สวัสดีค่ะ เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะเรามีความรู้สึกเศร้าแล้วไม่มีคนให้ปรึกษาหรือเล่าเรื่องได้เลย
กระทู้นี้เลยเหมือนเป็นการมาระบายปนเล่าเรื่องไปในตัวผสมผสารความฟุ้งซ่านด้วย555555555
ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาลัยปี 2 แล้วค่ะ เรียนอยู่ที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งต้องเรียนไปทำงานไปเลยได้เรียนแค่วันอาทิตย์มันมีอยู่หลายๆครั้งที่เรารู้สึกน้อยใจในตัวเองที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในการเป็นเด็กมหาลัยเหมือนคนอื่นๆที่ได้เรียนได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆได้เต็มที่ แค่น้อยใจในตัวเองนะคะไม่ได้น้อยใจในโชคชะตาเพราะคิดอยู่ตลอดว่าเรามีโอกาศได้เรียนแค่นี้ก็ดีกว่าใครหลายๆคนที่ไม่มีโอกาสจะได้เรียน
พอตัวเองรู้สึกใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลยชอบทำให้กลับไปนึกเสียดายชีวิตในช่วงมัธยมอยู่บ่อยๆเพราะช่วงนั้นไม่ต้องมีเรื่องให้กังกล เรียน เล่น กิน นอน เที่ยว ไปวันๆเราจัดอยู่ในเด็กประเภทกลางๆไม่ได้เนิร์ดมากและก็ไม่ได้เกเรแบบผู้หญิงแรงๆร้ายๆอะไรประมาณนั้นไม่ได้เรียนเก่งแต่ก็ไม่ได้แย่อยู่กลางๆสุดๆ55555555 ตอนที่อยู่ช่วงมัธยมเราคิดว่าเราเองก็ใช้ชีวิตเต็มที่มากๆในแบบตอนนั้นแล้วล่ะนะ การเรียน กิจกรรม เราเข้าร่วมหมดเราเป็นเด็กที่อยู่ชมรมดนตรีซึ่งเป็นเรื่องดีที่พวกพี่ๆฝ่ายปนะธานนักเรียนเกือบทั้งหมดดันเป็นเด็กชมรมดนตรีเหมือนกันเลยทำให้เราและเพื่อนๆของตัวเองสนิทกับรุ่นพี่กลุ่มนี้ไปเลยพี่ๆเองก็น่ารัก คอยช่วยเหลือ คอยลุมหัวแกล้ง55555555 เราเอ็นจอยกับทุกสิ่งในตอนนั้นจนถึงตอนนี้ยังจำสัมผัสและความรู้สึกตอนนั้นได้ไม่จางเลย
แต่เป็นเด็กมัธยมจะขาดไม่ได้เลยนั่นคือรักแรก55555 ถูกไหมคะใครๆก็ต้องมีช่วงป๊อปปี้เลิฟในวัยนี้ทั้งนั้นนนน
แต่เราไม่มีค่ะ555555 ฮือออออออ สิ่งที่มันขาดไปจากพลอตนักเรียนมัธยมคือเรื่องนี้นี่เองที่เราไม่เคยได้เข้าใจหรือรู้สึกกับมันเลย แต่ระหว่างนั้นเราก็มีคนมาชอบอยู่เรื่อยๆ เราไม่ใช้คนสวยนะคะแต่ก็ไม่ได้แย่ๆเพื่อนๆบอกออกไปทางน่ารักหน่อยๆ แต่เราค่อนข้างที่จะเป็นผู้หญิงถือตัว ไม่ชอบให้คนไม่สนิทมาแตะเนื้อต้องตัว แต่ถ้าตัดเรื่องนี้ไปเรามั่นใจว่าเราค่อนข้างคุยด้วยง่ายเลย เราสนิทได้ทั้งหญิงและชายตอนเรียนอยู่ก็สนิทกับเพื่อนในห้องได้ทุกเพศแม้กระทั่งรุ่นพี่ แต่ว่าคนแต่ละคนที่มาชอบเราเขาไม่ต้องไทป์เราเลยไม่ใช่ในเรื่องของหน้าตาแต่เป็นเรื่องของลักษณะนิสัยและการวางตัว