ศุภณัฐ ชี้พิรุธใหม่ ออกแบบตึกสตง. บีบกรมโยธาฯปฏิเสธ เปิดทางเอกชน ทำเสียหายนับพันล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5186781
.
.
ศุภณัฐ ชี้พิรุธใหม่ ออกแบบตึกสตง. บีบกรมโยธาฯปฏิเสธ เปิดทางเอกชน ทำเสียหายเป็นพันล้าน
.
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ได้ออกมาเปิดเผยเอกสารตึก สตง. ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุข้อความว่า
.
“เปิดพิรุธใหม่ ตึก สตง. บีบกรมโยธาฯออกแบบให้เสร็จใน 6 เดือน จนกรมโยธาปฏิเสธ-เปิดทาง สตง.จ้างเอกชนออกแบบ แต่กลับเสียเวลาเพิ่มขึ้น 1.5 ปี และดันวงเงินก่อสร้างพุ่งขึ้น จาก 1,500 ล้าน เป็น 2,500 ล้าน
.
จากเอกสารจากกรมโยธา ที่ผมได้รับเอกสารล่าสุด กลับปรากฏพิรุธใหม่ของ สตง.ที่น่าสนใจคือ
.
เมื่อ 31/3/2560 ทาง สตง. เคยมีหนังสือส่งไปให้ให้กรมโยธาฯ ช่วยออกแบบตึกวงเงินก่อสร้างไม่เกิน 1,500 ล้าน และบีบเวลาว่าต้องออกแบบตึกให้เสร็จภายในเวลาเพียง 180 วัน โดยอ้างว่าต้องจ่ายค่าเช่าที่ดิน ถ้าออกแบบนานจะยิ่งเสียค่าเช่าเยอะ แต่ด้วยเวลา 180 วันมันน้อยเกินไป ทางกรมโยธาเลยตอบว่าตึกใหญ่ขนาดนี้ให้เวลา 180 วัน ทำไม่ทัน
.
ซึ่งแทนที่ สตง.จะขยายเวลาให้กรมโยธาเพิ่มจะได้ไม่ต้องไปจ้างคนออกแบบ แต่ทาง สตง.กลับได้จังหวะ ไปจ้างเอกชนมาออกแบบแทน ซึ่งกว่าจะร่างและประกาศ TOR และกว่าจะคัดเลือกเสร็จ จนได้เซ็นสัญญากับคนออกแบบ วันที่ 9/10/2561 รวม สตง.เสียเวลาไป 1.5 ปี และเสียค่าเช่าที่ดินฟรีๆ อีก 40 ล้าน
.
ที่ประหลาดกว่าคือ ด้วยความล่าช้าถึง 1.5 ปี กว่าจะได้จ้างคนออกแบบ อาจเป็นปัจจัยทำให้ สตง.ต้องไปบีบสัญญาคนออกแบบเหลือแค่ 120 วัน ซึ่งไม่รู้ว่า สตง.คิดได้ไงถึงให้เวลาแค่ 120 วัน (4 เดือน) เพราะขนาดให้ 180 วัน ที่ให้กรมโยธา เขาก็บอกอยู่ว่าสั้นไป
.
อีกทั้งการบีบเวลาออกแบบ มันส่งผลต่อความรอบคอบ และคงามปลอดภัยในการออกแบบ จนเป็นที่มาของตึกถล่ม หรือไม?
.
ทั้งหมดนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่า เป็นหมากที่ สตง.ได้วางไว้ตั้งแต่แรกหรือไม่? หรือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ของผู้บริหารในยุคนั้น
.
แต่มันเริ่มจากการบีบเวลา เพื่อชงให้กรมโยธาตอบปฏิเสธ มีข้ออ้างเพียงพอให้ เปิดช่องเอาเงิน 73 ล้านมาจ้างเอกชนมาออกแบบแทน แถมดันราคากลางจาก 1,500 ล้าน เป็น 2,500 ล้าน (เพิ่มขึ้น 1,000 ล้าน) และที่สำคัญ มันไม่ได้ช่วยร่นระยะเวลาแต่กลับนานขึ้นกว่าเดิม จนเสียค่าเช่าที่ดินฟรีๆ ร่วม 40 ล้านไปอีก
.
