะ ซึ่งเอาจริงเจ้าตัวไม่ค่อยจะอยากเลี้ยงสักเท่าไหร่
หลังจากที่กอนสึเขะ สุนัขตัวเก่าที่เคยเลี้ยงไว้ตายไป ทำให้ไม่อยากจะมาเสียใจกับสัตว์เลี้ยงอีก
แต่เมื่อชิซึโกะลูกสาวรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะขอเลี้ยงสุนัขตัวนี้ไว้เอง
ทำให้เจ้าหมาตัวนี้กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้ในที่สุด โดยศาสตราจารย์ตั้งชื่อไว้ว่า ฮาจิ ..
กระนั้นตัวลูกสาวของศาสตราจารย์ก็ไม่ได้เลี้ยงมันไว้อย่างที่พูด เพราะตัวเองแต่งงานกะทันหัน
ความรับผิดชอบนี้จึงตกเป็นของอาจารย์ฮิเดซาบูโร อย่างช่วยไม่ได้
เลี้ยงไปเลี้ยงมา จากคนที่ไม่คิดจะเลี้ยงอะไรอีก กลายเป็นว่าฮิเดซาบูโร หลงเจ้าฮาจิอย่างหนัก
ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด อาบน้ำ กินข้าว เวลาไปไหนก็ฝากฝังให้คนที่บ้านดูแลอย่างใกล้ชิด
เวลาเขาไปทำงาน ฮาจิก็จะตามไปส่งที่สถานีรถไฟชิบูย่าเสมอ และรอรับกลับบ้านในตอนเย็น
วันเวลาของมันมีแต่ความสุข.. จนกระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม 1925 ...
Hachikō Monogatari (ハチ公物語) เป็นภาพยนตร์ดราม่าญี่ปุ่นปี 1987 กำกับโดยเซอิจิโร โคยามะ
เขียนบทโดยคาเนโตะ ชินโด เรื่องราวที่เป็นตำนานแห่งความซื่อสัตย์ของ ฮาจิ
สุนัขพันธ์อากิตะที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของนายมันในทุกๆวันที่สถานีรถไฟ
แม้ว่าเจ้านายของมันจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้วก็ตาม...
ผมเชื่อว่าคอหนังทุกท่านคงเคยดูภาพยนตร์ฝั่งฮอลลีวู้ดที่ชื่อว่า Hachi: A Dog's Tale (2009)
ที่นำแสดงโดยริชาร์ด เกียร์ ว่าด้วยเรื่องความผูกพันระหว่างคนและสุนัข ที่ทำเอาคนดูร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรมาแล้วทั่วโลก
โกยเงินไปได้เยอะมากๆด้วย.. แต่ผมอยากบอกว่า Hachikō Monogatari นี่คือเรื่องต้นฉบับเลยครับ
รับประกันความดราม่าเลยว่า เหนือกว่ามากกกก
เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในปี 1923 ทีมงานเซตฉากความเป็นอยู่บ้านเรือนของญี่ปุ่นในยุคนั้นได้สงบงามเป็นอย่างยิ่ง
เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงย่านชิบูย่า ย้อนเวลาไป 100 ปี
และแน่นอนว่าตัวเดินเรื่องหลักก็คือ ศาสตราจารย์ฮิเดซาบูโร อูเอโนะอาจารย์มหาวิทยาลัย
นำแสดงโดย โดยทัตสึยะ นากาได สุดยอดนักแสดงระดับปรมาจารย์ ที่โดดเด่นมากๆก็อย่าง Kagemusha และก็ Ran
หนังของอาจารย์อากิระ คุโรซาว่า รับบทจริงจังแทบทุกเรื่องที่แสดง
มาเรื่องนี้เจ้าตัวรับบทที่ดูสบายๆ และผ่อนคลายมากขึ้นถ้าเทียบกับหนังที่ผ่านๆมา
และก็ฮาจิ สุนัขพันธ์อากิตะที่เป็นตัวเอกของเรื่อง ถ้าผมลองดูแล้วน่าจะมีการเปลี่ยนตัวน้องทั้งหมด 4 ตัว ตามช่วงอายุ
ตั้งแต่ปี 1923-1935 อายุของมันก็ 11 ย่าง 12 ปี ..ซึ่งน่ารักมากกกกกกกกกกกกกแบบ
เห็นแล้วน่าไปกอดไปขยำซะจริงๆ แค่เห็นแววตาก็แทบจะละลายแล้ว หมาอะไรก็ไม่รู้ทำไมถึงน่ารักได้ถึงขนาดนี้
ถูกใจแฟนๆที่ชอบเลี้ยงหมาอย่างแน่นอน ไม่สิ คนรักสัตว์ทุกคนล่ะครับ ดูแล้วต้องชอบแน่ๆ
แต่... ใช่แล้ว อย่างที่บอกไว้ว่านี่คือหนังที่สร้างจากเรื่องจริง และก็จบเศร้าด้วย
ดังนั้นความดราม่าน้ำตาแตกนี่เป็นสิ่งที่คุณต้องเตรียมรับมือไว้ได้เลย เพราะหนังจับใจคนดูได้อย่างอยู่หมัด
นำเสนอความน่ารักของน้อง จนเมื่อมัดใจคนดูได้แล้ว ต่อไปเราก็จะสงสารต่อชะตากรรมที่น้องต้องพบเจอ