เราชอบคนนิ่งๆแต่จริงใจ555555555 ส่วนตัวเราไม่ชอบคนพูดมากค่ะแบบพูดไปเรื่อยตับไหม้ไฟดับอะไรงี้ และส่วนใหญ่ที่มาชอบเราก็จะเป็นคนแบบนั้นสะส่วนใหญ่บางคนที่คิดว่าน่าจะต่างออกไปก็เคยลองคุยได้แค่ไม่กี่วันก็หายกันไป (เหมือนคนไม่มีดวงเรื่องนี้เลย55555) แต่เรามีคนที่แอบชอบอยู๋นะคะเขาเป็นรุ่นน้องตั้ง2ปีแหนะ ไม่หล่อมากแต่นิสัยคือตรงตามไทป์มาก55555555 มากสะจนไม่อยากเอมาครอบครอง เราชอบแอบมองชอบไปสืบเรื่องเกี่ยวกับน้องเขาอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้คิดจะสานต่ออะไรเพราะน้องค่อนข้างเย็นชามากกกก พูดแทบจะนับคำได้เขาว่ากันว่าคนที่เย็นชาถ้าอยู่กับเพื่อนสนิทจะเป็นตัวเองได้มากใช่ไหม แต่เราว่าคนนี้แปลก กับเพื่อนก็แทบจะไม่ร่วมวงสนทนาอะไรจะนั่งฟังเงียบๆ เล่นรูบิค ไม่ก็อ่านกาตูน ฟังเป็นผู้ชายที่แอบมองดูแล้วสบายตามากก มองทั้งวันยังได้
แต่ว่าความลับมันไม่มีในโลกอะเนอะยิ่งเฉพาะถ้ามีเพื่อบแบบที่ว่า (ฉันร็โลกต้องรู้อะไรงี้) แน่นอนเพื่อนแซวจนเรื่องมันไปถึงหูน้องเลยนั่นแหละ เราไม่รู้เหมือนกันว่าน้องรู้สึอะไรไหมเพราะน้องทำตัวปกติมาก เราเองก็พยายามทำตัวปกตินะ (แอบมองแบบปกติหน่ะ)
มันคือความสะบายใจแบบเรื่อยๆที่เราไม่ได้หวังให้มันไปไกลกว่านี้จริงๆเราสามารถนั้งมองเด็กคนนี้ได้ทั้งวันแบบไม่เบื่อเลยสักนิดเดียว จนเราก็มีแอบคิดว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้ชอบน้องเหมือนที่ผู้หญิงชอบผู้ชาบแบบรักๆเลิฟอะไรหรือป่าว ทำไมความรักของฉันมันถึงดูง่ายสะจนไม่เข้า ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นทำไมถึงรู้สึกอะไรแบบนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าไอความรู้สึกตอนน้นมันคืออะไร แอบชอบเหรอ555555555
มีช่วงนึงที่เราอ่านนิยายดึกๆจนสายตาเรื่องไม่ปกติมากๆ เวลาอ่านแล้วหนังสือมันแยกร่างได้เว่ยเราเลยไปตัดแว่นแล้วก็ได้แว่นมาใส่ไปโรงเรียน คือเราสายตาเอียงฉบับที่เวลาเขียนหนังสือต้องเอียงสมุดเขียนเพื่อจะให้มันเขียนตรง เพราะถ้าเขียนแบบปกติถึงจะมีเส้นบรรทัดมันก็เอียงงงง
ตอนนั้นเลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง คือเราก็ใส่แว่นไปเรียนปกติแต่วันนั้นทั้งวันเราแทบไม่ได้เจอน้องเลยปกติจะเจอบ่อยตอนเดินเปลี่ยนคาบเรียน แต่วันนี้น้องหายไปเลยมาเจออีกทีคือตอนพักเที่ยงน้องนั่งฟังเพื่อนๆตัวเองพูดพล่ามอะไรไม่รู้ไม่ได้ฟังเหมือนจะเหม่อลอยไปเลย เราก็เดินไปนั่งที่โตะประจำคือฝ่งตรงข้ามเยื้องๆกับโตะหินที่น้องนั่งแต่มุมที่เราเลือกมองน้องได้ชัดเจนน