สรุป 5 ความพังเละ จาก “การตัดสินใจผิดพลาด“ ของ สตง. บีบกรมโยธาให้ไม่สามารถออกแบบได้ จนทำให้
1.เสียเวลากว่าจะได้คนออกแบบ นานกว่าเดิม 1.5ปี
2.เสียค่าเช่าที่ดินเพิ่มฟรีๆ 40กว่าล้าน
3.เสียเงิน จ้างเอกชนออกแบบ 73ล้าน
4.วงเงินค่าก่อสร้างแพงขึ้นอีก 1,000ล้าน
5.บีบเวลาเอกชนเหลือ 120วัน จนอาจจะส่งผลต่อ ความรอบคอบและความปลอดภัยของแบบก่อสร้าง
รวมความเสียหายจากการบริหารงาน และการตัดสินใจที่ผิดพลาดของสตง. แค่เฉพาะเรื่อง “การออกแบบ” กลับสูงถึง 1,113 ล้าน เป็นอย่างน้อย
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สตง.จะยังมีหน้าไปตรวจการใช้เงิน ของชาวบ้านอีกหรือไม่ ในเมื่อตัวเอง ตัดสินใจผิดพลาดจนสร้างความเสียหายมากขนาดนี้
.
https://www.facebook.com/suphanat.minchaiynunt/posts/pfbid0pDng6FrUaNnWu44rzuC7hoG16DRpEiM2dDLiVdSXVcrDjcA4oa5t3RjMcr93rHgel
.
.
เสวนา ’84 ปี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กับสังคมการเมืองสยามประเทศไทยและอุษาคเนย์’
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9762803
.
วงเสวนา ยกย่อง ‘ชาญวิทย์’ ผู้ตื่นรู้แห่งยุคสมัย นักวิชาการที่จริงแท้ ไม่แสวงหาอำนาจ เงินทอง ทุ่มสร้างงานเกินครึ่งศตวรรษ หวังเปลี่ยนแปลงสังคมสู่ความเท่าเทียม เตือนผู้คนรู้เท่าทันประวัติศาสตร์ ไม่ติดกับดักชาตินิยม เชื่อมโลกหอคอยงาช้าง
.
วันที่ 16 พ.ค.68 ที่มติชนอคาเดมี เขตจตุจักร กทม. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับกลุ่มเพื่อนของศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ร่วมกันจัดงานฉลองครบรอบอายุ 84 ปี
.
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. บุคคลในแวดวงต่างๆ ทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้บริหารในเครือมติชน นำโดย นาย
ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นางสาว
ปานบัว บุนปาน ประธานกรรมการ บมจ. มติชน และนาย
ปราปต์ บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บมจ. มติชน ให้การต้อนรับ
.
เวลาประมาณ 16.00 น. เข้าสู่ช่วงเสวนา ’
84 ปี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กับสังคมการเมืองสยามประเทศไทยและอุษาคเนย์’ ดำเนินรายการโดย นายอดิศักดิ์ ศรีสม ในตอนหนึ่ง ศ.ดร.
ธงชัย วินิจจะกูล นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า ตนเพิ่งเขียนบทความลงในนิตยสารมติชน สุดสัปดาห์ (เรื่อง ‘ชาญวิทย์ ศาสตราจารย์พิเศษ (และไม่พิเศษ)) โดยกล่าวถึงคุณสมบัติ 9 ข้อ ในที่นี้ ตนขออ่านข้อ 9 ความว่า
.
