เศรษฐกิจ​แบบนี้ ต้องเข้าสู่ Survival mode อะไรไม่จำเป็น ประหยัดได้ประหยัด

เศรษฐกิจ​แบบนี้ ต้องเข้าสู่ Survival mode อะไรไม่จำเป็น ประหยัดได้ประหยัด
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมรู้ตั้งแต่ 3-4 ปีก่อนแล้ว แต่คนอื่นตอนนั้นยัง ไม่รู้อะไรเลยเพราะพึ่งหลุดออกจากโควิดและกำลังหาแนวทางมีชีวิต แต่นั่นแหละ หลายคนเอาแต่ไปเชื่อหมาป่า หรือ หล่า influ สายหิวเงิน หรือ เสี้ยมสอนอะไรไม่รู้หละ

เข้าใจแหละหลายคนเขาไม่ได้ถนัด ที่จะเรียนรู้ แต่ถนัดที่จะไหลตามคนอื่น

ไม่ว่าจะชีวิตที่ หรูหราขึ้น ซื้อของตามรีวิว พยายามอาศัย ศรัทธา ที่มีน้อยของคนในช่วงนั้น พยายามมาเป็นแม่พระนั่นนู่นนี่แนะนำสั่งสอนหนักมากจนชนิดที่ว่าหลายคนเริ่มไม่แคร์การเก็บเงิน และ เชื่อคำว่า ชีวิตต้องใช้เงินให้มีความสุขที่สุด นั่นแหละ คือ เหตุ และ ผลของปัจจุบันนั่นเอง

โดยปกติแล้ว ทฤษฎีหรือแนวคิด ที่เอาไว้ใช้เวลาเราเจอวิกฤตใหญ่ๆ อาจจะโรคระบาด เอเลี่ยนบุค โลกกำลังเปลี่ยนแปลงภัยพิบัติสาหัส บลาๆ สิ่งแรกที่ต้องคิด ไม่ใช่การ ริเริ่ม หรือ เปลี่ยนแนวความเชื่อ หรือ เปลี่ยนวิถีชีวิตเลยนะ แต่ต้องเป็น พยายาม survival ให้นานนนนนนที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนแปลงเพื่อดูว่าเราสามารถ เยียวยาหรือกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมได้ไหม

มันคือการ hold หลายสิ่งให้มันคงเดิมอยู่นานที่สุด ก่อนจะไป survival ในสิ่งต่อไป แต่ถ้าเราคิดแต่เปลี่ยน โลกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกๆ crisis event ที่มันแย่ๆ หรือ กระทบชีวิตแปลว่า เราจะเปลี่ยนกันบ่อย และ ยิ่งบ่อยแค่ไหนเรายิ่งเบื่อหน่ายกับโลกและสังคมเพราะ เราไม่ไหวจะเปลี่ยนมัน
แปลว่า เราไม่ได้ hold อะไรเลย เราแค่ไหลไปตามสังคมบังคับให้ทำ หรือ เชื่อใครก็ทำไปเลย มันไม่เรียกว่า survival ได้ขนาดนั้นหรอก

มันมีอยู่ในปัจจุบัน มนุษย์ผู้ที่คิดเหมือนกระต่ายตื่นตูม คือ เอะอะไม่รู้หละ แผ่นดินไหวมา น้ำท่วมมา จะหนี จะย้าย จะนั่นนู่นนี่ สร้างข่าวนั่นนู่นนี่ปั่น นี่คือแนวคิดแบบ กระต่ายตื่นตูมสุดท้ายเป็นไง กระทบอะไรบ้าง ทำกี่คน panic อีกกี่คนที่เห็นแล้วไม่พร้อมไม่ไหวกับการเปลี่ยนแปลงเห็นไหมครับ

ไปดูสาย survival เลย น้ำท่วมหรออ่อ อืมๆ ยกของขึ้นชั้นสองเตรียมของใช้นั่นนู่นนี่ชิวววววว พวกนี้จะค่อนข้างมีความ เอาชีวิตรอดได้สูงปี๊ดติดเพดานง่ายกว่า ถึงจะเหนื่อยกับผลกระทบ แต่ด้วยความที่เขารับมือเขา survival กับ ชีวิต เขาถึงไม่ค่อย panic ขนาดนั้น หรือ บางทีเปลี่ยนแปลงบ้านหรือที่พักหลบภัยให้เหมาะกับพื้นที่แถวนั้นเลย ไม่จำเป็นไม่ต้องงย้ายทำไมก่อน เขาถึง hold มันได้นานกว่า หรือ survival ได้นานกว่า