เหมือนวันนี้กลุ่มของเราจะเม้ากันเสียงดังเป็นพิเศษแบบว่ารูสึกได้ว่าตัวเองมองไปที่น้องทีไรก็จะสบตากันอยู่บ่อย บ่อยมากจนกลัวว่าน้องจะจับได้ว่าเราแอบมอง มีหลายช่วงที่น้องมองตรงมาทางเราจดมันอึดอัดแบบไม่รู้ทำไม คือฉันใส่แว่นมันน่าตลกหรือน่าแปลกใจอะไร55555 ตั้งแต่นั้นมาพอเรามานั่งมองน้องตรงนี้ทีไรเรามักจะเผลอสบตากันบ่อยมาก จนเราคิดจะไม่มองไปทางนั้นละ ดาเมจเกิน ช่วงนั้นไม่มีอะไรมากเลยโมเม้นมันก็มีอยู่แค่นี้แหละค่ะตอนจะจบมีอย่างเดียวที่รู้สึกขอบคุณเพื่อนมากคือการที่เพื่อนไปแอบขอน้องให้มาถ่ายรูปกับเราตอนวันงานปัจฉิม น้องก็ยอมมาเฉยเลย55555 เราที่ไม่รู้อะไรโดนเพื่อนฉุดกระฉากไปหลังโรงเรียนก็เห็นน้องยืนรออยู่ หัวใจมันจะวายไปเลยตอนนั้น555555 คิดแล้วตลกมาก คือเพื่อนเรารู้งานสุดๆอันนี้นับถือ
แต่หนังจากนั้นมาเราก็ไม่เคยเจอน้องอีกเลยเพราะน้องย้ายโรงเรียนส่วนเราก็ไปเรียนที่ใหม่ ต้องปรับตัวหลายอย่างจนบางทีน้องก็หายไปจากหัว แต่พอมามีเรื่องรักๆใคร่ๆใกล้ตัวทีไรเรามักจะนึกถึงน้องตลอดเลย เราไม่รู้เลยว่าจริงๆเราความรู้สึกตอนนั้นมันคืออะไรกันแน่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทำให้เรารู้สึกแบบนั้นได้อีกเลยค่ะ มันสะบายใจทีมีเขาอยู่ตรงนั้น สะบายใจเมื่อได้นั่งมองอยู่เฉยๆ สะบายใจที่ไม่มีบทสนทนาระหว่างเรา
ความรู้สึกแบบนี้คือปล่อยวางเหรอคะ555555
พอกลับมาคิดเอาตอนนี้มันรู้สึกเสียดายจัง คนที่ทำให้เราสะบายใจแบบนั้นหาไม่ได้แล้วนับตั้งแต่จบจากตอนนั้น
เคยลองคิดดูว่าถ้านั้นได้พยายามอะไรขึ้นมาหน่อย หลายๆอย่างมันจะเปลี่ยนไปหรือป่าวนะ เราเหมือนคนขาดอะไรไปเลยทั้งๆที่เราะคิดว่าตัวเองเต็มที่กับทุกอย่างแล้วจริงๆแท้ๆ นี่คือสิ่งที่เราอยากเล่าให้ใครสักคนฟังแต่เราไม่รู้จะระบายให้ใครฟังเพื่อคลายอารมณ์อึดอัด
แต่มันมีเรื่องตลกอยู่ที่ว่าในขณะที่เราแอบปลื้มน้องคนนี้ก็มีเพื่อนเราคนหนึ่งตอนที่ใกล้จะเรียนจบเรามีเพื่อนสนิทผู้ชายอยู่คนนึงจะเป็นกลุ่มผู้ชายในห้องที่เราสนิทด้วยเวลามีงานกลุ่มที่ครูยัดเยียดว่าต้องคละกลุ่มกับผู้ชายก็จะเป็นกลุ่มนี้แหละที่เราจับมันมาโดยไม่ถามความเห็น5555555 เพื่อนผู้หญิงชอบมาแอบบอกว่ามีผู้ชายในกลุ่มนั้นคนนึงเขาแอบชอบเราอยู่แถมยังเป็นที่เราสนิทด้วยอีก ตอนนั้นเราไม่เชื่อด้วยซ้ำแบบว่าในหัวมันล็อคคำว่าเป็นไปไม่ได้ไว้เลยอะคะ55555