“
ชาญวิทย์เป็นคนมีความหวัง จะเรียกว่าความเชื่อสวยหรูว่าโลกย่อมดีขึ้นก็คงไม่ผิด ความเชื่อข้อนี้กับการมีความหวังกับคนรุ่นใหม่เกี่ยวพันแยกกันไม่ออกสำหรับเขา เขาตื่นเต้นมากเมื่อคนรุ่นใหม่อยากได้รัฐธรรมนูญ อยากสร้างฟ้าสีทองผ่องอำไพ จนถึงอยากให้จบในรุ่นเรา แต่เขาไม่สิ้นความหวังเมื่อทั้งหมดนั้นจบลงอย่างไม่สวยหรู น่าจะเป็นเพราะความหวังของชาญวิทย์หล่อเลี้ยงด้วยความฝันของเยาวชน รุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงไม่มีทางดับลงสนิท โปรดสังเกตว่าชาญวิทย์มิได้มีชื่อเสียงโดดเด่นในฐานะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผมเข้าใจว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภามหาวิทยาลัยหรือเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจที่ไหนเลย ซึ่งผิดกับอดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์คนอื่นๆ ข้อนี้ไม่น่าแปลกใจเลยสำหรับคนที่มีคุณสมบัติและความคิดอย่างเขา แต่อยู่ในสังคมไทย” ศ.ดร.
ธงชัย กล่าว
.
ด้าน รศ.ดร.
นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ศ.พิเศษดร. ชาญวิทย์ เป็นครูที่ไหว้ได้จากจิตวิญญาณ เป็นผู้แสวงหาความหมาย และพัฒนาตนเองอยู่ตลอด เป็นผู้ตื่นรู้แห่งยุคสมัย มองประวัติศาสตร์ไทยโดยไม่แยกออกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ปลุกปั่นว่าไทยวิเศษกว่าใคร ทั้งยังเล่าเรื่องที่มีความซับซ้อน ให้เข้าใจง่าย เล่าประวัติศาสตร์ที่เหมือนตายไปแล้วให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่
.
รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ กล่าวว่า ตอนที่ตนเรียนปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ ได้พบศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ ตอนแรกไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ แต่อาจารย์พาไปดื่มเบียร์ ซึ่งทำให้พบปะคนมากมาย ได้ฟังเรื่องราวที่หลากหลาย รวมถึงการถกเถียงในหมู่นักวิชาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของตนเองโดยไม่รู้ตัว อีกสิ่งหนึ่งคือการท่องเที่ยว บุกไปในสถานที่ใหม่ๆ ซึ่งช่วยเปิดโลกอย่างมาก เช่น ทริปผามออีแดง เพื่อดูปราสาทพระวิหาร นอกจากนี้ ตนยังได้เรียนรู้การทำหนังสือ เช่น จาก 14 ถึง 6 ตุลา และทองปาน ของ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ซึ่งตนได้เป็นบรรณาธิการร่วม
.
รศ.ดร.
ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวถึง คุณูปการ 3 ด้าน ของศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ โดยด้านที่เด่นที่สุด คือ การสร้างลูกศิษย์ในวงวิชาการ นี่คือคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ เรามีนักวิชาการจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสร้างลูกศิษย์ ส่วนใหญ่สร้างผลงานของตัวเอง ไม่น่าจะมีใครที่สร้างได้เท่านี้อีกแล้ว ด้านที่ 2 คือ การทำให้การศึกษาเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อุษาคเนย์ เป็นรูปเป็นร่าง เป็นที่เป็นทาง ในสังคมไทย ไม่มีใครมีคุณูปการด้านนี้เท่าศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์อีกแล้ว
.