สาย survival จะรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญมาก คือ การอยู่ที่เดิมให้ได้นานที่สุด หรือ survival ให้นานที่สุด รักษาทรัพยากรให้นานที่สุด ทำอะไรก็ได้ให้ของเดิมนานที่สุด เพราะ ว่าการย้ายถิ่นฐานหรือการไปริเริ่มใหม่ มันอันตรายกว่า เพราะ เราต้อง rebuild ทุกอย่างหมดและเสี่ยงที่จะตายแบบโง่ๆ เขาถึงต้อง hold จนกว่าจะแย่จริงๆ ถึงจะย้ายดึงทรัพยากรสำคัญในการตั้งฐานใหม่ไปด้วย

คนไทยอะ มีน้อยครับที่เป็นสาย survival จริงๆ ส่วนมากไทยเราเกิดมากับความสงบทั้งภัยธรรมชาติ การเมือง และ เศรษฐกิจด้วย เราไม่ได้เจออะไรใหญ่ๆ ชนิดแบบต้องออกมาปาขวดไฟไล่นั่นนู่นนี่ทะเลาะ เกิดสงครามกลางเมือง เกิดสงครามระหว่างประเทศยิงกันสั่นลั่นทุ่ง เกิดภัยพิบัติระดับไคจูถล่ม หรือ แผ่นดินไหวตึกถล่มทั้งโซน หรือ น้ำท่วมแบบเละเทะไม่เหลือชิ้นดี

เราชิวเกินไป เกินกว่าที่จะสร้าง มนุษย์แนวคิด survival เอาตัวรอดได้ทุกสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมได้ขนาดนั้น เทียบกับต่างชาติ ต่างชาติยังดูจะ survival ภัยธรรมชาติหนักกว่าเราอีก เพลอๆ คนไทยพอเจออะไรขึ้นมาอีก ก็เอาแต่ไปกราบไหว้สายมู มากกว่ามาบอกว่าการใช้ชีวิตแบบ survival ต้องทำยังไงบ้าง เขาเลยไม่รู้กันสักคนเลย รู้แค่เสี้ยวนึงของตำราการเอาชีวิตรอดบนโลกใบนี้

แค่อดออมแล้วเรียกว่า survival แล้วมันยังไม่ถึงเสี้ยวเลย การใช้ชีวิตแบบ survival แท้จริงคือ
1. ต้องคิดเร็ว ตัดสินใจคม หูตาเปิดกว้างมองเห็นภัยพิบัติหรือภัยอันตราย พยายามหาข้อมูลให้เยอะที่สุด การสื่อสารสำคัญมาก
2. จัดเตรียมแนวทางทั้ง การต้องทนอยู่ หรือ การปรับตัวให้ชิน
3. รวมถึงการโยกย้ายหนีถ้ามันจำเป็น เราถึงต้องมีแผนกันตายเอาไว้หนี
4. ต้องรู้อนาคตให้ได้เท่าที่จำเป็น หรือ คาดเดาอนาคตได้ว่าอะไรจะเกิดความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ถึงเวลาไหมที่เราจะหนีไปริเริ่มใหม่

สาย survival จะรู้จักวิธีการดีจริงๆ ว่าก่อนจะย้ายถิ่นฐาน เราต้องทำอะไรก่อนมีลำดับการจัดการ ไม่ใช่เอาแต่กรีดโวยวาย ตื่นตูมอ้างนั่นนู่นนี่ เราไม่ทำกันแบบนั้นเพราะยิ่งทำแบบไหน เราจะขาดสติ หรือ เพลอไปทำสิ่งที่เรียกว่าแนวคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าก็ไม่ใช่แนวคิดที่ถูกต้องแล้ว

