เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://mgronline.com/business/detail/9680000042916#google_vignette
ปัจจุบันฤดูผลไม้ปี 2568 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยปีนี้มีการคาดการณ์ว่าผลผลิตผลไม้สำคัญ 9 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มะม่วง สับปะรด มังคุด ส้มเขียวหวาน เงาะ ลองกอง และลิ้นจี่ จะเพิ่มขึ้นทุกรายการ เบ็ดเสร็จน่าจะมีประมาณ 6.736 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% ซึ่งในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูกาล กระทรวงพาณิชย์ได้ทำคลอดมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ออกมาจำนวน 7 มาตรการ 25 แผนงาน โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นมาตรการผลักดันราคาผลไม้ปีนี้ให้เพิ่มสูงขึ้น และเป็นปีทองของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้อีกปีหนึ่ง
แต่ทว่า เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลไม้มาได้เพียงแค่ 1 เดือนกว่าๆ เหตุการณ์กลับตาลปัตร ไม่เห็นแม้แววปีทอง เห็นแต่แววปีแห่งการขาดทุน เพราะต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นทุกตัว ทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงาน แต่ราคาที่ขายได้ที่ดูเหมือนจะดีเมื่อช่วงต้นฤดูกาล แต่มาวันนี้ผลไม้บางชนิดราคารูดลงแล้วเป็น 100% หรือมากกว่านั้น ทำให้เกษตรกรต่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วภาครัฐที่ดูแลหลักอย่างกระทรวงพาณิชย์มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร
สถานการณ์จริงไม่เป็นอย่างคำคุย
หันกลับมาดูสถานการณ์ความเป็นจริง เริ่มต้นจากทุเรียน ที่มีการตั้งความหวังจะเป็นปีทองของพี่น้องชาวสวน แต่ทันทีที่เริ่มฤดูกาล ช่วงเดือน มี.ค. 2568 ราคายังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 200 บาท โดยมีราคาสูงสุดอยู่ที่ กก.ละ 240-245 บาท ยืนราคาได้ช่วงปลายเดือน มี.ค. ถึงต้นเดือน เม.ย. แต่หลังจากนั้น ราคาปรับตัวลดลงเรื่อยๆ วันละ 5 บาท 10 บาท จนถึงปัจจุบัน ทุเรียนเกรด AB ราคาอยู่ที่ กก.ละ 120 บาท และเริ่มเห็นแววว่าจะลงไปแตะ 100 บาท หรือต่ำกว่าในไม่ช้านี้
มังคุดราคาดิ่งจาก 200 เหลือ 50 บาท
ทางด้านสถานการณ์ราคามังคุด เกษตรกรชาวสวนมังคุด จ.จันทบุรี ได้ระบุว่า ราคามังคุดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเริ่มต้นฤดูกาลราคาอยู่ที่เฉลี่ย กก.ละ 200 บาท (วันที่ 2 เม.ย. 2568) โดยราคายืนอยู่ได้ไม่กี่วัน จากนั้นได้ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งละ 5 บาท 10 บาท จนถึงช่วงกลางเดือน ราคาตกลงมาอยู่ที่ กก.ละ 100-115 บาท พอเข้าสู่ช่วงปลายเดือน เม.ย. 2568 ราคาปรับลงแรงมาก ครั้งละ 10 บาทหรือมากกว่า จนล่าสุดราคา ณ วันที่ 2 พ.ค. 2568 อยู่ที่เฉลี่ย กก.ละ 50 บาท โดยลงไปต่ำสุดถึง กก.ละ 45 บาท
เหตุผลที่ราคามังคุดปรับตัวลดลง ล้งรับซื้อมังคุดแจ้งว่า ตลาดปลายทาง คือ จีน ราคาปรับลดลง จึงต้องรับซื้อมังคุดในราคาที่ลดลง ซึ่งในความเป็นจริง ราคาในตลาดจีนยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่พ่อค้าใช้เป็นสาเหตุมากดราคาซื้อจากเกษตรกรเอง และมีการคาดกันว่าผลผลิตมังคุดในพื้นที่ จ.จันทบุรี และใกล้เคียง จะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เกษตรกรเป็นห่วงว่าราคาจะยืนอยู่ในระดับนี้ไหวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาแค่เดือนเดียวราคาลงจาก 200 บาท มาอยู่ที่ระดับ 50-60 บาทแล้ว