เพราะที่ผ่านมาเพื่อนคนนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันแอบชอบหรืออะไรได้เลย เจอหน้ากันก็ด่ากันเละเทะไปหมด นับถืออยู่อย่างเดียวคือเวลาเราเล่นแรงๆแบบตีบ้างเตะบ้างเอาไม่กวาดไม้ถูพื้นไล่ตีบ้างเขาก็ไม่เคยทำเรากลับเลยสักครั้ง ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆคือฟาดเรากลับมาสะลืมเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ยอมรับได้เลยว่าเพื่อนคนนี้ทำให้เราไม่รู้สึกว่าโดนคุกคามเลย ไม่เคยเตะเนื้อต้องตัวใดๆจะมีแค่ต้องทำงานร่วมกันแล้วช่วยกัยจับนู่นทำนี่แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะมันคืองาน จนมาวันนึงฝ่ายเพื่อนเขากับฝ่ายพื่อนเราก็เริ่มพูดแซวแล้วก็มีเชียร์กันแบบออกหน้าออกตาสุดๆ คนอื่นดูออกหมดยกเว้นเรา5555555
จะว่าโง่ก็โง่เถอะ เพราะเราไม่เอะใจอะไรเลยเว้ยไม่เคยเลยยยย เป็นเพื่อนกันแบบหลับหูหลับตาเวอร์เป็นแบบนี้ยันเรียนจบม.3อะคะ
จนเพื่อนทนในความโง่ไม่ไหวเลยมาเล่าโมนเม้นต์หรือเหตุการต่างๆให้เราหูตาสว่างขึ้น เราก็มีได้คุยกับเขาบ้างหลังเรียนจบแต่ก็พยายามทำให้เขาไม่รู้สึกกับเราไปมากกว่านี้ เราว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้เราโอเครกว่าเลยไม่ได้คุยบ่อยจนไปให้ความหวังเขา
แต่มันก็เท่านั้นแหละเพราะไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าเพื่อนเลยห่างหายกันไป
*ขอบคุณสำหรับคนที่กดเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ ไม่มีสาระอะไรเลยค่ะ55555555555555555555
ความรักวัยมัธยมเป็นแบบไหนกันนะ
กระทู้นี้เลยเหมือนเป็นการมาระบายปนเล่าเรื่องไปในตัวผสมผสารความฟุ้งซ่านด้วย555555555
ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาลัยปี 2 แล้วค่ะ เรียนอยู่ที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งต้องเรียนไปทำงานไปเลยได้เรียนแค่วันอาทิตย์มันมีอยู่หลายๆครั้งที่เรารู้สึกน้อยใจในตัวเองที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในการเป็นเด็กมหาลัยเหมือนคนอื่นๆที่ได้เรียนได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆได้เต็มที่ แค่น้อยใจในตัวเองนะคะไม่ได้น้อยใจในโชคชะตาเพราะคิดอยู่ตลอดว่าเรามีโอกาศได้เรียนแค่นี้ก็ดีกว่าใครหลายๆคนที่ไม่มีโอกาสจะได้เรียน
พอตัวเองรู้สึกใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลยชอบทำให้กลับไปนึกเสียดายชีวิตในช่วงมัธยมอยู่บ่อยๆเพราะช่วงนั้นไม่ต้องมีเรื่องให้กังกล เรียน เล่น กิน นอน เที่ยว ไปวันๆเราจัดอยู่ในเด็กประเภทกลางๆไม่ได้เนิร์ดมากและก็ไม่ได้เกเรแบบผู้หญิงแรงๆร้ายๆอะไรประมาณนั้นไม่ได้เรียนเก่งแต่ก็ไม่ได้แย่อยู่กลางๆสุดๆ55555555 