เรื่องย่อ
"Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ออกฉายในปี 2024 และเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของนักแสดงสาวมากฝีมือ Anna Kendrick ซึ่งร่วมแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงอันน่าตกใจของ Rodney Alcala (Daniel Zovatto) ฆาตกรต่อเนื่องชื่อฉาวโฉ่ที่ไปปรากฏตัวในรายการเกมโชว์หาคู่ชื่อดัง "The Dating Game" ในช่วงยุค 70s
เรื่องราวหลักของภาพยนตร์มุ่งเน้นไปที่ Cheryl Bradshaw (Anna Kendrick) นักแสดงสาวผู้พยายามหางานในวงการบันเทิง เธอตัดสินใจเข้าร่วมรายการ "The Dating Game" ในฐานะผู้หญิงที่ต้องเลือกคู่เดทจากชายสามคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉาก โดยไม่รู้เลยว่าหนึ่งในผู้เข้าร่วมคนนั้นคือ Rodney Alcala ฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังออกอาละวาดและทิ้งร่องรอยเหยื่อไว้เบื้องหลังหลายราย
ภาพยนตร์ตัดสลับระหว่างบรรยากาศที่ดูสดใสและฉาบฉวยของรายการโทรทัศน์ กับเบื้องหลังอันดำมืดและโหดเหี้ยมของ Alcala ที่กำลังก่ออาชญากรรม Cheryl เลือก Alcala ให้เป็นคู่เดทของเธอจากคำตอบที่ดูมีเสน่ห์และแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างไม่คาดคิด ภาพยนตร์ไม่ได้เน้นฉากความรุนแรงโจ่งแจ้ง แต่สร้างความตึงเครียดและความน่าสะพรึงกลัวผ่านการแสดงและบรรยากาศที่กดดัน พร้อมกับสำรวจให้เห็นถึงสัญญาณอันตรายที่มักถูกมองข้ามและสัญชาตญาณของเหยื่อ
ความรู้สึกหลังรับชม
"Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความรู้สึกไม่สบายใจและกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงทำให้ความน่ากลัวทวีคูณขึ้นไปอีก Anna Kendrick ในฐานะผู้กำกับทำผลงานเปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจ เธอสามารถสร้างบรรยากาศที่ตัดกันระหว่างความสดใสของรายการทีวีกับความมืดหม่นของความเป็นจริงได้อย่างน่าสนใจ และในฐานะนักแสดง เธอก็ถ่ายทอดบท Cheryl Bradshaw ได้อย่างละเอียดอ่อน ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเปราะบางและความหวาดระแวงที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในตัวละคร
Daniel Zovatto ในบท Rodney Alcala แสดงได้อย่างน่าขนลุกและน่าเชื่อถือ เขาสามารถถ่ายทอดบุคลิกที่ดูมีเสน่ห์ภายนอก แต่แฝงไปด้วยความอันตรายและความอำมหิตภายในได้อย่างน่ากลัว ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่ไว้วางใจตัวละครนี้ในทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังฆาตกรต่อเนื่องไล่ล่าเหยื่อ แต่ยังสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับการเหมารวมทางเพศและทัศนคติของสังคมในยุค 70s ที่มักมองข้ามความรู้สึกและคำเตือนของผู้หญิง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Alcala สามารถลอยนวลอยู่ได้นาน แม้ว่าบางช่วงของภาพยนตร์อาจจะมีจังหวะที่เนิบไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วสามารถรักษาความตึงเครียดและความน่าติดตามไว้ได้จนจบ เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกและสะท้อนให้เห็นถึงอันตรายที่อาจซ่อนอยู่ในที่ที่คาดไม่ถึง
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 6.6/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 91% , คะแนนจากผู้ชม 75%
สรุป
"Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์อาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่สร้างจากเรื่องจริงอันน่าตกใจ ซึ่ง Anna Kendrick ทำหน้าที่ทั้งผู้กำกับและนักแสดงนำได้อย่างน่าประทับใจ ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องได้อย่างน่าติดตามและสร้างความตึงเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับสอดแทรกประเด็นทางสังคมได้อย่างน่าสนใจ แม้คะแนนจากผู้ชมบน IMDb อาจจะค่อนข้างกลางๆ แต่คะแนนจากนักวิจารณ์ที่สูงบน Rotten Tomatoes ก็ยืนยันถึงคุณภาพและความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ "Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวอาชญากรรม/ระทึกขวัญที่สร้างจากเรื่องจริง และต้องการชมผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Anna Kendrick.