“
อาจารย์ทำผ่านหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ผลงานวิชาการ แต่พานักศึกษาไปท่องเที่ยวซึ่งทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น และทำให้เราไม่ติดกับดักชาตินิยม ส่วนประการสุดท้าย คือการเชื่อมโลกประวัติศาสตร์บนหอคอยงาช้างสู่สังคม ทำให้ประวัติศาสตร์มีเสน่ห์ และพยายามเตือนให้คนเท่าทันกับประวัติศาสตร์ ไม่ลุ่มหลงหรือยึดติดอดีต เพราะประวัติศาสตร์ไม่ได้สอนเรื่องอดีต แต่สอนเรื่องการเปลี่ยนแปลง” รศ.ดร.
ประจักษ์ กล่าว
.
นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ตนไม่ใช่ลูกศิษย์ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ ในห้องเรียน แต่เป็นลูกศิษย์ผ่านตัวอักษร เพราะเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แต่สนใจงานด้านสังคมศาสตร์ จึงอ่านหนังสือของท่าน รวมถึงนักวิชาการอีกหลายท่าน ซึ่งส่งอิทธิพลทางความคิดต่อตนอย่างมากในด้านปัญหาสังคมการเมือง
.
“
ในมุมมองของผม อาจารย์ชาญวิทย์ มีคุณูปการต่อแวดวงการศึกษา 3 อย่างด้วยกัน 1. การเป็นผู้ปฏิวัติการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ระดับอุดมศึกษา 2. เป็นผู้ฟื้นฟูความทรงจำของการปฏิวัติสยาม ของนายปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎร 3. เป็นผู้ปลูก ทะนุถนอม และสืบต่อเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังให้คนรุ่นต่อไป” นาย
ธนาธร กล่าว
.
.
“รัสเซีย-ยูเครน” เจรจาครั้งแรกในรอบ 3 ปียังไม่คืบ แต่ตกลงแลกเปลี่ยนเชลย
https://www.dailynews.co.th/news/4717445/
.
แม้แทบไม่มีความคืบหน้า จากการหารือครั้งแรกในรอบ 3 ปี ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียกับยูเครน แต่อย่างน้อย ทั้งสองประเทศเตรียมแลกเปลียนนักโทษชุดใหญ่
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่าตุรกีเป็นเจ้าภาพจัดการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัสเซียกับยูเครน ที่เมืองอิสตันบูล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการเจรจาแบบพบหน้าเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565
.
ทั้งนี้ คณะผู้แทนของรัสเซียนำโดยนาย
วลาดิเมียร์ เมดินสกี อดีตรมว.กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบเครมลิน ส่วนฝ่ายยูเครนนำโดยนายรัสเต็ม อูเมรอฟ รมว.กระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน
.
อย่างไรก็ตาม การพบหารือยุติภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แหล่งข่าวในทีมเจรจายูเครนเปิดเผยว่า “
รัฐบาลมอสโกยื่นข้อเสนอที่ไม่สามารถรับได้” หนึ่งในนั้นคือการที่ยูเครนต้องถอนทหาร “
ออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่” แม้เป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐบาลเคียฟ แต่ไม่ใช่การหยุดยิง
.
กระนั้น รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ในการเตรียมแลกเปลี่ยนเชลยครั้งใหญ่ ฝ่ายละ 1,000 คน “
ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในอนาคตอันใกล้นี้”
.
ขณะเดียวกัน ยูเครนเรียกร้องการเจรจาโดยตรง ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งรัฐบาลมอสโก “
รับทราบ” และมีท่าที “
พึงพอใจ” กับการหารือครั้งนี้ แม้ไม่ได้มีการบรรลุผลใดมากนักก็ตาม
.
อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี ว่าโดยส่วนตัวเขาไม่คาดหวังว่า การพบหารือครั้งนี้จะนำไปสู่ความคืบหน้าใด เนื่องจากปูตินไม่ได้เดินทางมา
.
ทรัมป์กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในยูเครน “
จะมีความเปลี่ยนแปลงหรือความคืบหน้า” เมื่อเขาและปูตินได้มีโอกาสพบหน้าหารือกันเท่านั้น พร้อมทั้งยืนยันว่า ต้องมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในยูเครน “
ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้มีผู้คนล้มตายไปมากกว่านี้”
.