มะม่วงในสวน 2 บาท แม่ค้าถึงขั้นต้องเททิ้ง
สำหรับมะม่วง ปีนี้พูดได้ว่าผลผลิตมากถึงมากที่สุด แทบจะทุกบ้านมะม่วงออกลูกดก จนเกิดปรากฏการณ์ในโลกโซเชียล วันนี้คุณได้รับแจกมะม่วงแล้วหรือยัง หรือลิสต์รายชื่อบ้านที่จะต้องเอามะม่วงไปแจก เพราะผลผลิตมีมากจริงๆ นี่ขนาดตามบ้านเรือนยังขนาดนี้ และที่ปลูกเป็นสวน หรือทำเป็นอาชีพ จะมีมากขนาดไหน
จากการตรวจสอบสถานการณ์ราคามะม่วงที่นิยมปลูก นิยมบริโภค อย่างมะม่วงน้ำดอกไม้ ราคาช่วงต้นฤดูกาล เคยอยู่ในระดับสูงถึง กก.ละ 28-30 บาท แต่ปัจจุบันในท้องตลาดขายกันที่ กก.ละ 5-10 บาท โดยชาวสวนมะม่วงขายได้ราคาต่ำสุด กก.ละ 2 บาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าบางรายที่ไม่สามารถขายผลผลิตได้หมด แม้จะลดราคาลงมาเหลือ กก.ละ 5 บาทแล้ว ได้แก้ปัญหาด้วยการนำไปเททิ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะระบายผลผลิตยังไง จะเก็บไว้ก็เน่าเสีย หรือจะนำไปกวน หรือนำไปบริจาค ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุน
ผลไม้อื่นๆ อย่างแตงโมก็ราคาดิ่ง
นอกจากผลไม้หลักที่เริ่มต้นฤดูกาล และประสบปัญหาราคาตกต่ำ ยังมีผลไม้ที่ไม่ใช่ผลไม้หลัก อย่างแตงโม ก็ประสบปัญหาราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน โดยในพื้นที่ จ.ชัยนาท เกษตรกรต่างประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยราคาแตงโมเคยขายได้ กก.ละ 8-10 บาท แต่ปัจจุบันราคาลงมาเหลือ กก.ละ 1-2 บาท ขณะที่ จ.ราชบุรี ราคาก็ตกต่ำไม่แพ้กัน เกษตรกรขายได้ กก.ละ 2 บาท จากปกติ 7-9 บาท จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง หน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเป็นพระและภาคเอกชน ที่เข้าไปช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ขณะที่หน่วยงานภาครัฐกลับนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ ปล่อยให้ผลผลิตของเกษตรกรหลายรายต้องเน่าเสียคาสวน
เกษตรกรถามปีทองผลไม้มาตอนไหน
อ่านต่อรายละเอียดข่าวต้นฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น
เปิดฤดูผลไม้ราคาวูบหนัก “ทุเรียน-มังคุด-มะม่วง” อาการโคม่า เกษตรกรถาม “พาณิชย์” ปีทองมาตอนไหน
https://mgronline.com/business/detail/9680000042916#google_vignette
ปัจจุบันฤดูผลไม้ปี 2568 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยปีนี้มีการคาดการณ์ว่าผลผลิตผลไม้สำคัญ 9 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มะม่วง สับปะรด มังคุด ส้มเขียวหวาน เงาะ ลองกอง และลิ้นจี่ จะเพิ่มขึ้นทุกรายการ เบ็ดเสร็จน่าจะมีประมาณ 6.736 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% ซึ่งในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูกาล กระทรวงพาณิชย์ได้ทำคลอดมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ออกมาจำนวน 7 มาตรการ 25 แผนงาน โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นมาตรการผลักดันราคาผลไม้ปีนี้ให้เพิ่มสูงขึ้น และเป็นปีทองของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้อีกปีหนึ่ง