Woman of the Hour: เสน่ห์อันตรายบนเวทีจับคู่ เรื่องจริงสุดระทึกของฆาตกรต่อเนื่อง
เรื่องย่อ
"Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ออกฉายในปี 2024 และเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของนักแสดงสาวมากฝีมือ Anna Kendrick ซึ่งร่วมแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงอันน่าตกใจของ Rodney Alcala (Daniel Zovatto) ฆาตกรต่อเนื่องชื่อฉาวโฉ่ที่ไปปรากฏตัวในรายการเกมโชว์หาคู่ชื่อดัง "The Dating Game" ในช่วงยุค 70s
เรื่องราวหลักของภาพยนตร์มุ่งเน้นไปที่ Cheryl Bradshaw (Anna Kendrick) นักแสดงสาวผู้พยายามหางานในวงการบันเทิง เธอตัดสินใจเข้าร่วมรายการ "The Dating Game" ในฐานะผู้หญิงที่ต้องเลือกคู่เดทจากชายสามคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉาก โดยไม่รู้เลยว่าหนึ่งในผู้เข้าร่วมคนนั้นคือ Rodney Alcala ฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังออกอาละวาดและทิ้งร่องรอยเหยื่อไว้เบื้องหลังหลายราย
ภาพยนตร์ตัดสลับระหว่างบรรยากาศที่ดูสดใสและฉาบฉวยของรายการโทรทัศน์ กับเบื้องหลังอันดำมืดและโหดเหี้ยมของ Alcala ที่กำลังก่ออาชญากรรม Cheryl เลือก Alcala ให้เป็นคู่เดทของเธอจากคำตอบที่ดูมีเสน่ห์และแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างไม่คาดคิด ภาพยนตร์ไม่ได้เน้นฉากความรุนแรงโจ่งแจ้ง แต่สร้างความตึงเครียดและความน่าสะพรึงกลัวผ่านการแสดงและบรรยากาศที่กดดัน พร้อมกับสำรวจให้เห็นถึงสัญญาณอันตรายที่มักถูกมองข้ามและสัญชาตญาณของเหยื่อ
ความรู้สึกหลังรับชม
"Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความรู้สึกไม่สบายใจและกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงทำให้ความน่ากลัวทวีคูณขึ้นไปอีก Anna Kendrick ในฐานะผู้กำกับทำผลงานเปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจ เธอสามารถสร้างบรรยากาศที่ตัดกันระหว่างความสดใสของรายการทีวีกับความมืดหม่นของความเป็นจริงได้อย่างน่าสนใจ และในฐานะนักแสดง เธอก็ถ่ายทอดบท Cheryl Bradshaw ได้อย่างละเอียดอ่อน ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเปราะบางและความหวาดระแวงที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในตัวละคร
Daniel Zovatto ในบท Rodney Alcala แสดงได้อย่างน่าขนลุกและน่าเชื่อถือ เขาสามารถถ่ายทอดบุคลิกที่ดูมีเสน่ห์ภายนอก แต่แฝงไปด้วยความอันตรายและความอำมหิตภายในได้อย่างน่ากลัว ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่ไว้วางใจตัวละครนี้ในทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังฆาตกรต่อเนื่องไล่ล่าเหยื่อ แต่ยังสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับการเหมารวมทางเพศและทัศนคติของสังคมในยุค 70s ที่มักมองข้ามความรู้สึกและคำเตือนของผู้หญิง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Alcala สามารถลอยนวลอยู่ได้นาน แม้ว่าบางช่วงของภาพยนตร์อาจจะมีจังหวะที่เนิบไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วสามารถรักษาความตึงเครียดและความน่าติดตามไว้ได้จนจบ เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกและสะท้อนให้เห็นถึงอันตรายที่อาจซ่อนอยู่ในที่ที่คาดไม่ถึง
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 6.6/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 91% , คะแนนจากผู้ชม 75%
สรุป
"Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์อาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่สร้างจากเรื่องจริงอันน่าตกใจ ซึ่ง Anna Kendrick ทำหน้าที่ทั้งผู้กำกับและนักแสดงนำได้อย่างน่าประทับใจ ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องได้อย่างน่าติดตามและสร้างความตึงเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับสอดแทรกประเด็นทางสังคมได้อย่างน่าสนใจ แม้คะแนนจากผู้ชมบน IMDb อาจจะค่อนข้างกลางๆ แต่คะแนนจากนักวิจารณ์ที่สูงบน Rotten Tomatoes ก็ยืนยันถึงคุณภาพและความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ "Woman of the Hour" เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวอาชญากรรม/ระทึกขวัญที่สร้างจากเรื่องจริง และต้องการชมผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Anna Kendrick.