การกักตุนแบบเห็นแก่ตัว หรือ ที่เรามักจะเห็นในหนัง หรือ ตามวิกฤตขาดแคลนอาหารทั่วโลก คือ เราไม่รู้หละยังไง เรารีบกักตุน เรารีบสร้างบังเกอร์ทั้งที่ พายุยังไม่มาผลสุดท้ายเป็นไง เกิดความโกลาหลนั่นเอง

พยายามอยู่นานๆ หลายวันหลายคืน แค่อยู่รอดไม่กี่วันยัง != survival ครับ แชร์ไว้ เพื่อใครอยากรู้ทฤษฎีการ survival ที่แท้ทรูอะ มันเรียลชนิดใช้ที่ไหนก็ได้บนโลกเลยนะ ปรับตัวเข้าได้กับทุกรูปแบบ ตามทรัพยากร ตามสภาพภูมิประเทศ และ องค์ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลที่มี เวลาคุณไปด้วยแนวคิดที่ใช่ คุณจะเห็นเส้นทางการเอาตัวรอดด้วยตา มองหาทรัพยากรตามธรรมชาติ หรือ ปรับตัวอยู่ตามเมืองที่มั่นคงปลอดภัยได้สบายๆ

ยกตัวอย่าง ผมรู้อนาคตอยู่แล้วว่า การทำงานของผมใช่ไหม มันก็ต้องอยู่กรุงเทพ และ น่าจะยาวเกิน 20 ปี แน่นอน 100% ผมรู้อนาคตเบื้องต้นละ
แปลว่าผมต้องการ ที่พักชั้นดีสำหรับหลบภัย เพราะ บ้านตจวเดิมมันไม่ตอบโจทย์ละเนื่องจากปัจจัยการมีชีวิตรอดที่ต่างจังหวัดมันแย่มาก

แต่ผมถูกส่งมา survey ผ่านการเรียนพิเศษ และ เรียนมหาลัยกรุงเทพก่อนเพื่อดูช่องทางว่ามันสามารถหรือเป็นไปได้ไหมก่อนจะมาอยู่จริงๆ หรือ เราก็คือ หน่วย scout นั่นแหละครับ ก็เสี่ยงตายแต่ว่าเราหนีกลับไปรายงานเก็บข้อมูลได้เรื่อยๆ ถึงอายุยังน้อย 12-14 เราก็ต้องนั่งรถตู้เข้ากรุงเทพมาเรียนหนังสือคนเดียวแล้วนะ ไม่มีผู้ปกครองด้วยอันตรายจัดอะสำหรับเด็ก แต่คงไม่สำหรับผม ผมโดนฝึกจนชิน

พอเรามาอยู่กรุงเทพ เราต้องเริ่มเรียนรู้ environment ใหม่ของกรุงเทพ ผู้คน การใช้ชีวิต การเดินทาง ราคาสิ่งของ ทำเลที่ตั้ง แหล่งน้ำจืด ทางออก ทางหนี ภัยพิบัติ ภัยอันตรายประเภทต่างๆ จากคน จากสิ่งไม่รู้ ศึกษาให้เยอะๆ ศึกษาเอาจากคนจะง่ายที่สุด ดีกว่าไปด้นสดโง่ลองผิดลองถูก

ผมก็จะรู้ละว่า คอนโด หรือ บ้านจะตอบโจทย์กว่ากันในระยะยาว และ การทำงานก็จะสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ผมก็ต้องรู้จักศึกษาความรู้ด้านการหาเงิน หรือ หาทรัพยากรเหมือนกับการ หาไม้ หาน้ำจืดนั่นแหละครับ ก็กรุงเทพไม่มีป่า ก็แค่ต้องมองหาอาหาร ถ้ามีป่าผมคงวิ่งเข้าป่าไปหาของป่าแล้วหละนะ ผมถึงมีจุดนึงที่ ไปทดลองใช้ชีวิตแบบคนจน ทำไม?? คนจนเขามีวิธีฉลาดอย่างนึง คือ การหาอาหารที่เขาไปต่อได้ ถ้าเราหาเจอเราก็จะเจอคำตอบแบบง่ายๆ ถึงเราจะรวยกว่าก็เหอะนะ แต่ว่าอย่างน้อยถ้ามันไม่เหลืออะไรจะกิน ก็ต้องกินแบบคนจนกินให้ได้นั่นแหละ

