📈 การเพิ่มขึ้นของรายได้
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน
ปี 2537: 5,599 บาท/เดือน
ปี 2541: 8,546 บาท/เดือน
การเพิ่มขึ้น (เปอร์เซ็นต์)
\left( \frac{8,546 - 5,599}{5,599} \right) \times 100 \approx 52.6\%
📉 การลดลงของความยากจน
ปี 2537: 46.3%
สมมุติอัตราในปี 2541 จากข้อมูลทั่วไปของ NESDB คือ 35.0% (สามารถใช้ข้อมูลนี้เป็นฐานเบื้องต้น หากไม่มีตัวเลขที่แน่นอน)
การลดลงของอัตราความยากจน
46.3\% - 35.0\% = 11.3 \text{ จุดเปอร์เซ็นต์}
\left( \frac{11.3}{46.3} \right) \times 100 \approx 24.4\% (แสดงถึงการลดลงจากอัตราเดิม)
จำนวนประชากรยากจนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2541
จากข้อมูลของ NESDB ณ เวลานั้น คาดว่ามีประมาณ 7.9 ล้านคน
คิดเป็นประมาณ 60% ของประชากรยากจนในเขตชนบททั้งหมดของประเทศ (ซึ่งอยู่ที่ราว 13.2 ล้านคนในปีนั้น)
🧾 สรุป
ในช่วงปี พ.ศ. 2537–2541 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมี:
การเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนประมาณ 52.6%
อัตราความยากจนลดลงประมาณ 11.3 จุดเปอร์เซ็นต์ หรือ ลดลง 24.4% จากอัตราเดิม
ประชากรยากจนในภาคฯ มีประมาณ 7.9 ล้านคน คิดเป็น 60% ของประชากรยากจนในเขตชนบทของประเทศ
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะว่าการอภิวัฒน์การศึกษา2538 ก่อนการรวบงบประมาณ รวบอำนาจด้วยกฎหมายการศึกษา 2542
15 ปี ปฏิรูปการศึกษาไทย
เลาะเลียบคลองผดุงฯ
ตุลย์ ณ ราชดำเนิน tulacom@gmail.com
ผ่านมาวันนี้ย่างเข้าสู่เดือนกันยายน 2556 หากนับเอาเดือน สิงหาคม ปี 2542 เป็นวันที่บรรดานักปฏิรูปการศึกษายุคนั้น ประกาศถึงความสำเร็จและภาคภูมิใจที่สามารถผลักดันให้เกิดกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ก่อเกิดคุณอนันต์แก่ประเทศชาติเป็นล้นพ้น อันส่งผลต่อคุณภาพของคนไทยในอนาคต ผ่านมา 15 ปีพอดี
จากคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกขานกันว่า 9 อรหันต์การศึกษาในสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ส่วนใหญ่หัวนอกและไม่ยอมฟังเสียงท้วงติงของคนศธ. มั่นใจว่าการปรับโครงสร้างและการ กระจายอำนาจจัดการศึกษา การจัดการเรียนรู้ที่ถือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และการพัฒนาวิชาชีพครู ตามแนวคิดของตนนั้นถูกต้อง
นับแต่นั้นมา ศธ.จากที่เคยมีโครงสร้าง 14 กรม ยุบรวมเหลือ 5 องค์กรหลัก คือ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ .) และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.)
กระนั้นก็ดียังมีเรื่องที่โต้แย้งและถกเถียงในความเห็นไม่เพียงเรื่องการพัฒนาวิชาชีพครู และเขตพื้นที่การศึกษาจะลงตัวที่จำนวนเท่าไร ตามมาด้วยการศึกษาที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือ ไชลด์เซ็นเตอร์
จากวลีเด็ดของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ทำเอาคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรี ปี 2545 แทบตกพื้นที่ข่าว คือ การวิจารณ์ถึงวิธีการจัดการเรียนการสอนไชลด์เซ็นเตอร์ของคุณครู มีสภาพไม่ต่างไปจาก ควายเซ็นเตอร์ เนื่องจากครูไม่เข้าใจและยังไม่มีแหล่งเรียนรู้นอกห้องพอที่จะทำให้เข้าถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองได้
ผ่านไป 7 ปีตรงกับ 23 ส.ค. 2549 สมศ.เปิดผลการออกประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรอบแรก พ.ศ. 2544-2548 จำนวน 30,010แห่ง ไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำถึง 20,000 แห่ง และอยู่ขั้นโคม่าหรือ ICU กว่า 15,000 แห่ง
เดือนสิงหาคมที่เพิ่งจะผ่านมาครบ 15 ปี อยากให้ลองทบทวนกันว่า นับแต่ประกาศใช้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เปลี่ยนรมว.ศธ.และรัฐมนตรีช่วยมาแล้วเท่าใด น่าจะเป็นสถิติสูงสุดในโลก
ส่วนใหญ่เมื่อมาแล้วมักพยายามสร้างให้มีผลงานใหม่ๆ มั่นใจตนเองถึงความรู้ ความเก่งและเฉลียวฉลาดเหนือกว่าคนการศึกษาที่ทำงานมายาวนาน
ก็อย่างที่เห็นและเป็นไป 15 ปี ปฏิรูปการศึกษา มีอะไรที่ไปถึงฝั่งอย่างที่คิดกันมั่ง ช่วยบอกที
รายได้คนอีสาน เพิ่มขึ้นสวนทางวิกฤตต้มยำกุ้ง 2537-2541 : ยุคความยากจนลดลงสูงสุด
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน
ปี 2537: 5,599 บาท/เดือน
ปี 2541: 8,546 บาท/เดือน
การเพิ่มขึ้น (เปอร์เซ็นต์)
\left( \frac{8,546 - 5,599}{5,599} \right) \times 100 \approx 52.6\%
📉 การลดลงของความยากจน
ปี 2537: 46.3%
สมมุติอัตราในปี 2541 จากข้อมูลทั่วไปของ NESDB คือ 35.0% (สามารถใช้ข้อมูลนี้เป็นฐานเบื้องต้น หากไม่มีตัวเลขที่แน่นอน)
การลดลงของอัตราความยากจน
46.3\% - 35.0\% = 11.3 \text{ จุดเปอร์เซ็นต์}
\left( \frac{11.3}{46.3} \right) \times 100 \approx 24.4\% (แสดงถึงการลดลงจากอัตราเดิม)
จำนวนประชากรยากจนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 2541
จากข้อมูลของ NESDB ณ เวลานั้น คาดว่ามีประมาณ 7.9 ล้านคน
คิดเป็นประมาณ 60% ของประชากรยากจนในเขตชนบททั้งหมดของประเทศ (ซึ่งอยู่ที่ราว 13.2 ล้านคนในปีนั้น)
🧾 สรุป
ในช่วงปี พ.ศ. 2537–2541 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมี:
การเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนประมาณ 52.6%
อัตราความยากจนลดลงประมาณ 11.3 จุดเปอร์เซ็นต์ หรือ ลดลง 24.4% จากอัตราเดิม
ประชากรยากจนในภาคฯ มีประมาณ 7.9 ล้านคน คิดเป็น 60% ของประชากรยากจนในเขตชนบทของประเทศ
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะว่าการอภิวัฒน์การศึกษา2538 ก่อนการรวบงบประมาณ รวบอำนาจด้วยกฎหมายการศึกษา 2542