หันกลับมาดูสถานการณ์ความเป็นจริง เริ่มต้นจากทุเรียน ที่มีการตั้งความหวังจะเป็นปีทองของพี่น้องชาวสวน แต่ทันทีที่เริ่มฤดูกาล ช่วงเดือน มี.ค. 2568 ราคายังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 200 บาท โดยมีราคาสูงสุดอยู่ที่ กก.ละ 240-245 บาท ยืนราคาได้ช่วงปลายเดือน มี.ค. ถึงต้นเดือน เม.ย. แต่หลังจากนั้น ราคาปรับตัวลดลงเรื่อยๆ วันละ 5 บาท 10 บาท จนถึงปัจจุบัน ทุเรียนเกรด AB ราคาอยู่ที่ กก.ละ 120 บาท และเริ่มเห็นแววว่าจะลงไปแตะ 100 บาท หรือต่ำกว่าในไม่ช้านี้
ทางด้านสถานการณ์ราคามังคุด เกษตรกรชาวสวนมังคุด จ.จันทบุรี ได้ระบุว่า ราคามังคุดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเริ่มต้นฤดูกาลราคาอยู่ที่เฉลี่ย กก.ละ 200 บาท (วันที่ 2 เม.ย. 2568) โดยราคายืนอยู่ได้ไม่กี่วัน จากนั้นได้ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งละ 5 บาท 10 บาท จนถึงช่วงกลางเดือน ราคาตกลงมาอยู่ที่ กก.ละ 100-115 บาท พอเข้าสู่ช่วงปลายเดือน เม.ย. 2568 ราคาปรับลงแรงมาก ครั้งละ 10 บาทหรือมากกว่า จนล่าสุดราคา ณ วันที่ 2 พ.ค. 2568 อยู่ที่เฉลี่ย กก.ละ 50 บาท โดยลงไปต่ำสุดถึง กก.ละ 45 บาท
เหตุผลที่ราคามังคุดปรับตัวลดลง ล้งรับซื้อมังคุดแจ้งว่า ตลาดปลายทาง คือ จีน ราคาปรับลดลง จึงต้องรับซื้อมังคุดในราคาที่ลดลง ซึ่งในความเป็นจริง ราคาในตลาดจีนยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่พ่อค้าใช้เป็นสาเหตุมากดราคาซื้อจากเกษตรกรเอง และมีการคาดกันว่าผลผลิตมังคุดในพื้นที่ จ.จันทบุรี และใกล้เคียง จะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เกษตรกรเป็นห่วงว่าราคาจะยืนอยู่ในระดับนี้ไหวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาแค่เดือนเดียวราคาลงจาก 200 บาท มาอยู่ที่ระดับ 50-60 บาทแล้ว
สำหรับมะม่วง ปีนี้พูดได้ว่าผลผลิตมากถึงมากที่สุด แทบจะทุกบ้านมะม่วงออกลูกดก จนเกิดปรากฏการณ์ในโลกโซเชียล วันนี้คุณได้รับแจกมะม่วงแล้วหรือยัง หรือลิสต์รายชื่อบ้านที่จะต้องเอามะม่วงไปแจก เพราะผลผลิตมีมากจริงๆ นี่ขนาดตามบ้านเรือนยังขนาดนี้ และที่ปลูกเป็นสวน หรือทำเป็นอาชีพ จะมีมากขนาดไหน
จากการตรวจสอบสถานการณ์ราคามะม่วงที่นิยมปลูก นิยมบริโภค อย่างมะม่วงน้ำดอกไม้ ราคาช่วงต้นฤดูกาล เคยอยู่ในระดับสูงถึง กก.ละ 28-30 บาท แต่ปัจจุบันในท้องตลาดขายกันที่ กก.ละ 5-10 บาท โดยชาวสวนมะม่วงขายได้ราคาต่ำสุด กก.ละ 2 บาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าบางรายที่ไม่สามารถขายผลผลิตได้หมด แม้จะลดราคาลงมาเหลือ กก.ละ 5 บาทแล้ว ได้แก้ปัญหาด้วยการนำไปเททิ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะระบายผลผลิตยังไง จะเก็บไว้ก็เน่าเสีย หรือจะนำไปกวน หรือนำไปบริจาค ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุน
นอกจากผลไม้หลักที่เริ่มต้นฤดูกาล และประสบปัญหาราคาตกต่ำ ยังมีผลไม้ที่ไม่ใช่ผลไม้หลัก อย่างแตงโม ก็ประสบปัญหาราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน โดยในพื้นที่ จ.ชัยนาท เกษตรกรต่างประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยราคาแตงโมเคยขายได้ กก.ละ 8-10 บาท แต่ปัจจุบันราคาลงมาเหลือ กก.ละ 1-2 บาท ขณะที่ จ.ราชบุรี ราคาก็ตกต่ำไม่แพ้กัน เกษตรกรขายได้ กก.ละ 2 บาท จากปกติ 7-9 บาท จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง หน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเป็นพระและภาคเอกชน ที่เข้าไปช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ขณะที่หน่วยงานภาครัฐกลับนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ ปล่อยให้ผลผลิตของเกษตรกรหลายรายต้องเน่าเสียคาสวน
เกษตรกรถามปีทองผลไม้มาตอนไหน