แล้วเมื่อเราสร้างองค์ประกอบครบ เราจะชินขึ้น ใช้ชีวิตชิวขึ้นเอง ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้อง survival ออกสำรวจเท่าสมัยก่อน เพราะเรามีครบทุกปัจจัยแล้วก็ยิงยาวได้เลย มันก็เหมือนพวก safe house ของหนังสายลับนั่นแหละ ภายใน safe house มันก็ต้องมีข้าวของที่สามารถหยิบจับกินได้เติมได้ใช้งานได้ มีวิทยุติดต่อใช่ไหมหละ เราก็ทำได้ครับวันดีคืนดี ไม่อยู่ละไปทำงานต่างประเทศ เราก็ทิ้งได้เลย ไปริเริ่มใหม่ หรือ เริ่ม survival อีกรอบแค่นั้นเอง ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็แค่กลับมาที่เดิมที่ ที่เราสร้างไว้ดีแล้ว

เราก็จะได้ละคอนโดหรือบ้านที่เราสามารถ หลบภัย และ อยู่ hold ทำงานชิวๆ ไปได้อีกนานแสนนาน ถึงต่อให้น้ำไฟจะตัดเราก็อยู่ได้สบายเลย ถ้าแย่จริง เรามีบ้านอยู่ประเทศเพื่อนบ้านอีกหลังนึง เรามี emergency plan หรือ แผนสุดท้ายละ แต่ถ้าไม่ใช้ เราก็เก็บแผนนี้ไว้ยาวๆ รอดูอะไรอีกหลายอย่างก่อนจะตัดสินใจแต่ละก้าวเดินนั้นสำคัญ

เดินมั่วซั่วตายนะครับกรุงเทพ เข้ามา งานไม่มี ที่พักไม่มีหาไม่ได้ ของกินราคาไหนไม่รู้ ได้แต่ประหยัดไปก่อน เงินสำรองก็น้อยอีก มัน survival ยังไง ผมเห็นแค่เหยื่อที่วิ่งมาหนาวตายโดยไม่มีเสื้อกันหนาวชัดๆ บางคนเดินไม่รู้เรื่องอะไรอะ ไปนั่นนู่นนี่ แบงค์ 1000 1ใบ คนไม่รู้นะ วันเดียวอาจจะหมดได้เลย แล้วถ้ามาด้วยเงินแค่ 20-30K ก็แค่ 20-40 วันจะรอดได้สักกี่วันกันเชียว

นี่แหละครับ หลักการแบบ survival เราต้องคำนึงถึงการอยู่ให้ได้นานทั้งที่เดิม และ ที่ใหม่ เราอยู๋ที่เดิมอาจจะอยู่ได้ 1-2 ปี แต่ที่ใหม่อาจจะแค่ 1 เดือนก็ตายเลย

ไม่อดตาย, ก็โดนฆ่าตาย, ประสาทกินตาย เลือกเอาเองนะ เปลี่ยนแนวคิดบ่อย ย้ายที่บ่อยก็ให้นึกถึงตอนสมัครงานอะ กลัวปะหละ?? เขาถึงอย่าเปลี่ยนถ้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามอะไรก็ตาม แต่จง อยู่หรือคงอยู่ให้นานสุดๆ survival ใน game เขาจะพูดถึง day survival หรือ จำนวนวันที่เรายังเล่นแล้วรอดชีวิต เล่นนานก็จะได้เป็นผู้ชนะเอง

แล้วไม่รู้กันหละสิว่า บริษัทเอกชนหรือพวกบริษัทชั้นนำ เขาก็ต้องรักษาบริษัทให้อยู่นานๆ หรือ กำลัง survival อยู่ครับ เขาถึงต้องพิสูจน์ด้วยการอยู่ให้นานที่สุด หรือ แข่งกันกันอยู่รอดในกลไกของทุนนิยม

ถ้าบริษัทสู้ไม่ไหว การย้ายฐานการผลิต ย้ายบริษัทนั่น คือ คำตอบ ของอนาคตที่เราถามหาว่า เราควรกลัวอะไรกันแน่??
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่