JJNY : ศุภณัฐชี้พิรุธใหม่ออกแบบตึกสตง.│เสวนา’84ปี ชาญวิทย์กับสังคมการเมือง│“รัสเซีย-ยูเครน”เจรจาไม่คืบ│ทั่วไทยฝนฟ้าคะนอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5186781
.
เมื่อ 31/3/2560 ทาง สตง. เคยมีหนังสือส่งไปให้ให้กรมโยธาฯ ช่วยออกแบบตึกวงเงินก่อสร้างไม่เกิน 1,500 ล้าน และบีบเวลาว่าต้องออกแบบตึกให้เสร็จภายในเวลาเพียง 180 วัน โดยอ้างว่าต้องจ่ายค่าเช่าที่ดิน ถ้าออกแบบนานจะยิ่งเสียค่าเช่าเยอะ แต่ด้วยเวลา 180 วันมันน้อยเกินไป ทางกรมโยธาเลยตอบว่าตึกใหญ่ขนาดนี้ให้เวลา 180 วัน ทำไม่ทัน
2.เสียค่าเช่าที่ดินเพิ่มฟรีๆ 40กว่าล้าน
3.เสียเงิน จ้างเอกชนออกแบบ 73ล้าน
4.วงเงินค่าก่อสร้างแพงขึ้นอีก 1,000ล้าน
5.บีบเวลาเอกชนเหลือ 120วัน จนอาจจะส่งผลต่อ ความรอบคอบและความปลอดภัยของแบบก่อสร้าง
https://www.facebook.com/suphanat.minchaiynunt/posts/pfbid0pDng6FrUaNnWu44rzuC7hoG16DRpEiM2dDLiVdSXVcrDjcA4oa5t3RjMcr93rHgel
.
.
เสวนา ’84 ปี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กับสังคมการเมืองสยามประเทศไทยและอุษาคเนย์’
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9762803
.
วงเสวนา ยกย่อง ‘ชาญวิทย์’ ผู้ตื่นรู้แห่งยุคสมัย นักวิชาการที่จริงแท้ ไม่แสวงหาอำนาจ เงินทอง ทุ่มสร้างงานเกินครึ่งศตวรรษ หวังเปลี่ยนแปลงสังคมสู่ความเท่าเทียม เตือนผู้คนรู้เท่าทันประวัติศาสตร์ ไม่ติดกับดักชาตินิยม เชื่อมโลกหอคอยงาช้าง
.
วันที่ 16 พ.ค.68 ที่มติชนอคาเดมี เขตจตุจักร กทม. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับกลุ่มเพื่อนของศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ร่วมกันจัดงานฉลองครบรอบอายุ 84 ปี
.
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. บุคคลในแวดวงต่างๆ ทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้บริหารในเครือมติชน นำโดย นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นางสาวปานบัว บุนปาน ประธานกรรมการ บมจ. มติชน และนายปราปต์ บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บมจ. มติชน ให้การต้อนรับ
.
เวลาประมาณ 16.00 น. เข้าสู่ช่วงเสวนา ’84 ปี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กับสังคมการเมืองสยามประเทศไทยและอุษาคเนย์’ ดำเนินรายการโดย นายอดิศักดิ์ ศรีสม ในตอนหนึ่ง ศ.ดร. ธงชัย วินิจจะกูล นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า ตนเพิ่งเขียนบทความลงในนิตยสารมติชน สุดสัปดาห์ (เรื่อง ‘ชาญวิทย์ ศาสตราจารย์พิเศษ (และไม่พิเศษ)) โดยกล่าวถึงคุณสมบัติ 9 ข้อ ในที่นี้ ตนขออ่านข้อ 9 ความว่า
.