จากสัตว์เลี้ยงที่มีคนประคบประหงมคอยดูแลในบ้านของคนที่มีฐานะ
กลายเป็นสุนัขที่ถูกโยนไปมาให้คนอื่น สุดท้ายกลายเป็นแค่สุนัขจรจัดไร้เจ้าของ
อุปมาเหมือนซามูไรไร้นาย (โรนิน) ช่วงชีวิตท้ายๆของฮาจิ ระเหเร่ร่อน
แต่มันก็ยังคงวนเวียนไปในสถานที่ที่มันคุ้นเคยตลอดชีวิตของมันทั้งสิ้น
และแน่นอนว่ารวมถึงสถานีรถไฟชิบูย่า ที่ที่มันเฝ้ารอนายของมันทุกเย็นเพื่อกลับบ้านไปด้วยกัน
(ผมชอบซีนท้ายเรื่องมาก เพราะเป็นฉากเดียวที่มุมกล้องทำให้เราเห็นในมุมมองของฮาจิ)
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ฮาจิ ทำแบบเดียวกันนี้ซ้ำๆในทุกวัน มันเฝ้ารออยู่ที่หน้าสถานี
ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมันด้วยความสงสาร เห็นอกเห็นใจ เรื่องของมันกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว
หลังจากที่นักข่าวของอาซาฮีชิมบุนนำเรื่องของมันไปลงในหนังสือพิมพ์
ฮาจิ กลายเป็น 1 ในตัวแทนของความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้นทันที (และในกาลต่อมาก็เช่นกัน)
ความรักและความผูกพันของสุนัขตัวหนึ่งที่มีให้กับเจ้าของกลายเป็นเรื่องเล่าขานจนถึงปัจจุบัน
แม้เวลาจะผ่านมาใกล้ 100 ปีแล้วก็ตาม .. และนี่คือ 1 ในหนังดีที่รับประกันได้เลยว่า มีน้ำตาซึมชัวร์
อาจไม่ถึงขั้นไหลพรากๆ แต่ความประทับใจของฮาจิ จะตราตรึงใจคุณไปอีกนานแสนนานแน่นอน
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
Hachikō Monogatari (1987) .. ฮาจิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ ...
ด้วยความที่หลุดปากไปอย่างไม่ตั้งใจ...ทำให้ฮิเดซาบูโร อูเอโนะ
ศาสตราจารย์ประจำวิชาเกษตรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิโตเกียว (มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน)
ได้รับของขวัญจากลูกศิษย์เป็นสุนัขพันธุ์อากิตะ ซึ่งเอาจริงเจ้าตัวไม่ค่อยจะอยากเลี้ยงสักเท่าไหร่
หลังจากที่กอนสึเขะ สุนัขตัวเก่าที่เคยเลี้ยงไว้ตายไป ทำให้ไม่อยากจะมาเสียใจกับสัตว์เลี้ยงอีก
แต่เมื่อชิซึโกะลูกสาวรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะขอเลี้ยงสุนัขตัวนี้ไว้เอง
ทำให้เจ้าหมาตัวนี้กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้ในที่สุด โดยศาสตราจารย์ตั้งชื่อไว้ว่า ฮาจิ ..
กระนั้นตัวลูกสาวของศาสตราจารย์ก็ไม่ได้เลี้ยงมันไว้อย่างที่พูด เพราะตัวเองแต่งงานกะทันหัน
ความรับผิดชอบนี้จึงตกเป็นของอาจารย์ฮิเดซาบูโร อย่างช่วยไม่ได้
เลี้ยงไปเลี้ยงมา จากคนที่ไม่คิดจะเลี้ยงอะไรอีก กลายเป็นว่าฮิเดซาบูโร หลงเจ้าฮาจิอย่างหนัก
ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด อาบน้ำ กินข้าว เวลาไปไหนก็ฝากฝังให้คนที่บ้านดูแลอย่างใกล้ชิด
เวลาเขาไปทำงาน ฮาจิก็จะตามไปส่งที่สถานีรถไฟชิบูย่าเสมอ และรอรับกลับบ้านในตอนเย็น
วันเวลาของมันมีแต่ความสุข.. จนกระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม 1925 ...
Hachikō Monogatari (ハチ公物語) เป็นภาพยนตร์ดราม่าญี่ปุ่นปี 1987 กำกับโดยเซอิจิโร โคยามะ
เขียนบทโดยคาเนโตะ ชินโด เรื่องราวที่เป็นตำนานแห่งความซื่อสัตย์ของ ฮาจิ
สุนัขพันธ์อากิตะที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของนายมันในทุกๆวันที่สถานีรถไฟ
แม้ว่าเจ้านายของมันจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้วก็ตาม...