ตอนที่อยู่ช่วงมัธยมเราคิดว่าเราเองก็ใช้ชีวิตเต็มที่มากๆในแบบตอนนั้นแล้วล่ะนะ การเรียน กิจกรรม เราเข้าร่วมหมดเราเป็นเด็กที่อยู่ชมรมดนตรีซึ่งเป็นเรื่องดีที่พวกพี่ๆฝ่ายปนะธานนักเรียนเกือบทั้งหมดดันเป็นเด็กชมรมดนตรีเหมือนกันเลยทำให้เราและเพื่อนๆของตัวเองสนิทกับรุ่นพี่กลุ่มนี้ไปเลยพี่ๆเองก็น่ารัก คอยช่วยเหลือ คอยลุมหัวแกล้ง55555555 เราเอ็นจอยกับทุกสิ่งในตอนนั้นจนถึงตอนนี้ยังจำสัมผัสและความรู้สึกตอนนั้นได้ไม่จางเลย
แต่เป็นเด็กมัธยมจะขาดไม่ได้เลยนั่นคือรักแรก55555 ถูกไหมคะใครๆก็ต้องมีช่วงป๊อปปี้เลิฟในวัยนี้ทั้งนั้นนนน
แต่เราไม่มีค่ะ555555 ฮือออออออ สิ่งที่มันขาดไปจากพลอตนักเรียนมัธยมคือเรื่องนี้นี่เองที่เราไม่เคยได้เข้าใจหรือรู้สึกกับมันเลย แต่ระหว่างนั้นเราก็มีคนมาชอบอยู่เรื่อยๆ เราไม่ใช้คนสวยนะคะแต่ก็ไม่ได้แย่ๆเพื่อนๆบอกออกไปทางน่ารักหน่อยๆ แต่เราค่อนข้างที่จะเป็นผู้หญิงถือตัว ไม่ชอบให้คนไม่สนิทมาแตะเนื้อต้องตัว แต่ถ้าตัดเรื่องนี้ไปเรามั่นใจว่าเราค่อนข้างคุยด้วยง่ายเลย เราสนิทได้ทั้งหญิงและชายตอนเรียนอยู่ก็สนิทกับเพื่อนในห้องได้ทุกเพศแม้กระทั่งรุ่นพี่ แต่ว่าคนแต่ละคนที่มาชอบเราเขาไม่ต้องไทป์เราเลยไม่ใช่ในเรื่องของหน้าตาแต่เป็นเรื่องของลักษณะนิสัยและการวางตัว เราชอบคนนิ่งๆแต่จริงใจ555555555 ส่วนตัวเราไม่ชอบคนพูดมากค่ะแบบพูดไปเรื่อยตับไหม้ไฟดับอะไรงี้ และส่วนใหญ่ที่มาชอบเราก็จะเป็นคนแบบนั้นสะส่วนใหญ่บางคนที่คิดว่าน่าจะต่างออกไปก็เคยลองคุยได้แค่ไม่กี่วันก็หายกันไป (เหมือนคนไม่มีดวงเรื่องนี้เลย55555) แต่เรามีคนที่แอบชอบอยู๋นะคะเขาเป็นรุ่นน้องตั้ง2ปีแหนะ ไม่หล่อมากแต่นิสัยคือตรงตามไทป์มาก55555555 มากสะจนไม่อยากเอมาครอบครอง เราชอบแอบมองชอบไปสืบเรื่องเกี่ยวกับน้องเขาอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้คิดจะสานต่ออะไรเพราะน้องค่อนข้างเย็นชามากกกก พูดแทบจะนับคำได้เขาว่ากันว่าคนที่เย็นชาถ้าอยู่กับเพื่อนสนิทจะเป็นตัวเองได้มากใช่ไหม แต่เราว่าคนนี้แปลก กับเพื่อนก็แทบจะไม่ร่วมวงสนทนาอะไรจะนั่งฟังเงียบๆ เล่นรูบิค ไม่ก็อ่านกาตูน ฟังเป็นผู้ชายที่แอบมองดูแล้วสบายตามากก มองทั้งวันยังได้
แต่ว่าความลับมันไม่มีในโลกอะเนอะยิ่งเฉพาะถ้ามีเพื่อบแบบที่ว่า (ฉันร็โลกต้องรู้อะไรงี้) แน่นอนเพื่อนแซวจนเรื่องมันไปถึงหูน้องเลยนั่นแหละ เราไม่รู้เหมือนกันว่าน้องรู้สึอะไรไหมเพราะน้องทำตัวปกติมาก เราเองก็พยายามทำตัวปกตินะ (แอบมองแบบปกติหน่ะ)