“ชาญวิทย์เป็นคนมีความหวัง จะเรียกว่าความเชื่อสวยหรูว่าโลกย่อมดีขึ้นก็คงไม่ผิด ความเชื่อข้อนี้กับการมีความหวังกับคนรุ่นใหม่เกี่ยวพันแยกกันไม่ออกสำหรับเขา เขาตื่นเต้นมากเมื่อคนรุ่นใหม่อยากได้รัฐธรรมนูญ อยากสร้างฟ้าสีทองผ่องอำไพ จนถึงอยากให้จบในรุ่นเรา แต่เขาไม่สิ้นความหวังเมื่อทั้งหมดนั้นจบลงอย่างไม่สวยหรู น่าจะเป็นเพราะความหวังของชาญวิทย์หล่อเลี้ยงด้วยความฝันของเยาวชน รุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงไม่มีทางดับลงสนิท โปรดสังเกตว่าชาญวิทย์มิได้มีชื่อเสียงโดดเด่นในฐานะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผมเข้าใจว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภามหาวิทยาลัยหรือเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจที่ไหนเลย ซึ่งผิดกับอดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์คนอื่นๆ ข้อนี้ไม่น่าแปลกใจเลยสำหรับคนที่มีคุณสมบัติและความคิดอย่างเขา แต่อยู่ในสังคมไทย” ศ.ดร. ธงชัย กล่าว
.
ด้าน รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ศ.พิเศษดร. ชาญวิทย์ เป็นครูที่ไหว้ได้จากจิตวิญญาณ เป็นผู้แสวงหาความหมาย และพัฒนาตนเองอยู่ตลอด เป็นผู้ตื่นรู้แห่งยุคสมัย มองประวัติศาสตร์ไทยโดยไม่แยกออกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ปลุกปั่นว่าไทยวิเศษกว่าใคร ทั้งยังเล่าเรื่องที่มีความซับซ้อน ให้เข้าใจง่าย เล่าประวัติศาสตร์ที่เหมือนตายไปแล้วให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่
.
รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ กล่าวว่า ตอนที่ตนเรียนปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ ได้พบศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ ตอนแรกไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้ แต่อาจารย์พาไปดื่มเบียร์ ซึ่งทำให้พบปะคนมากมาย ได้ฟังเรื่องราวที่หลากหลาย รวมถึงการถกเถียงในหมู่นักวิชาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของตนเองโดยไม่รู้ตัว อีกสิ่งหนึ่งคือการท่องเที่ยว บุกไปในสถานที่ใหม่ๆ ซึ่งช่วยเปิดโลกอย่างมาก เช่น ทริปผามออีแดง เพื่อดูปราสาทพระวิหาร นอกจากนี้ ตนยังได้เรียนรู้การทำหนังสือ เช่น จาก 14 ถึง 6 ตุลา และทองปาน ของ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ซึ่งตนได้เป็นบรรณาธิการร่วม
.
รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวถึง คุณูปการ 3 ด้าน ของศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ โดยด้านที่เด่นที่สุด คือ การสร้างลูกศิษย์ในวงวิชาการ นี่คือคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ เรามีนักวิชาการจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสร้างลูกศิษย์ ส่วนใหญ่สร้างผลงานของตัวเอง ไม่น่าจะมีใครที่สร้างได้เท่านี้อีกแล้ว ด้านที่ 2 คือ การทำให้การศึกษาเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อุษาคเนย์ เป็นรูปเป็นร่าง เป็นที่เป็นทาง ในสังคมไทย ไม่มีใครมีคุณูปการด้านนี้เท่าศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์อีกแล้ว
.
“อาจารย์ทำผ่านหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ผลงานวิชาการ แต่พานักศึกษาไปท่องเที่ยวซึ่งทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น และทำให้เราไม่ติดกับดักชาตินิยม ส่วนประการสุดท้าย คือการเชื่อมโลกประวัติศาสตร์บนหอคอยงาช้างสู่สังคม ทำให้ประวัติศาสตร์มีเสน่ห์ และพยายามเตือนให้คนเท่าทันกับประวัติศาสตร์ ไม่ลุ่มหลงหรือยึดติดอดีต เพราะประวัติศาสตร์ไม่ได้สอนเรื่องอดีต แต่สอนเรื่องการเปลี่ยนแปลง” รศ.ดร.ประจักษ์ กล่าว
.