ผมเชื่อว่าคอหนังทุกท่านคงเคยดูภาพยนตร์ฝั่งฮอลลีวู้ดที่ชื่อว่า Hachi: A Dog's Tale (2009)
ที่นำแสดงโดยริชาร์ด เกียร์ ว่าด้วยเรื่องความผูกพันระหว่างคนและสุนัข ที่ทำเอาคนดูร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรมาแล้วทั่วโลก
โกยเงินไปได้เยอะมากๆด้วย.. แต่ผมอยากบอกว่า Hachikō Monogatari นี่คือเรื่องต้นฉบับเลยครับ
รับประกันความดราม่าเลยว่า เหนือกว่ามากกกก
เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในปี 1923 ทีมงานเซตฉากความเป็นอยู่บ้านเรือนของญี่ปุ่นในยุคนั้นได้สงบงามเป็นอย่างยิ่ง
เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงย่านชิบูย่า ย้อนเวลาไป 100 ปี
และแน่นอนว่าตัวเดินเรื่องหลักก็คือ ศาสตราจารย์ฮิเดซาบูโร อูเอโนะอาจารย์มหาวิทยาลัย
นำแสดงโดย โดยทัตสึยะ นากาได สุดยอดนักแสดงระดับปรมาจารย์ ที่โดดเด่นมากๆก็อย่าง Kagemusha และก็ Ran
หนังของอาจารย์อากิระ คุโรซาว่า รับบทจริงจังแทบทุกเรื่องที่แสดง
มาเรื่องนี้เจ้าตัวรับบทที่ดูสบายๆ และผ่อนคลายมากขึ้นถ้าเทียบกับหนังที่ผ่านๆมา
และก็ฮาจิ สุนัขพันธ์อากิตะที่เป็นตัวเอกของเรื่อง ถ้าผมลองดูแล้วน่าจะมีการเปลี่ยนตัวน้องทั้งหมด 4 ตัว ตามช่วงอายุ
ตั้งแต่ปี 1923-1935 อายุของมันก็ 11 ย่าง 12 ปี ..ซึ่งน่ารักมากกกกกกกกกกกกกแบบ
เห็นแล้วน่าไปกอดไปขยำซะจริงๆ แค่เห็นแววตาก็แทบจะละลายแล้ว หมาอะไรก็ไม่รู้ทำไมถึงน่ารักได้ถึงขนาดนี้
ถูกใจแฟนๆที่ชอบเลี้ยงหมาอย่างแน่นอน ไม่สิ คนรักสัตว์ทุกคนล่ะครับ ดูแล้วต้องชอบแน่ๆ
แต่... ใช่แล้ว อย่างที่บอกไว้ว่านี่คือหนังที่สร้างจากเรื่องจริง และก็จบเศร้าด้วย
ดังนั้นความดราม่าน้ำตาแตกนี่เป็นสิ่งที่คุณต้องเตรียมรับมือไว้ได้เลย เพราะหนังจับใจคนดูได้อย่างอยู่หมัด
นำเสนอความน่ารักของน้อง จนเมื่อมัดใจคนดูได้แล้ว ต่อไปเราก็จะสงสารต่อชะตากรรมที่น้องต้องพบเจอ
จากสัตว์เลี้ยงที่มีคนประคบประหงมคอยดูแลในบ้านของคนที่มีฐานะ
กลายเป็นสุนัขที่ถูกโยนไปมาให้คนอื่น สุดท้ายกลายเป็นแค่สุนัขจรจัดไร้เจ้าของ
อุปมาเหมือนซามูไรไร้นาย (โรนิน) ช่วงชีวิตท้ายๆของฮาจิ ระเหเร่ร่อน
แต่มันก็ยังคงวนเวียนไปในสถานที่ที่มันคุ้นเคยตลอดชีวิตของมันทั้งสิ้น
และแน่นอนว่ารวมถึงสถานีรถไฟชิบูย่า ที่ที่มันเฝ้ารอนายของมันทุกเย็นเพื่อกลับบ้านไปด้วยกัน
(ผมชอบซีนท้ายเรื่องมาก เพราะเป็นฉากเดียวที่มุมกล้องทำให้เราเห็นในมุมมองของฮาจิ)
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ฮาจิ ทำแบบเดียวกันนี้ซ้ำๆในทุกวัน มันเฝ้ารออยู่ที่หน้าสถานี
ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมันด้วยความสงสาร เห็นอกเห็นใจ เรื่องของมันกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว
หลังจากที่นักข่าวของอาซาฮีชิมบุนนำเรื่องของมันไปลงในหนังสือพิมพ์
ฮาจิ กลายเป็น 1 ในตัวแทนของความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้นทันที (และในกาลต่อมาก็เช่นกัน)
ความรักและความผูกพันของสุนัขตัวหนึ่งที่มีให้กับเจ้าของกลายเป็นเรื่องเล่าขานจนถึงปัจจุบัน
แม้เวลาจะผ่านมาใกล้ 100 ปีแล้วก็ตาม .. และนี่คือ 1 ในหนังดีที่รับประกันได้เลยว่า มีน้ำตาซึมชัวร์
อาจไม่ถึงขั้นไหลพรากๆ แต่ความประทับใจของฮาจิ จะตราตรึงใจคุณไปอีกนานแสนนานแน่นอน
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===