มันคือความสะบายใจแบบเรื่อยๆที่เราไม่ได้หวังให้มันไปไกลกว่านี้จริงๆเราสามารถนั้งมองเด็กคนนี้ได้ทั้งวันแบบไม่เบื่อเลยสักนิดเดียว จนเราก็มีแอบคิดว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้ชอบน้องเหมือนที่ผู้หญิงชอบผู้ชาบแบบรักๆเลิฟอะไรหรือป่าว ทำไมความรักของฉันมันถึงดูง่ายสะจนไม่เข้า ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นทำไมถึงรู้สึกอะไรแบบนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าไอความรู้สึกตอนน้นมันคืออะไร แอบชอบเหรอ555555555
มีช่วงนึงที่เราอ่านนิยายดึกๆจนสายตาเรื่องไม่ปกติมากๆ เวลาอ่านแล้วหนังสือมันแยกร่างได้เว่ยเราเลยไปตัดแว่นแล้วก็ได้แว่นมาใส่ไปโรงเรียน คือเราสายตาเอียงฉบับที่เวลาเขียนหนังสือต้องเอียงสมุดเขียนเพื่อจะให้มันเขียนตรง เพราะถ้าเขียนแบบปกติถึงจะมีเส้นบรรทัดมันก็เอียงงงง
ตอนนั้นเลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่าง คือเราก็ใส่แว่นไปเรียนปกติแต่วันนั้นทั้งวันเราแทบไม่ได้เจอน้องเลยปกติจะเจอบ่อยตอนเดินเปลี่ยนคาบเรียน แต่วันนี้น้องหายไปเลยมาเจออีกทีคือตอนพักเที่ยงน้องนั่งฟังเพื่อนๆตัวเองพูดพล่ามอะไรไม่รู้ไม่ได้ฟังเหมือนจะเหม่อลอยไปเลย เราก็เดินไปนั่งที่โตะประจำคือฝ่งตรงข้ามเยื้องๆกับโตะหินที่น้องนั่งแต่มุมที่เราเลือกมองน้องได้ชัดเจนน เหมือนวันนี้กลุ่มของเราจะเม้ากันเสียงดังเป็นพิเศษแบบว่ารูสึกได้ว่าตัวเองมองไปที่น้องทีไรก็จะสบตากันอยู่บ่อย บ่อยมากจนกลัวว่าน้องจะจับได้ว่าเราแอบมอง มีหลายช่วงที่น้องมองตรงมาทางเราจดมันอึดอัดแบบไม่รู้ทำไม คือฉันใส่แว่นมันน่าตลกหรือน่าแปลกใจอะไร55555 ตั้งแต่นั้นมาพอเรามานั่งมองน้องตรงนี้ทีไรเรามักจะเผลอสบตากันบ่อยมาก จนเราคิดจะไม่มองไปทางนั้นละ ดาเมจเกิน ช่วงนั้นไม่มีอะไรมากเลยโมเม้นมันก็มีอยู่แค่นี้แหละค่ะตอนจะจบมีอย่างเดียวที่รู้สึกขอบคุณเพื่อนมากคือการที่เพื่อนไปแอบขอน้องให้มาถ่ายรูปกับเราตอนวันงานปัจฉิม น้องก็ยอมมาเฉยเลย55555 เราที่ไม่รู้อะไรโดนเพื่อนฉุดกระฉากไปหลังโรงเรียนก็เห็นน้องยืนรออยู่ หัวใจมันจะวายไปเลยตอนนั้น555555 คิดแล้วตลกมาก คือเพื่อนเรารู้งานสุดๆอันนี้นับถือ
แต่หนังจากนั้นมาเราก็ไม่เคยเจอน้องอีกเลยเพราะน้องย้ายโรงเรียนส่วนเราก็ไปเรียนที่ใหม่ ต้องปรับตัวหลายอย่างจนบางทีน้องก็หายไปจากหัว แต่พอมามีเรื่องรักๆใคร่ๆใกล้ตัวทีไรเรามักจะนึกถึงน้องตลอดเลย เราไม่รู้เลยว่าจริงๆเราความรู้สึกตอนนั้นมันคืออะไรกันแน่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทำให้เรารู้สึกแบบนั้นได้อีกเลยค่ะ มันสะบายใจทีมีเขาอยู่ตรงนั้น สะบายใจเมื่อได้นั่งมองอยู่เฉยๆ สะบายใจที่ไม่มีบทสนทนาระหว่างเรา