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ตนไม่ใช่ลูกศิษย์ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ ในห้องเรียน แต่เป็นลูกศิษย์ผ่านตัวอักษร เพราะเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แต่สนใจงานด้านสังคมศาสตร์ จึงอ่านหนังสือของท่าน รวมถึงนักวิชาการอีกหลายท่าน ซึ่งส่งอิทธิพลทางความคิดต่อตนอย่างมากในด้านปัญหาสังคมการเมือง
.
“ในมุมมองของผม อาจารย์ชาญวิทย์ มีคุณูปการต่อแวดวงการศึกษา 3 อย่างด้วยกัน 1. การเป็นผู้ปฏิวัติการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ระดับอุดมศึกษา 2. เป็นผู้ฟื้นฟูความทรงจำของการปฏิวัติสยาม ของนายปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎร 3. เป็นผู้ปลูก ทะนุถนอม และสืบต่อเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังให้คนรุ่นต่อไป” นายธนาธร กล่าว
.
.
“รัสเซีย-ยูเครน” เจรจาครั้งแรกในรอบ 3 ปียังไม่คืบ แต่ตกลงแลกเปลี่ยนเชลย
https://www.dailynews.co.th/news/4717445/
.
แม้แทบไม่มีความคืบหน้า จากการหารือครั้งแรกในรอบ 3 ปี ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียกับยูเครน แต่อย่างน้อย ทั้งสองประเทศเตรียมแลกเปลียนนักโทษชุดใหญ่
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่าตุรกีเป็นเจ้าภาพจัดการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัสเซียกับยูเครน ที่เมืองอิสตันบูล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการเจรจาแบบพบหน้าเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565
.
ทั้งนี้ คณะผู้แทนของรัสเซียนำโดยนายวลาดิเมียร์ เมดินสกี อดีตรมว.กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบเครมลิน ส่วนฝ่ายยูเครนนำโดยนายรัสเต็ม อูเมรอฟ รมว.กระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน
.
อย่างไรก็ตาม การพบหารือยุติภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แหล่งข่าวในทีมเจรจายูเครนเปิดเผยว่า “รัฐบาลมอสโกยื่นข้อเสนอที่ไม่สามารถรับได้” หนึ่งในนั้นคือการที่ยูเครนต้องถอนทหาร “ออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่” แม้เป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐบาลเคียฟ แต่ไม่ใช่การหยุดยิง
.
กระนั้น รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ในการเตรียมแลกเปลี่ยนเชลยครั้งใหญ่ ฝ่ายละ 1,000 คน “ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในอนาคตอันใกล้นี้”
.
ขณะเดียวกัน ยูเครนเรียกร้องการเจรจาโดยตรง ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งรัฐบาลมอสโก “รับทราบ” และมีท่าที “พึงพอใจ” กับการหารือครั้งนี้ แม้ไม่ได้มีการบรรลุผลใดมากนักก็ตาม
.
อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี ว่าโดยส่วนตัวเขาไม่คาดหวังว่า การพบหารือครั้งนี้จะนำไปสู่ความคืบหน้าใด เนื่องจากปูตินไม่ได้เดินทางมา
.
ทรัมป์กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในยูเครน “จะมีความเปลี่ยนแปลงหรือความคืบหน้า” เมื่อเขาและปูตินได้มีโอกาสพบหน้าหารือกันเท่านั้น พร้อมทั้งยืนยันว่า ต้องมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในยูเครน “ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้มีผู้คนล้มตายไปมากกว่านี้”
.