ความรู้สึกแบบนี้คือปล่อยวางเหรอคะ555555
พอกลับมาคิดเอาตอนนี้มันรู้สึกเสียดายจัง คนที่ทำให้เราสะบายใจแบบนั้นหาไม่ได้แล้วนับตั้งแต่จบจากตอนนั้น
เคยลองคิดดูว่าถ้านั้นได้พยายามอะไรขึ้นมาหน่อย หลายๆอย่างมันจะเปลี่ยนไปหรือป่าวนะ เราเหมือนคนขาดอะไรไปเลยทั้งๆที่เราะคิดว่าตัวเองเต็มที่กับทุกอย่างแล้วจริงๆแท้ๆ นี่คือสิ่งที่เราอยากเล่าให้ใครสักคนฟังแต่เราไม่รู้จะระบายให้ใครฟังเพื่อคลายอารมณ์อึดอัด
แต่มันมีเรื่องตลกอยู่ที่ว่าในขณะที่เราแอบปลื้มน้องคนนี้ก็มีเพื่อนเราคนหนึ่งตอนที่ใกล้จะเรียนจบเรามีเพื่อนสนิทผู้ชายอยู่คนนึงจะเป็นกลุ่มผู้ชายในห้องที่เราสนิทด้วยเวลามีงานกลุ่มที่ครูยัดเยียดว่าต้องคละกลุ่มกับผู้ชายก็จะเป็นกลุ่มนี้แหละที่เราจับมันมาโดยไม่ถามความเห็น5555555 เพื่อนผู้หญิงชอบมาแอบบอกว่ามีผู้ชายในกลุ่มนั้นคนนึงเขาแอบชอบเราอยู่แถมยังเป็นที่เราสนิทด้วยอีก ตอนนั้นเราไม่เชื่อด้วยซ้ำแบบว่าในหัวมันล็อคคำว่าเป็นไปไม่ได้ไว้เลยอะคะ55555
เพราะที่ผ่านมาเพื่อนคนนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันแอบชอบหรืออะไรได้เลย เจอหน้ากันก็ด่ากันเละเทะไปหมด นับถืออยู่อย่างเดียวคือเวลาเราเล่นแรงๆแบบตีบ้างเตะบ้างเอาไม่กวาดไม้ถูพื้นไล่ตีบ้างเขาก็ไม่เคยทำเรากลับเลยสักครั้ง ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆคือฟาดเรากลับมาสะลืมเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ยอมรับได้เลยว่าเพื่อนคนนี้ทำให้เราไม่รู้สึกว่าโดนคุกคามเลย ไม่เคยเตะเนื้อต้องตัวใดๆจะมีแค่ต้องทำงานร่วมกันแล้วช่วยกัยจับนู่นทำนี่แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะมันคืองาน จนมาวันนึงฝ่ายเพื่อนเขากับฝ่ายพื่อนเราก็เริ่มพูดแซวแล้วก็มีเชียร์กันแบบออกหน้าออกตาสุดๆ คนอื่นดูออกหมดยกเว้นเรา5555555
จะว่าโง่ก็โง่เถอะ เพราะเราไม่เอะใจอะไรเลยเว้ยไม่เคยเลยยยย เป็นเพื่อนกันแบบหลับหูหลับตาเวอร์เป็นแบบนี้ยันเรียนจบม.3อะคะ
จนเพื่อนทนในความโง่ไม่ไหวเลยมาเล่าโมนเม้นต์หรือเหตุการต่างๆให้เราหูตาสว่างขึ้น เราก็มีได้คุยกับเขาบ้างหลังเรียนจบแต่ก็พยายามทำให้เขาไม่รู้สึกกับเราไปมากกว่านี้ เราว่าเป็นเพื่อนกันแบบนี้เราโอเครกว่าเลยไม่ได้คุยบ่อยจนไปให้ความหวังเขา
แต่มันก็เท่านั้นแหละเพราะไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าเพื่อนเลยห่างหายกันไป
*ขอบคุณสำหรับคนที่กดเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ ไม่มีสาระอะไรเลยค่ะ55555555555555555555